การไม่เห็น คือการเห็นที่สมบูรณ์
เป็นคำกล่าวของลามะธิเบต ที่เป็นข้อความในคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ บทเริ่มต้นสู่ตันตระ ทรรศนะแห่งความบริบูรณ์..ทำไมการไม่เห็น คือการเห็นที่สมบูรณ์..
ในประสบการณ์ธรรมดาของเรา เรามักถูกดึงดูดกับสิ่งน่าอภิรมย์ และถูกผลักไสในสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์ เราใช้ความคิดวิ่งเข้าสิ่งนี้ หนีออกจากสิ่งโน้น และมองสิ่งต่างๆ เป็นสอง คือ ดี ไม่ดี ใช่ ไม่ใช่ มาตลอด จึงเกิดความไม่พอใจซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำให้เราเบื่อหน่ายกับการวนเวียนอยู่กับสิ่งนี้ แต่เราสามารถพัฒนาได้ เพียงแต่เห็นตามความเป็นจริง การเห็นตามความเป็นจริงมันยาก เราจะคอยปรุงแต่ง ใช้สมองส่วนหน้าเป็นผู้ตัดสินว่าอะไรถูก ผิด ชอบ ไม่ชอบ จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเรารับรู้ถึงคลื่นพลังงาน เพียงแต่รับรู้ เฝ้าดู ในสิ่งที่เกิดขึ้น เราควรฝึกตัวเองไม่ให้หมกมุ่นในความคิดที่เกิดขึ้นในจิตใจ ปล่อยภาวะที่มากระทบทางอายตนะทั้ง 6 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ โดยใช้ความรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น จะเกิดการขยายคลื่นพลังงาน หรือสัญญานั้นออกไป จะทำให้เราเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง เกิดสติปัญญา เห็นการเกิดขึ้น ทรงอยู่และดับไปจากการขยายของสัญญาที่มากระทบ ไม่ว่าเราจะประสบภาวะใดๆ สิ่งนั้นก็เป็นเพียงความมัวหมองที่ผ่านพ้นไปในที่สุด ทิ้งไว้คุณสมบัติอันกระจ่างอย่างสำคัญของจิตใจเรา เมื่อเรารับรู้ รู้สึก ถึงคลื่นพลังงานได้อย่างจริงจัง ทิ้งความคิดทั้งปวง ไม่ว่าดีหรือเลว ย่อมนำพาไปสู่เอกภาพโดยอัตโนมัติ ไม่ว่ามีปัญหามากมายเพียงใด ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยความคิด อัตตาประดิษฐ์ ก็จะไม่มีผลกระทบกับจิตใจของเรา ในบทสรุปของบทนี้กล่าวว่า เราทั้งหลายมีความสามารถที่จะย้ายจากสภาวะที่สับสน ซึ่งมีมลพิษของอัตตาอันขัดแย้งไปสู่สภาวะอันสะอาดกระจ่างดังเป็นคุณสมบัติของสติปัญญาอันบริสุทธิ์ได้ด้วยตัวเอง เราไม่ควรคิดว่าจิตใจเราแปดเปื้อน ไม่อาจกลับกลายไปได้หรือเป็นไม่ได้เลย หากเราสามารถฝึกตนให้รู้ และเข้าสู่สภาวะอันเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีผลกระทบต่อสติสัมปชัญญะ เราจะประสบอิสรภาพการรับรู้อย่างไม่เป็นสองในที่สุด
ในการฝึกพลังสมาธิ เราใช้สมองส่วนหน้ารับรู้ถึงคลื่นที่สั่นสะเทือนจากสมองส่วนหลังที่เกิดการขับเคลื่อน โดยเป็นผู้เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้น จะเห็นการขยายของสัญญาออกไปสู่วงรอบนอกด้วยความเร็ววงรอบที่สูง เห็นสภาวะตามความเป็นจริงของธรรมชาติของจิตที่เกิดขึ้น เห็นความคิดที่ทำให้เรายึดติดในอัตตาตัวตนที่อยู่ในรูปคลื่นพลังงาน ที่ทำให้เราเกิดทุกข์ เมื่อเราเฝ้าดู ยอมรับและเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้น จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนพลังงานอย่างอิสระ เมื่อเราเฝ้าดู ยอมรับและเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความเร็ววงรอบจะสูงขึ้น จนกระทั้งความคิดทั้งหลายจะหายไป กลายเป็นเอกภาพ ไม่ติดอยู่ความคิดที่เป็นสองอีกต่อไป นี่แหล่ะคือการเห็นที่สมบูรณ์
คัมภีร์ “บทเริ่มต้นสู่ตันตระ ทรรศนะแห่งความบริบูรณ์” เป็นคัมภีร์ที่สามารถพัฒนาจิต จิตวิญญาณ ให้คลายความยึดติด การมีอัตตาตัวตน ที่เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง เมื่อแรกอ่านไม่เข้าใจ แต่เมื่อมีจิตวิญญาณในการเฝ้าดู แล้วกลับมาอ่าน สามารถเข้าใจได้มากขึ้น......สาธุ....สาธุ...สาธุ