พัฒนาต่อยอดสนามแม่เหล็ก

ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กที่มากขึ้น เราจะพัฒนาอย่างไรต่อไป

27 ก.ค. 60

เราต้องรู้กันก่อนว่า อย่างไรเรียกว่ามีความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กมากขึ้น เส้นสายจะมีความหนาแน่น ทำให้การเดินพลังไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากการขดเป็นเกลียวของเส้นสายที่แน่นขึ้น ทำให้การขับเคลื่อนถึงทางตัน

เราจึงต้องทำให้เส้นสายนั้นขยายตัวออกจากแกนกลาง ที่มีเส้นสายที่หนาแน่น โดยการขยายเมอริเดียนที่อยู่วงในแกนกลาง ออกมาสู่วงรอบนอกเป็นสนามพลัง โดยการใช้ฝ่ามือทั้งสองข้าง หันเข้าหากัน แล้วค่อยขยายออกทั้งสองมือที่ละชั้นของเส้นสาย จนกระทั่งหยุดที่เส้นสายที่แรงที่สุด และหักข้อมือออกด้านนอก ก็จะเกิดภาวะไดนามิค ฉีกพลังงานออกไป เกิดการดูดซับพลังงานมากขึ้น มีการขยายตัวของพลังงานมากขึ้น แกนกลางยิ่งมีความหนาแน่นมากขึ้น พร้อมทั้งใช้มือขวากดปลายมือลง จะเกิดการพุ่งของพลังงานออกไปไกลกว่าเดิม ขณะเคลื่อนไหวต้องเคลื่อนไหวช้าๆ เพราะเมื่อกระแสเร็วแล้ว ถ้าเราเคลื่อนไหวเร็วตาม เราจะไม่พบกับพลังที่เกิดขึ้นเลย เพื่อเป็นการแยกประจุและอนุภาค จึงต้องเคลื่อนไหวให้ช้า เพื่อเกาะติดความเร็วที่เกิดขึ้น จึงเกิดภาวะแรงเฉื่อยที่ขับเคลื่อนอย่างสืบเนื่อง วิธีการค่อยๆ กางมือออกมาด้านข้าง ทำให้สามารถดูดซับพลังงานเพราะซีรีเบลลัมที่มีเส้นสายจะออกไปดูดซับพลังงานได้อย่างมหาศาล รุนแรง และรวดเร็ว

การพัฒนาไอชีวิตยิ่งเปลี่ยนไป โดยการใช้มือขวางอนิ้วให้ชนกับความเร็วของน้ำในสมองส่วนกลาง จะส่งผลทำให้ที่รูจมูกมีไอชีวิตที่หมุนปั่นด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้น้ำในสมองมีความเร็วมากขึ้น เมื่อรูจมูกทำงานแล้ว การดูดกลืนพลังชีวิตก็จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งเสริมให้ซีรีเบลลัมและบีเทนมีความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กมากขึ้น การใช้นิ้วมือจึงเป็นส่วนที่สำคัญในการพัฒนาจิตวิญญาณให้ไร้ขีดจำกัด

การทำให้น้ำในสมองมีความเร็ววงรอบมากขึ้น ใช้การล๊อคนิ้วมือขวายื่นไปให้ชนกับชั้นพลังงานด้านหน้า ใช้มือซ้ายมาสำทับ กระดกนิ้วมือซ้ายขึ้นจะเกิดการพุ่งของพลังงานอย่างสูงและเบี่ยงนิ้วมือซ้ายออก จะเกิดการเหวี่ยงของพลังงานมากขึ้น ความเร็ววงรอบของน้ำในสมองจึงเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ จนกระชากพลังด้วยความรุนแรง...

การรับรู้มีอยู่ 2 แบบ แบบแรก คือ การรับรู้ทางกายภาพ โดยผ่านระบบประสาท แบบที่สอง คือ การรับรู้ที่เหนือกายภาย จะรับรู้ผ่านเส้นสายสนามแม่เหล็ก เพราะฉะนั้นสำหรับการฝึกจิต ต้องรับรู้ถึงเส้นสายที่เกิดขึ้น ทิศทาง ขนาด น้ำหนัก ซึ่งเรียกว่าจิตวิญญาณ เมื่อเรามีจิตวิญญาณแล้ว การพัฒนาธาตุ การพัฒนาสมาธิ ฌาน พัฒนาจิตวิญญาณ ก็สามารถมีวิวัฒนาการได้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีเหตุปัจจัยถึงพร้อม เข้าสู่ความสำเร็จทางจิตได้ในที่สุด