........หลังจากคราวที่แล้วได้กล่าวถึงอานุภาพของทรงกลม เพียงถือมณีนาคราชที่่เป็นทรงกลม สองลูก จะทรงอานุภาพความเร็วมากขึ้น จากภาวะมีการบีทของพลังงานของลูกแก้วมณีนาคราชหรือวัตถุที่เป็นทรงกลมก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน แต่อานุภาพของมณีนาคราชจะมีความรุนแรงมากกว่า ....
.....วิวัฒนาการช่วงนี้มีความเข้มข้นของสนามแม่เหล็ก การเกาะติดความเร็วที่เกิดขึ้นจึงมีความเร็วอย่างสูง ยิ่งใช้ลูกแก้วหรือวัตถุที่เป็นทรงกลม เมื่อนำลูกแก้วสองลูกเข้าให้ชนชั้นพลังงานที่บีทเข้าหากัน จะพบว่าสนามพลังทั้งลูกแก้วและตัวเราจะยิ่งมีโควาเลนต์ที่กว้างขึ้น สามารถหักข้อมือเข้าหาตัวจะพบว่าพลังงานเข้ามาภายในตัว ถ้าหักข้อมือออก พลังงานก็จะขับเคลื่อนไปดูดซับพลังงานมากขึ้น ถ้าหักข้อมือขึ้นจะทำให้พลังงานพุ่งขึ้น แต่ถ้าหักข้อมือลงจะออกด้านล่างและขึ้นด้านบน เราใช้สร้อยประคำที่เป็นทรงกลมก็สามารถทำได้ เมื่อนำลูกแก้วมาใกล้ๆกัน จะเกิดอัตราความเร็วอย่างสูง ส่งผลการเชื่อมต่อ และการทะลุุทะลวงจุดของผู้ที่อยู่เบื้องหน้า เพียงยื่นลูกแก้วออกมาล๊อคให้ชนเส้นบริเวณมือข้างซ้ายของผู้ที่อยู่เบื่องหน้า แล้วใช้นิ้วชี้มือซ้ายชี้สัมทับแล้วหักนิ้วออก พลังจะวิ่งไปทั้งร่างกาย เพียงใช้มีอใดมือหนึ่งคลิ๊กให้ไปวงแขน วงขา หรือขึ้นแนวกระดูกสันหลังให้พุ่ง สามารถทำได้หมด
การควบคุมพลังงานโดยการใช้สายตา ก็สามารถทะลุทะลวงจุดได้โดยมือซ้ายให้ทำมือเป็นถือกระบอกไฟฉายอยู่ข้างเหนือขาหนีบเล็กน้อย ส่วนอีกมือถือลูกแก้ว 2 ลูก บีทลูกแก้วให้เข้าหากันจนเกิดความเร็ว และใช้สายตามองตามส่วนต่างๆของร่างกายผุ้ที่อยู่เบื้องหน้า ก็จะพบอัตราความเร็วเช่นเดียวมีอำนาจทะลุทะลวงสูง
......ลูกแก้วทรงกรมมีอนุภาพสูง เพราะทรงกลม ถือมีความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กอย่างสูง จึงทำให้การเชื่อมต่อกับทุกสรรพสิ่งทำได้ เพียงถือลูกแก้วและล๊อคกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและใช้มือซ้ายชี้บริเวณเรเยอร์ข้างมือที่ถือลูกแก้วแล้วคลิ๊กออกจะเกิดอัตราความเร็ว พลังงานหรือเส้นสายจะถูกดูดไปรวมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆหรือแม้กระทั่งคัมภีร์ สัญญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งนำมาร่วมกับนำ้และไฟ ยิ่งก่อเกิดอำนาจพลังมากขึ้น และยังสามารถเช็คพลังของดวงดาวแต่ละดวงว่ามีอำนาจพลังดึงดูดที่แตกต่างกัน จากการใช้ลูกแก้วยื่นมาให้ชนเส้นและอีกมือชี้ไปบนฟ้า จะรู้สึกถึงพลังของดวงดาวที่แตกต่างกันการดึงดูดที่แตกต่างกัน...........
..........การใช้ลูกแก้วมณีนาคราช หรือประคำ กำไลหรืออะไรก็ได้ถ้านำมาสวดมนต์และเคลื่อนไหวตามวาระจุิต จะเกิดการรวมเส้นสายพลังงานได้ดี ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กจึงเพิ่มขึ้นตามมา เมื่อหยุดสมดุล การเข้าสมาธิจึงเกิดขึ้น จากอัตราความเร็วของนำ้ในสมองส่วนกลางที่ขับเคลื่อนด้วยความรวดเร็ว ทีนี้เราก็เกาะติดกับลมหายใจที่รูจมูก พลังงานที่รูจมูกจะขับเคลื่อนเป็นทรงกลม โดยการหันหน้าไปทางซ้าย ดูที่รูจมูกขวา ดึงเส้นพลังงานข้างจมูกลง จะพบว่าทำให้พลังงานและนำ้ขึ้นสมองส่วนกลางมากขึ้น ก้มหน้าให้พลังงานนำ้ในสมองส่วนกลาง เป็นวงแหวนเดียวกัน เลี้ยงพลังงานน้ำในสมองให้อยู่ในวงเดียวกัน เมื่อนั้นจะดื่มด่ำกับการเข้าสมาธิได้เลยค่ะ สิ่งที่ฝึกปฏิบัติ ถ้าคนทั่วไปอาจคิดว่าเป็นไปได้หรือเนี่ย แต่ก็คนที่รับรู้รู้สึกเรื่องพลังงานได้จะต้องการฝึก ศึกษา เพื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะจิต เพราะฉนั้นยิ่งฝึก ยิ่งเห็นตัวเอง ยิ่งพัฒนาไปอยู่ทุกๆ วัน ยกเว้นบางครั้งอัตราความเร็วน้อย เนื่องจากความคิด หรือมารมาทำให้กระแสเราช้าลง แต่ถ้าเราเห็นมารแล้ว เราต้องเร่งฝึก ดูกระแสความเร็วของพลังงานไปเรื่อยๆ นี่แหละถึงจะเป็นผู้ที่ชนะใจตัวเอง และชนะทุกอย่างที่ปรากฏขึ้นในจิตของเรา.......