มหัศจรรย์แห่งลมหายใจ พัฒนากายและจิตได้อย่างไร
ลมหายใจประกอบไปด้วย ออกซิเจน ไอน้ำและประจุไฟฟ้าอิออน การสูดลมหายใจเข้า และการปล่อยลมหายใจออกยาวๆ จะทำให้สามารถขจัดอากาศที่เสียคือคาร์บอนมอนนอกไซด์และคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจำนวนมาก ทำให้เซลรับออกซิเจินได้ดี ขบวนการเผาผลาญจะสมบูณร์แบบ เซลได้รับออกซิเจนได้เต็มที่ โรคร้ายต่างๆ เกี่ยวกับการสันดาปหรือการเผาผลาญไม่สมบูรณ์ จึงเกิดแอนตี้ออกซิแด๊นในร่างกาย ทำให้เจ็บป่วยเป็นโรคร้ายตามมา จะไม่เกิดขึ้น การฝึกควรหายใจเข้าทางจมูกและออกทางปากยาวๆ จะส่งเสริมการทำงานของระบบร่างกายให้ ปรับเปลี่ยนร่างกายให้เข้าสู่สภาวะที่สมบูรณ์ แล้วมันเกี่ยวอย่างไรกับการพัฒนาจิต เมื่อเราอยู่ในรูปของสนามแม่เหล็ก แล้ว จะเกิดการขับเคลื่อนของพลังงานเป็นอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นการสูดลมหายใจเข้าทางจมูกโดย คนทั่วไปเมื่อสูดลมหายใจจะเข้าไปที่ปอด เพื่อมีการแลกเปลี่ยนของคาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเจน นำส่งไปที่หัวใจเพื่อนำออกซิเจนไปเลี้ยงทั่วร่างกาย การหายใจจึงมีผลต่อระบบการทำงานของหัวใจโดยตรง จากปริมาณประจุไฟฟ้าที่มาจากปอด ทำให้เกิดการขับเคลื่อนที่หัวใจเป็นอัตโนมัติ หัวใจจึงมีทั้งประจุไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กอยู่ที่เดียวกัน ขับเคลื่อนโดยตัวของมันเอง แต่ทีนี้เรามาดูว่าสำหรับคนที่ขับเคลื่อนอยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก การสูดลมหายใจมีส่วนสำคัญในการพัฒนาจิตอย่างในอัตราเร่ง เมื่อสูดลมหายใจเข้าไป จะขึ้นสู่สมอง หมุนวนเป็นวงจร ลงมาบริเวณใต้ลิ้นปี่แล้วกลับเข้าหัวใจ จนเกิดวงจรที่หัวใจ มีเส้นสายสนามพลังที่หัวใจ ส่งผ่านไปยังจักระ 1 และนำขึ้นมาที่บริเวณสมอง สุดท้ายลงมาที่ธรรมจักร ทำให้เกิดการรวมระหว่างเส้นสายจากสมองส่วนซีรีเบลลัมและประจุไฟฟ้าที่มาจากจักระ 1 มารวมกันอยู่ที่ธรรมจักร ทำให้บริเวณธรรมจักร มีปริมาณประจุไฟฟ้าอย่างมหาศาล เกิดการล๊อคพลังงานไว้ที่จุดศูนย์กลางกายไว้อย่างต่อเนื่อง ผนวกกับการสูดลมหายใจให้สัมพันธ์กับวงจรพลังงานเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกัน การสูดลมหายใจเข้าจะทำให้ส่งเสริมสนามแม่เหล็ก เพราะขณะสูดเราจะนำออกซิเจน และไอน้ำ ที่ไหนมีน้ำที่นั่นย่อมมีประจุไฟฟ้า เมื่อสูดลมเข้าสู่วงจรในสมองจะทำให้ประมาณประจุไฟฟ้าเข้าสู่เส้นสายเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการแตกตัวของแอกซอล และเดนไดร์ทมากขึ้น คือมีการขยายตัวของชั้นพลังงานมากขึ้นทำให้เกิดการดูดซับขัอมูลหรือประจุไฟฟ้าได้มากขึ้น ความเป็นสนามแม่เหล็กในเส้นสายจะมีความเข้มข้นอย่างสูง ระยะทางในการส่งและรับข้อมูลทางเซลประสาทจะหายไป การเชื่อมต่อของการรับรู้จะอยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก จะสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน ทำให้เกิดการรับรู้ที่เหนือสามัญ อีกทั้งการสูดลมหายใจให้สัมพันธ์กับวงจรพลังงานที่เกิดขึ้น สามารถทะลุทะลวงจุดบริเวณที่มีการกระจุกตัวของพลังงานให้เข้าไปอยู่ในรูปเส้นสายพลังงาน ทำให้พลังงานและออกซิเจนจากการสูดลมหายใจ สามารถแทรกซึมเข้าสู่เซลโดยสมบูรณ์ การสันดาปจึงเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ การสูดลมหายใจให้สัมพันธ์กับวงจรสนามแม่เหล็กภายในและภายนอก เราใช้การเป่าลมออกทางปากไปที่เส้นสายสนามพลังที่เราสัมผัสได้ จะทำให้เราสามารถเพิ่มจำนวนปริมาณประจุไฟฟ้าที่เกาะที่ผิวของเส้นสายได้มากขึ้น ทำให้เกิดความเร็ววงรอบ เกิดการขยายตัวของพลังงานได้มากขึ้น ความเป็นสนามแม่เหล็กก็ยิ่งยวด จนกระทั่งเส้นสายรวมมาอยู่ ณ ที่เดียวกัน การเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลจึงเกิดขึ้น ในกรณีที่ล๊อคพลังงานที่ธรรมจักรแล้ว เราสามารถเพิ่มความเร็ววงรอบให้มากขึ้น โดยการเป่าลมหายใจออก ไปตามเส้นสายสนามพลังที่เราสัมผัส การเป่าลมหายใจออกให้สัมผัสกับเส้นสายสนามพลัง จะทำให้ประจุไฟฟ้าเข้าไปเกาะที่เส้นสายสนามพลังมากขึ้นเกิดความเร็ววงรอบสูง การขยายตัวของพลังงานขยายออกไปมากและกว้างขึ้น แกนกลางที่ล๊อคจะอยู่ในรูปสนามแม่เหล็กทีเข้มข้นจนและรวมทุกสิ่งทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์...การรู้แจ้งแทงตลอดในทุกๆ สัญญาจึงเกิดขึ้น... การเข้าถึงสภาวธรรมไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เราใช้เทคนิคทางแนวทางวิทยาศาสตร์ทางจิต ที่อยู่ในรูปของพลังงาน ก็สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ยาก...ถ้ามีอิทธิบาท 4 คือฉันทะ ความพอใจ ความพอใจจะทำให้เกิดความเร็ววงรอบที่สูง เพราะทำให้ใจขยาย ความเร็ววงรอบจึงเกิด วิริยะ คือความเพียรในการฝึกปฏิบัติ จิตะคือการมุ่งมั่นที่จะกระทำในสิ่งนั้นๆ และวิมังสาคือการพิจารณาไตร่ตรอง ที่อยู่ในรูปของพลังงาน โดยใช้การหายใจให้สัมพันธ์กับวงจรของเส้นสายสนามพลังงจักรวาล...เข้าไปพัฒนาศักยภาพทางจิตที่สมบูรณ์แบบ...
การหายใจที่สัมพันธ์กับเส้นสายสนามพลังของหัวใจ ใช้ในการพัฒนาจิตได้อย่างไร
ต่อจากตอนที่แล้วเกี่ยวกับการหายใจที่เป็นหนึ่งเดียวกับวงจรเส้นสายสนามพลังจักรวาล เราใช้กับเส้นสายสนามพลังของหัวใจ เพราะเนื่องจากหัวใจมีปริมาณประจุไฟฟ้ามากพอที่จะสามารถมีวงจรในการขับเคลื่อน ถ้าปริมาณประจุไฟฟ้าในหัวใจมาก อาจหัวใจหยุดเต้น หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ จึงต้องมีการสร้างวงจรให้หัวใจแข็งแกร่ง สามารถทะลุทะลวงจุดที่ผิดปกติต่างๆ ให้อยู่ในภาวะที่ปกติ โดยการ สูดลมหายใจเข้าทางจมูก พลังงานจะขับเคลื่อนขึ้นสู่สมองและลงมาที่หัวใจ ค่อยๆหายใจออกทางปากโดยการเป่าเบาๆ ใช้นิ้วมือสัมผัสพลังที่ขั้วหัวใจ พร้อมกับใช้ใบหน้าคล้อยตามเส้นสนามพลังที่เกิดขึ้น ควรฟังเพลง ที่เกี่ยวกับความรัก พร้อมกับหลับตา และหลับตาซ้ำ ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเพื่อให้ระบบประสาทคู่ที่ 5 เกิดการกระตุ้นจิตวิญญาณ จักระ4 จะขยายออกด้วยความรวดเร็ว ทำให้สามารถ ดูดซับพลังงานได้อย่างมหาศาลและสืบเนื่อง หัวใจจะเต้นแรงมากขึ้น แต่เมื่อเราใช้ลมหายใจโดยการหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก โดยการเป่าเบาๆคล้อยตามวงจรเส้นสายสนามพลังที่เกิดขึ้น ขณะที่เป่าลมออก จะนำไอน้ำที่มีประจุไฟฟ้าเคลือบที่ผิวของเมอริเดียนที่ล้อมรอบเส้นแรงมีความหนาแน่นของประจุไฟฟ้ามากขึ้น มีการขยายตัวของพลังงานออกไปขับเคลื่อนด้วยความเร็ววงรอบสูง ทำให้การกระจุกต่างๆ ภายในร่างกาย ถูกขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว ไม่ติดขัด พร้อมกับ ทำให้เส้นแรง ถูกมารวมกันที่จุดศูนย์ กลางความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กมากขึ้น การรับรู้จะรู้ทั่วร่างกาย และสามารถรับรู้ถึงภายนอกร่างกาย และทำให้หัวใจนี้แข็งแกร่ง แม้ดูดซับประจุไฟฟ้าจำนวนมากที่ต้องผ่านหัวใจ ถ้าเรารู้จักวงจรเส้นสายให้สัมพันธ์กับลมหายใจแล้ว สามารถพัฒนาศักยภาพทางจิตได้อย่างไร้ขีดจำกัดเลยทีเดียว สุดท้าย พลังงานทั้งหมดจะมารวมกันที่ธรรมจักร เกิดการหมุนปั่นด้วยความเร็วสูง จนกระทั่งล๊อคพลังงานเข้าสู่จุดศูนย์กลาง นิ่งอย่างสมบูรณ์ เชื่อมต่อกับทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลได้ในที่สุด....