ลูกประคำ ทำไมถึงศักดิ์สิทธิ์ คำว่าศักดิ์สิทธิ์บ่งบอกถึงอัตราความเร็ว สำหรับผู้ที่อยู่ในรูปของสนามแม่เหล็ก จะมีอัตราความเร็วของน้ำในสมองสูง เมื่อใช้ลูกประคำที่มีลักษณะทรงกลมที่ร้อยกันอย่างต่อเนื่อง พื้นผิวรอบวงกลมของลูกประคำ จะมีชั้นของพลังงานที่อยู่ในรูปของประจุไฟฟ้า ระหว่างลูกประคำจะมีการปลดปล่อยไฟฟ้าออกมาในรูปของไดนามิค ที่สูง ยิ่งลูกประคำที่มีความยาวมาก การปลดปล่อยพลังงานก็จะยิ่งมาก เกิดการดูดซับพลังงานเข้าสู่ร่างกายได้อย่างสืบเนื่อง การใส่ลูกประคำ ต้องใส่ให้สัมพันธ์กับร่องของพลังงาน และต้องกระทำอย่างช้าๆ และสัมผัสร่องของพลังงานแต่ละชั้น จนกระทั่งนำมาสวมใส่ เท่ากับเป็นการรวมเส้นสายแต่ละชั้นขณะที่ยกระดับลูกประคำไปเรื่อยๆ และชนชั้นร่องของพลังงาน ยิ่งยกระดับและชนร่องของพลังงาน จะทำให้พลังงานน้ำในสมองของเรามีอัตราความเร็วเพิ่มขึ้น และค่อยๆคล้องผ่านศีรษะ ในลักษณะเฉียง ทำให้พลังงานไม่สมดุล อยู่ในรูปของไดนามิค ดูดซับพลังงานมากขึ้น เมื่อสวมใส่ พลังงานจะพุ่งขึ้นด้วยความรุนแรงและรวดเร็ว การใส่ลูกประคำ ยิ่งใส่หลายเส้น ยิ่งเกิดอำนาจพลัง อัตราความเร็วยิ่งสูงมาก การดูดซับพลังงานเพิ่มขึ้น เส้นแรงจะยิ่งหนาแน่นมากขึ้น การรับรู้หรือจิตวิญญาณ ก็จะมากขึ้น สามารเชื่อมต่อกับทุกสรรพสิ่ง ด้วยความรวดเร็วและรุนแรง การใช้ลูกประคำคล้อง ไม่ใช่เฉพาะเป็นสร้อยลูกประคำ แต่ยังสามารถนำมาใส่บริเวณข้อเท้า ทั้งสองข้าง จะยังผลให้เกิดการผลักดันขึ้นสู่สมองลอยตัวได้อย่างสืบเนื่องขณะฝึก การรับรู้จึงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ขณะสวดมนต์ ควรคล้องลูกประคำ ก็จะเป็นตัวส่งเสริม ให้เกิดอัตราความเร็วของน้ำในสมองให้มีอัตราความเร็วเพิ่มขึ้น และเคลื่อนไหวโดยใช้ความคิดเกาะติดกับร่องพลังงานที่เกิดขึ้นในทุกขณะจิต ทำให้มีสติรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะที่ฝึกปฏิบัติได้อยู่ตลอดเวลา อัตราความเร็วที่เกิดขึ้น จะทำให้เส้นสายหรืออนุภาคมีความหนาแน่นมากขึ้น อยู่ในรูปของความเป็นสนามแม่เหล็กที่เข้มข้นขึ้น เมื่อกระแสพลังงานขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง การใช้มุทราจึงจะส่งผลกับพลังงานเส้นสายภายในและภายนอก เพียงใช้นิ้วกลางแตะให้ชนเส้น และใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงไปที่พื้นผิวของนิ้วกลาง ซึ่งปลายนิ้วจะหมุนปั่นเป็นวงกลม เขี่ยนิ้วหัวแม่มือไปทางซ้าย หรือขวา ค่อยๆเขี่ยไปจะพบกับเส้นสายในร่างกายแต่ละเส้น รวมทั้งใช้นิ้วโป้งเขี่ยขึ้นลง ก็จะเกิดการทะลุทะลวงของพลังงานเกิดการสลัดประจุไฟฟ้าออกไปสู่วงรอบนอก เพื่อให้เกิดอัตราความเร็วมากขึ้น ใช้นิ้วชี้อีกข้าง ชี้ไปยังจุดพลังที่อยู่นิ้วกลางและนิ้วชี้ เมื่อชี้แล้วงอนิ้วกลับพร้อมกับดึงพลังงานออกเป็นวิถีโค้งขึ้นด้านบน พร้อมกับใช้นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือให้ชนชั้นพลังงานเข้าหากัน และเบี่ยงนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ให้ห่างจากกัน จะเกิดการขยายชั้นพลังงานออกไป แกนกลางจะเกิดการทะลุทะลวงพุ่งออกจากศีรษะ แนวกระดูกสันหลังก็จะถูกพัฒนาเพิ่มขึ้น การปลดปล่อยพลังงานก็จะเพิ่มขึ้น ความรู้สึกสบายตัว ก็จะเกิดขึ้น
การทำสมาธิก็จะเปลี่ยนไป เนื่องจากอัตราความเร็วที่เกิดขึ้น ยิ่งเป็นสนามแม่เหล็ก เส้นสายขดตัวกันมาก ทำให้การขับเคลื่อนพลังงานมีการติดขัด ทำให้ตึงดึงรั้งตามกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะส่วนของแนวกระดูกสันหลัง ที่เป็นทางผ่านพลังงานอย่างมหาศาล ทำให้ปวดหลัง วิธีการคือ เมื่อจะทำสมาธิ ต้องให้แนวกระดูกสันหลังโล่งเสียก่อน โดยการนั่ง และก้มให้สุด พอยกตัวขึ้นให้ยึดตัวให้ตรงพร้อมกับเงยหน้าให้สุด พร้อมกับอ้าปาก หันหน้าไปทางซ้าย สังเกตที่กลางกระหม่อมว่ามีอาการพวยพุ่งหรือไม่ เงยจนกระทั่งพลังงานเชื่อมต่อก้นกบผ่านแนวกระดูกสันหลังและขึ้นมาที่จักรมงกุฎหรือกระหม่อมด้านบน ดูดพลังงานจากด้านล่างขึ้นบนให้ผ่านจักรมงกุฎ จะเห็นการขยายของพลังงานอยู่เหนือสมอง เมื่อดูดขึ้นบนไม่ได้แล้วแสดงว่าพลังงานขยายด้านบนเต็มที่ ให้ดูดลงไปที่ช่วงล่าง จะทำให้วงขามีอัตราความเร็ว ขยายวงกว่างไปเรื่อยๆ สลับดูดขึ้น ดูดลงไปเรื่อยๆ จะทำให้พลังงานหรือไฟฟ้าเดินทั้งตัว เส้นแรงหรืออนุภาคจะเข้ามาทดแทน เกิดเส้นสายที่หนาแน่มมากขึ้น เมื่อพลังงานทะลุทะลวงแนวกระดูกสันหลังไม่มีติดขัด ให้หย่อนตัวลง แต่ความรู้สึกยังอยู่ที่ด้านบนเหนือศีรษะ ดูความรู้สึกนั้นไปเรื่อยๆ จะเข้าสู่ภวังค์ ดื่มด่ำด้วยความสุขไม่มีอาการบาดเจ็บอีกต่อไป เพียงแต่รับรู้ เฝ้าดู ในสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะพบความสุขที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความคิดต่างๆก็จะหายไป เพียงแต่รับรู้ถึงกระแสพลังงานที่มีอัตราความเร็วอย่างสืบเนื่อง
แต่การที่เราจะพัฒนาจิตที่เป็นสนามแม่เหล็กที่เข้มข้นนั้นต้องดูแลตนเอง โดยการตุ๊บตั๊บ เพื่อให้กายมีความแข็งแกร่งไปกับจิตที่ถูกพัฒนา ไปพร้อมๆกัน