คนฝึกโยคะ ร่างกายมีความแข็งแกร่งแต่อุดมไปด้วยโรค อาจจะสงสัย อาจจะงง แข็งแกร่งแล้วทำไมถึงอุดมไปด้วยโรค เพราะว่าคนที่ฝึกโยคะ จะทำให้มีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อทำให้ช่องของกล้ามเนื้อขยาย ยืดหยุ่นก็จริงอยู่แต่จะทำให้ประจุไฟฟ้าเข้าแทรกตามกล้ามเนื้อ และทำให้จักระเปิดโดยไม่รู้ตัว อาจเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ เช่นต่อมลูกหมากโต หัวใจทำงานผิดปกติ ระบบอวัยวัยวะร่างกาย เกิดภาวะที่ไม่สมดุล เนื่องจากประจุไฟฟ้าเข้ากระแสเลือดเต็มๆและไม่มีวงจรให้พลังงานขับเคลื่อน แต่โยคะ ทำให้นำ้ขึ้นสมองเป็นจำนวนมาก จึงสามารถเชื่อมต่อระบบและจักรวาลได้ ก็ไม่วายเจ็บป่วยอยู่ดี แล้วเราจะทำอย่างไรให้การทำโยคะไม่เกิดการกระจุกตัวของพลังงานและสามารถพัฒนาจิตระดับสูง ได้ ต้องทำให้เกิดการรับรู้ถึงพลังงานที่อยู่ภายใน และภายนอกร่างกาย โดยการเปลี่ยนคลื่นสมองให้อยู่ในคลื่นความถี่สูง และสร้างวงจรให้พลังงานเดิน เมื่อนั้นพลังงงานจะขับเคลื่อนเป็นอัตโนมัติ และเมื่อเรารู้วงจรแล้วเราสามารถเดินพลังถักทอให้เข้าสู่เส้นสายสนามพลัง จนมีความเข้มข้นสนามแม่เหล็ก พัฒนาจิตหรือพัฒนานิวตรอนหรืออนุภาคให้มากขึ้น เมื่อนั้นเมื่อเราเล่นโยคะจะทำให้น้ำที่แนวกระดูกสันหลัง ลอยขึ้นมาที่สมองส่วนกลาง และเมื่อเราสวดมนต์ พลังลอยขึ้นมาที่สมองเหมือนกัน น้ำที่ขึ้นมาเป็นตัวดูดซับประจุได้อย่างมหาศาลไม่มีขีดจำกัด ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างสูง เกิดการยุบตัวของอนุภาครวมเข้าสู่แกนกลาง และผลักดันประจุออกไปชั้นวงรอบนอก เรียกปฏิกิรยานี้ว่า Nuclear Physic Meditation จนกระทั่งน้ำนั้นเปลี่ยนแปลงธาตุเป็นไอโซโทป มีความเป็นสนามแม่เหล็กอย่างยิ่งยวด เกิดการเชื่อมต่อระบบและจักรวาลได้โดยถาวร โดยไม่เกิดอันตราย เพราะฉะนั้น ถ้าร่างการแข็งแกร่งและต้องแข็งแรงด้วย ถ้าเรารับรู้รู้สึกถึงคลื่นพลังงาน จากกลไกของจิต ที่เกิดขึ้นก็จะทำให้เกิดพัฒนาจิตในอัตราเร่ง