สิ่งที่ต้องกระทำในการฝึกตันตระ สิ่งแรกที่จะกล่าวถึงคือการละ..
เน้นการบ่มเพาะสภาวะจิตใจมาสร้างที่ว่างเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงตันตระสามารถเข้ามาแทนที่ได้ การละไม่ใช่สิ่งเดียวกับการเลิกมีความสุข หรือปฏิเสธความสุข แต่หมายถึงเลิกความหวังไม่แท้ในเรื่องความสุขธรรมดา ความหวังเหล่านั้นคือสิ่งที่ผันความสุขเป็นความเจ็บปวด ทำอย่างไรเราจึงจะละจากการยึดติดได้ เพราะการยึดติดในสิ่งต่าง มีทั้งสมหวัง หรือความไม่ได้ดังใจ ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอด พอใจสิ่งนี้ เมื่อได้มา ก็อยากจะพอใจมากกว่านี้ หาสิ่งอื่นมาทดแทน แต่เมื่อไม่ได้ก็เป็นทุกข์ ตกอยู่ในสังสาระนี้ตลอด มันเป็นความสุขธรรมดา การพัฒนาการละ หมายถึงการตะหนักรู้ว่าการยึดกับความสุขธรรมดาขัดขวางเราจากการลิ้มรสความสุขสมบูรณ์สูงสุด ทำอย่างไร เราต้องไม่คาดหวังและมองตามสภาพความเป็นจริง ในที่นี้เราจะดูที่คลื่นพลังงานที่เกิดขึ้นทุกขณะจิต เมื่อเกิดอะไรขึ้น จะคอยเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นในรูปคลื่นพลังงานมีการสั่นสะเทือนให้เราเห็น เพียงแต่เรา... รับรู้ ในสิ่งที่เกิดขึ้น เฝ้าดู....การสั่นสะเทือนเหมือนเอาจิตไปสำทับ จะเกิดความเร็ววงรอบ ขยายชั้นพลังงานออกไป การสลัดประจุก็จะเกิดขึ้น สารเอนโดรฟินหลั่ง เกิดความสุขโดยสมบูรณ์ คนที่จะทำได้ต้องอยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก มีการขับเคลื่อนของพลังงานให้เห็นเสียก่อน เห็นในที่นี้คือเห็นในความรู้สึก เมื่อเราดูได้อย่างนี้ การละถึงจะสำเร็จได้ เพราะในสายตาของเราตั้งเป้าไปที่ความสุขที่เหนือไปกว่านี้ คือความสมบูรณ์ของคุณสมบัติที่สำคัญของเรา ด้วยเป้าหมายพิเศษในใจทีทำให้เราไม่ตื่นเต้นกับความพอใจที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วที่เราประสบ และไม่หดหู่หากสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น อีกนัยหนึ่งก็คือ แทนที่จะอ้างว่าวัตถุที่สัมผัสได้เป็นคำตอบของความไม่พอใจ เราเชื่อมั่นในศักยภาพภายในของเราที่เกิดขึ้นในรูปของคลื่นพลังงานที่สัมผัสได้....จึงเห็นปรากฏการณ์ชั่วคราวที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทำให้เข้าใจความจริงของธรรมชาติของจิต ได้ดี เป็นการพัฒนาการละในอัตราเร่ง ด้วยการสัมผัสสิ่งที่เกิดขึ้นและดูมันไปโดยไม่คาดหวังใดๆ และเผชิญจนกระทั่งขยาย สลายไปด้วยความรวดเร็ว.....ผู้ใดเห็นเส้นสายผู้นั้นพ้นอบายภูมิ.....ผู้ใดเห็นมูลขันธ์ทั้ง 5 ผู้นั้นตกอยู่ในอบายภูมิ แล้วจะมีความสุขในการดูทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้เกิดการละโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างจะมีแต่ความเบิกบานใจ มีความสุขยิ่งกว่าสุข เพียงเฝ้าดูในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจ....ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา นี่คือความจริง...
-------
การฝึกตันตระ ต้องเห็นประโยชน์ผู้อื่นเป็นสำคัญ
ทำไมหรือ การที่จะเป็นตันตระที่สมบูรณ์ การเห็นแก่ตัวไม่ได้เกิดผลดีเพราะจะใช้ความพอใจที่แคบมองแต่ตนเอง ไม่เกิดการขยายตัวของพลังงาน เกิดการอัดแน่น ไม่มีการถ่ายเทพลังงาน มีผลต่อสภาพจิตใจ อาจไม่หลุดพ้นจากความไม่พอใจหรือการเป็นทุกข์
ความนึกถึงผู้อื่นเป็นสำคัญเป็นอันดับแรก จะเกิดการถ่ายเทพลังงานและไหลเวียนพลังงาน เกิดการแผ่ขยายของพลังงานออกไปกว้างไกล มีความเร็ววงรอบสูง เกิดความสุขยิ่งกว่าสุขที่เหนือกายภาพ ทำให้ดูดซับประจุไฟฟ้าได้อย่างมหาศาล เพื่อหล่อเลี้ยงเส้นสายให้เป็นสนามแม่เหล็ก เมื่อนั้นตันตระหรือสายป่านจักรวาลที่เราสร้างขึ้นก็จะหนาแน่นจนกระทั่งสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล
การฝึกตันตระที่นึกถึงผู้อื่นเป็นอันดับแรก จึงเป็นปัจจัยให้ถึงพร้อมในความสำเร็จทางจิต การเข้าใจเข้าถึงสภาวธรรมก็สามารถเข้าใจได้กระจ่างทุกๆสิ่งทุกอย่าง มันเป็นวิธีที่เร็วและทรงพลานุภาพที่สุดที่จะบรรลุจุดประสงค์เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น
อีกส่วนนึงคือเราต้องมีความอดทน และมีวินัยในตนเอง ที่จะฝึกแบบมีแบบแผน เพราะต้องฝึกตั้งแต่จุดเริ่มต้นเพื่อเก็บสะสมอนุภาค ไปเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน ถ้าเราฝึกในระดับสูงโดยไม่ฝึกขึ้นพื้นฐาน จะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ เลย เท่ากับเราจะไม่สามารถสำเร็จได้เลย เพราะยังไม่มีเหตุปัจจัยถึงพร้อมในการฝึกตันตระขั้นสูง ต้องค่อยเป็นค่อยไป จึงจะเกิดความมั่นคง แข็งแกร่ง ในการฝึกตันตระ
สิ่งที่ตันตระสอน คือ การเป็นอิสระจากสภาพทั้งปวงที่จำกัด คือการไม่ยึดติดในสัญญาทุกสัญญา ที่มีความถี่เฉพาะ ไม่สามารถเกิดความเร็ววงรอบที่สูงได้ เมื่อคลายความยึดติดต่าง ๆ แล้ว จะเกิดการขยายตัวของพลังงานแบบไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งมีความเร็วเหนือแสง เส้นสายทุกเส้นในจักรวาลจะมารวม ณ ที่เดียวกัน ไม่มีระยะทาง ไม่มีเวลา เมื่อนั้นเราสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล เท่ากับเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าเลยทีเดียว การเชื่อมต่อกับทุกสัญญาจะเป็นโดยสมบูรณ์ และสัญญาทั้งหลายจะถูกขยายออกไปไกล จนไม่หวนคืนกลับ เท่ากับดับสัญญา สิ่งที่เรียกว่าหลุดพ้นจึงเกิดขึ้น สาธุ สาธุ สาธุ ..
การฝึกตันตระเบื้องต้น
1. ต้องมีความประสงค์ที่บริสุทธิ์ที่สุด...และต้องคิดถึงประโยชน์ผู้อื่นก่อนโดยเห็นวิถีตันตระเป็นวิธีที่เร็วและทรงพลานุภาพที่สุดที่จะบรรลุจุดประสงค์เพื่อประโยชน์ผู้อื่น
2. ต้องมีความอดทน มีวินัยในตนเอง ที่จะฝึกแบบมีแบบแผน ตั้งแต่ขั้นต้นไปไม่มีทางลัดหรือฝึกขั้นสูงก่อนได้เลย
3. ตันตระคือจิตวิญญาณ (สำคัญมาก) การเป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวงที่จำกัดว่าเราเป็นใคร และจะกลายเป็นอะไร
ถ้าเราเข้าถึงคำสอนอันทรงพลานุภาพนี้ด้วยปัญญาอันแจ่มแจ้งและด้วยความตั้งใจจริง เพื่อให้ได้ใจความสำคัญเราสามารถนำชีวิตเราสู่ความพอใจภายในทั้งปวงที่เราแสวงหาอย่างแน่นอน