ความสำเร็จทางจิต อยู่ที่มีเหตุปัจจัยถึงพร้อม สิ่งที่ทุกคนต้องการในที่สุดของชีวิต คือ ความสำเร็จทางจิต ตัวบ่งชี้ของความสำเร็จทางจิต คือ สมองส่วนหลัง..ในส่วนซีรีเบลลัม ถ้าซีรีเบลลัมมีประจุไฟฟ้าที่เต็มแล้ว จะทำให้เกิดความเร็ววงรอบสูง เมื่อได้ยินได้ฟังหลักธรรมที่เป็นความเป็นจริง จะสำเร็จได้โดยฉับพลัน
แล้วคนประเภทใดที่สามารถมีซีรีเบลลัมเต็ม.. คนที่มีพรสวรรค์ คนที่เจ็บป่วย มีโรครุมเร้า และคนที่ฝึกในด้านพลัง.. เพราะเหตุใด เพราะว่าคนที่มีพรสวรรค์ สามารถดูดซับประจุไฟฟ้าจากพลังคุณฑาลินีมาได้อย่างมหาศาล มาที่ Medulla oblongata ทำให้ไพเนียลแกลนด์เกิดการสั่นสะเทือนสูง ประจุไฟฟ้าจึงออกมาสู่วงรอบนอก ซึ่งมาที่ซีรีเบลลัม จนกระทั่งซีรีเบลลัมมีประจุไฟฟ้าที่พร้อมใช้ คนที่เจ็บป่วยหรือคนที่มีพรสวรรค์จึงมีประจุไฟฟ้าที่พร้อมใช้พร้อมสั่ง
แต่ถ้ายังไม่มีวิวัฒนาการ ประจุไฟฟ้าเหล่านี้จะแทรกเข้าไปตามกล้ามเนื้อ ข้อกระดูกและอวัยวะภายในทั้งหมด จนเกิดโรคได้ เพราะฉะนั้น คนที่เป็นแบบนี้ต้องคิดดี กระแสพลังงานจะพุ่งขึ้น จะไม่เกิดอันตราย เช่น การนึกถึงคนที่รัก และบอกรักจากใจ กระแสพลังงานจะพุ่งจากซีรีเบลลัมและออกมาที่สมองส่วนหน้า ขับเคลื่อนออกไปเป็นวงกว้างด้วยความรวดเร็ว แต่หากคิดไม่ดี หรือพูดไม่ดี กระแสพลังงานจะสะท้อนกลับ และบิด ทำให้เกิดการกระจุกตัวของพลังงาน โรคต่างๆ ก็จะตามมา ทั้งสภาพจิตใจและร่างกาย
ทุกคนต่างต้องการสำเร็จทางจิต และค้นหาโดยศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับจิตเพื่อสร้างเหตุปัจจัยถึงพร้อม คือ ซีรีเบลลัมที่เต็มแล้ว นั่นเอง คนที่ฝึกพลังสมาธิ ได้สร้างเหตุปัจจัยถึงพร้อม ในการสร้างวงจรพัฒนาสมองส่วนหลังให้เป็นสนามแม่เหล็ก มีการขับเคลื่อนเป็นวิถีโค้ง ประจุไฟฟ้าจึงไม่สามารถทำร้ายร่างกายได้ มีพัฒนาการและมีวิวัฒนาการของจิตได้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่เข้าใจกลไกการทำงานของจิต คนที่เจ็บป่วย คนที่มีพรสวรรค์ สามารถสำเร็จทางจิตได้ เพราะจิตพร้อมจะฟังคำสั่งอยู่แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนแปลงคลื่นสมองให้อยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก และคิด..พูด..ทำ..ในสิ่งที่ดี กระแสพลังงานจะไม่ทำร้ายร่างกายและเป็นตัวส่งเสริมการพัฒนาความสำเร็จทางจิตได้อย่างดี
ทำอย่างไรให้ซีรีเบลลัมเต็ม ..ก็สร้างเหตุปัจจัยถึงพร้อม โดย..การฝึกปฏิบัติสวดมนต์ ..การเคลื่อนไหวตามวาระจิต ..การลากเส้นเมอริเดียน ..การตื่นเต้น ตื่นกลัว โดยใช้ 3 อย่าง คือ ความกลัว ความรัก และอารมณ์ความรู้สึก จะทำให้เกิดการดูดซับพลังงานอย่างมหาศาลมาที่สมองส่วนหลัง เกิดภาวะที่ซีรีเบลลัมเต็มได้ เมื่อได้ยินสภาวธรรมของความเป็นจริง ก็สามารถสำเร็จได้โดยง่าย..
สิ่งสำคัญ คือ คนที่มีซีรีเบลลัมที่เต็มแล้ว ต้องคิดในสิ่งที่ดี และพูดในสิ่งที่ดี แม้แต่การอธิษฐานใด ๆ ก็ตาม ต้องบอกประโยคที่ไม่เป็นคำปฏิเสธ ให้สั่งว่าแข็งแรง อย่าสั่งว่า ไม่เจ็บป่วย เพราะจิตจะประมวลแต่คำหลัง คือ เจ็บป่วย ไม่จน จิตก็ประมวลแค่คำหลังว่าจน เพราะฉะนั้นต้องสั่งให้ตรงไปตรงมา เช่น จงแข็งแรง ร่ำรวย มีความสุข เป็นต้น และต้องระมัดระวังความคิด ถ้าคิดดี การขับเคลื่อนของพลังงานจะไม่มีอะไรติดขัด แต่ถ้าคิดไม่ดี จะทำให้กระแสพลังงานมีความเร็วขับเคลื่อนไม่ดีนัก
กลไกการทำงานของจิต อยู่ที่มีพลังงานถึงพร้อมและมีวิวัฒนาการในการพัฒนาสมองส่วนซีรีเบลลัม ให้อยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก จึงจะสามารถสำเร็จทางจิตได้..
เมื่อเราสามารถแยกประจุที่อยู่ที่ซีรีเบลลัมออกไปให้ไกลที่สุด ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กก็จะมากขึ้น เมื่อเรามีการขับเคลื่อนเป็นกระแสอัตโนมัติ อยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก ควรเป็นผู้ที่ช่วยเหลือชีวิตผู้อื่น เพราะซีรีเบลลัมจะปล่อยลิ้นพลังงานออกไปดูดซับประจุไฟฟ้าที่อยู่ในเส้นเลือดของคน ที่มีความยาว 90,000 ไมล์ ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลมาก แต่เราสามารถอยู่ในระยะประชั้นชิดได้ ยิ่งยุ่งเกี่ยวกับคนมากเท่าไร ภาวะความหนาแน่นของสนามแม่เหล็กก็ยิ่งมากขึ้น การอยู่ในหมู่คนที่ฝึกปฏิบัติด้วยกันก็ส่งผลทำให้มีการพัฒนาซีรีเบลลัมให้ถึงพร้อมได้ในอัตราเร่ง เนื่องจากการฝึกปฏิบัติหลาย ๆ คน จะเกิดอนุกรมพลังงาน เป็นกลุ่มก้อนพลังงานที่มีความเร็วสูง สามารถพัฒนาซีรีเบลลัมไปได้พร้อมกันเลยทีเดียว อีกทั้งการสวดมนต์ที่ใช้ความยาวของตะเกียบ เป็นตัวต่อเส้นสายที่ซีรีเบลลัมให้เกิดการดูดซับประจุไฟฟ้าได้ในระยะไกล รวมถึงการตีตะเกียบตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย พร้อมทั้งถักทอเส้นสาย ให้เข้าสู่วงรอบของพลังงาน จะเกิดการแยกประจุและอนุภาคได้ตลอดการฝึกปฏิบัติ การใช้มือและเท้าในการเคลื่อนไหวขณะสวดมนต์หรือเคลื่อนไหว ให้เหมาะสมกับความเร็ววงรอบของพลังงาน รวมทั้งการใช้แรงเฉี่อยที่เกิดขึ้น ที่เป็นแรงเหวี่ยงในการดูดซับพลังงาน จนกระทั่งเกิดความเร็ววงรอบสูง ล๊อคอนุภาคไว้ที่แกนกลาง การเข้าสมาธิอย่างล้ำลึกจึงเกิดขึ้น จนกระทั่งเกิดการรวมอนุภาค หรือเส้นสายของสนามแม่เหล็กเข้ามาอยู่ ณ ที่เดียวกัน ระยะทางจะหายไป เวลาหายไป การเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลจึงสมบูรณ์ ...
มันเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตที่ทุกคนสามารถเข้าใจ เข้าได้และเข้าถึง ถ้ามีองค์ความรู้ สิ่งที่เรียกว่าจิต สามารถสัมผัสและแตะต้องได้ เมื่อสัมผัสและแตะต้องได้ เราก็จะสามารถพัฒนาจิตของเราได้อย่างมีวิวัฒนาการของจิตได้อย่างต่อเนื่อง จากการเฝ้าสังเกต และฝึกปฏิบัติจนเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทุกคนย่อมรับรู้ได้ในความรู้สึกเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน มันเป็นเรื่องจริงที่ต้องพิสูจน์
การสร้างเหตุปัจจัยถึงพร้อมในความสำเร็จทางจิต คือการทำให้ซีรีเบลลัมเต็มโดยสมบูรณ์ การพัฒนาที่ดีที่สุดคือการสวดมนต์ การสวดมนต์นั้น หากสวดตามวาระจิตอย่างเดียว จะทำให้เส้นสายสนามแม่เหล็กตีบได้ จากการที่พลังงานลอยตัวขึ้นสมองและถูกปลดปล่อยออก ทำให้ไม่เกิดการขับเคลื่อนและดูดซับพลังงานเท่าที่ควร จึงควรออกแบบการออกกำลังกายขณะที่สวดมนต์ โดยในแต่ละบทให้ออกกำลังกาย อาจจะ
ทุบหน้าอก และหมุนวนที่หน้าอก และสะบัดมือเหวี่ยงออกไป จะทำให้เกิดการดูดซับพลังงานได้เพิ่มขึ้น กระแสพลังงานจะขับเคลื่อนพลังงานได้อย่างรวดเร็ว การใช้กำปั้นชกมวยก็ถือเป็นการออกกำลังกายที่กระชากพลังงานได้ดี
การหมุนวนบริเวณใบหน้าและสะบัดเหวี่ยงไป จะทำให้พลังงานที่ใบหน้าเกิดรัศมีของพลังงานออกไปเป็นวงกว้าง
การหมุนวนที่จักระ 1 และสะบัดเหวี่ยงไป จะเกิดการดูดซับพลังงานอย่างมหาศาลทำให้วงขาเกิดความเร็ววงรอบ ส่งมายังซีรีเบลลัมโดยตรง
การออกแบบการออกกำลังกายและการสวดมนต์จึงส่งเสริมในด้านพลังและการพัฒนาจิตวิญญาณ อย่างยิ่งยวด รวมถึงการลากเส้นเมอริเดียนขณะสวดมนต์ จะทำให้พลังคุณฑาลินีขึ้นมาอย่างไร้ทิศทาง จะทำให้เกิดพลังงานที่รุนแรง สลับกับการถักทอเส้นสายจะเกิดการรวมเส้นสายได้อย่างหนาแน่นมากขึ้น อีกทั้งการออกกำลังกายสลับกับการสวดมนต์ จะทำให้แคลเซียมไม่เกาะตามข้อกระดูก ระบบการไหลเวียนดี ร่างกายแข็งแรง เมื่อมีพลังงานมากแล้วจะไม่มีผลกระทบต่อกายมากนัก
ลามะธิเบตฝึกปฏิบัติ ส่วนมากจะมรณภาพตอนอายุประมาณ 45 ปี เพราะอะไร เพราะว่าร่างกายไม่สามารถทนทานต่อพลังงานที่เข้ามาได้ เพราะฉะนั้น ร่างกายต้องมีความแข็งแกร่งไปพร้อมกับพลังที่เข้ามาอย่างมหาศาล จึงต้องนำเอาวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้าเกี่ยวข้อง เทคนิคการสวดมนต์ก็เหมือนกัน ต้องมีเร็ว และมีช้า และหยุดนิ่ง เพราะเมื่อมีความเร็ววงรอบสูงขณะสวดมนต์ด้วยความเร็วสูง การขับเคลื่อนของพลังงานจะมีความเร็วอยู่แล้ว ควรหยุดหลับตา ทำสมาธิ 2 -5 นาที เฝ้าดูการขับเคลื่อนเส้นสายภายใน โดยดูดลูกตาเข้าไปที่ขอบของไพเนียลแกลนด์และดูการขับเคลื่อนนั้นไป ในลักษณะทรงกลมรอบทิศทาง ปล่อยให้เป็นไปตามการขับเคลื่อนนั้น ไพเนียลแกลนด์จะสั่นสะเทือนอย่างอิสระ ส่งผลที่ซีรีเบลลัมจะได้รับประจุไฟฟ้าจากไพเนียลแกลนด์ที่มีประจุไฟฟ้าอย่างมหาศาลออกสู่วงรอบนอกเข้าสู่ซีรีเบลลัมนั่นเอง
การสวดมนต์ควรท่องให้จำได้ ขณะสวดมนต์เราจะไม่ได้คิด สมองส่วนหลังจะทำงานอย่างอิสระ เท่ากับทำให้ไพเนียลด์แกลนทำงานอย่างอิสระเช่นเดียวกัน เมื่อสวดจบบทหนึ่งแล้ว ก็เริ่มสวดบทต่อไปตามวิธีการที่กล่าวมาข้างต้น อีกอย่างถ้าต้องการให้พลังงานขับเคลื่อนด้วยความรวดเร็ว ควรทำความเร็วที่วงขาเพื่อให้เกิดการดูดซับพลังงาน โดยการเปิดจุดที่ส้นเท้า ใช้ส้นเท้าขวาเชื่อมจุดกับสนามพลังจักรวาลแล้ววางเท้าขวาใช้ส้นเท้าซ้ายยกขึ้นต่อปลายเท้าขวาให้นิ้วโป้งขวาและซ้ายเชื่อมต่อ กัน ยกขาซ้ายขี้น แยกขาซ้ายออก กระดกปลายเท้าซ้ายขึ้นและลง ยกขึ้นที่บริเวณน่องขาขวา แยกขาซ้ายให้ 90 องศา ใช้ฝ่าเท้าซ้ายแนบไปกับต้นขาขวา ทุกอิริยาบถขณะเปลี่ยนท่าให้กัดฟัน และปล่อยฟันทุกครั้ง จุดทั่วร่างกายจะถูกเปิด มีการขับเคลื่อนของพลังงานแล้วจึงสวดมนต์ การที่จะฝึกการพัฒนาจิตแบบนี้ได้ต้องมีความเข้าได้ เข้าใจ เข้าถึงในองค์ความรู้ ถึงจะสามารถสัมผัสรับรู้ถึงเรื่องพลังงานที่เกิดขึ้น และเราสามารถพัฒนาต่อยอดทางด้านจิตได้ในอัตราเร่ง สิ่งแรกคือ ต้องสร้างการรับรู้ โดยการเปลี่ยนคลื่นสมองจากการแยกประจุและอนุภาคออกจากกัน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนและการไหลพลังงานให้เราได้รับรู้รู้สึกเสียก่อน เมื่อเรารับรู้ถึงพลังงานแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็สามารถพัฒนาทางจิตได้อย่างถึงที่สุด คือ ปรมัตถ์ธาตุ ไม่มีสิ่งใดที่เหนือกว่านี้อีกแล้ว มนุษย์คือพระเจ้าโดยแท้ เพียงรู้จักและสัมผัสถึงคลื่นพลังงานทั้งภายในและภายนอกร่างกายเท่านั้นเอง
จะสังเกตว่า การมองดูอะไรก็ตามที่เป็นลายเส้น เราสามารถเกาะติดและขับเคลื่อนพลังงานได้อย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจากการสวดมนต์ ที่ทำให้น้ำในสมองรวมถึงน้ำในร่างกายเปลี่ยนแปลง กลายเป็นไอโซโทปที่มีความเร็ววงรอบสูง ทำให้การเกาะติด หรือเชื่อมต่อได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน การที่เราจะสัมผัสสิ่งบางสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เราสามารถสัมผัสบางสิ่งบางอย่างด้วยคลื่นพลังงาน ที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง จากเมื่อตอนที่แล้ว เป็นวิวัฒนาการจากสมาธิก้นหอย เป็นสมาธิดอกบัว ที่อยู่ในรูปไดนามิก ทำให้เกิดภาวะไม่สมดุล มีการดูดซับพลังงานอย่างมหาศาล ทำให้มีอนุภาคหนาแน่นหรือเส้นสายที่หนาแน่นมากขึ้น การที่จะดูดกลืนอนุภาคล่องหน คืออนุภาคที่ไม่สามารถเห็นได้แต่สามารถสัมผัสได้จากความเร็ววงรอบของสมองที่เปลี่ยนไป จะเกิดการขับเคลื่อนแบบกระชากพลังงานจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน จนกระทั่งลอยตัวสูง และขับเคลื่อนแบบสืบเนื่องเป็นฟันเฟือง เกิดการดูดซับพลังงานได้อย่างมหาศาล
ต้องระวังหัวใจ และเส้นเลือดที่สมอง เพราะเมื่อกระแสพลังงานเข้ามาก จะทำให้มีการเจ็บที่หัวใจ ปวดศีรษะ จากพลังงานที่เข้ามาอย่างเต็มที่ ขณะฝึกกับเส้นสายที่เป็นอักขระที่เชื่อมโยงกับอนุภาคล่องหน อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เพราะมีผลต่อหูที่มีค้อนทั่งโกลน ซึ่งมีผลต่อน้ำในช่องหูจึงทำให้เวียนหัว คลื่นไส้อาเจียนได้ ควรก้มและย่อตัวให้สอดคล้องกับพลังงานที่เกิดขึ้น จนกระทั่งพลังทั้งหมดจะลงมาที่ธรรมจักร และล๊อคอนุภาคไว้ที่แกนกลาง จนเกิดภาวะนิ่งอย่างสมบูรณ์ การทำสมาธิ จะดำดิ่งอย่างล้ำลึก และมีความละเอียดเนียนของพลังงาน มีความเร็ววงรอบที่สูงยิ่ง เป็นการพัฒนาให้ซีรีเบลลัมสามารถเก็บเกี่ยวเส้นสายได้มากที่สุด ขณะทำสมาธิ ที่ธรรมจักร จะเป็นพลังงานที่ขับเคลื่อนเป็นกลีบดอกบัวและลอยขึ้นไปด้านบน อยู่อย่างนั้นตลอดเวลา
..มันเป็นวิวัฒนาการของการทำสมาธิ ที่เป็นสนามแม่เหล็กที่เข้มข้นขึ้นในขณะนี้ เพื่อสร้างเหตุปัจจัยถึงพร้อมในความสำเร็จทางจิต และความเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล จากอนุภาคหรือเส้นแรงที่หนาแน่นจนชิดกัน ทุกสิ่งทุกอย่างจึงรวมมาอยู่ที่เดียวกัน พ้นระยะทาง พ้นกาลเวลา ทำให้การเชื่อมต่อสัญญาทุกสัญญาในจักรวาลโดยสมบูรณ์...
การพัฒนาซีรีเบลลัม หรือการพัฒนาจักระ 6 โดยการใช้ตาดู หูฟัง สมองคิด จิตรับรู้
ขณะที่เรามองดูสิ่งที่ขับเคลื่อนอยู่เป็นลายเส้น จิตจะทำงานเมื่อเห็นลายเส้น จิตจะมีความเร็วเมื่อเห็นแสง ในยุคปัจจุบันหรือในยุคไฮเทคโนโลยี ทุกคนมีปริมาณประจุไฟฟ้าถึงพร้อม คือ พร้อมใช้ในการพัฒนาจิต เพราะอยู่กับคลื่นพลังงานรอบ ๆ ตัวเรา จนกระทั่งกระแสไฟฟ้าเข้าแทรก ตามส่วนต่างๆของร่างกาย และสมองส่วนท้ายทอยที่เป็นที่อยู่ของซีรีเบลลัม ทำให้เกิดอาการตึงท้ายทอยได้ง่าย เมื่อท้ายทอยตึงก็จะดูดซับประจุไฟฟ้าได้อย่างสืบเนื่อง แต่ไม่มีหนทางปลดปล่อย เกิดความไม่สมดุลในร่างกาย ร่างกายมีสภาวะความเป็นกรดสูง
เมื่อเราต้องการให้มีการขับเคลื่อนของพลังงาน วิธีหนึ่งคือการใช้ mandala หรืออักขระจักรวาล ที่มีลายเส้นและขับเคลื่อนหมุนปั่นเป็นวิถีโค้ง ในการมอง การมองจะผ่านเข้าไปที่รูม่านตา แล้วไปกระทบกับเรตินาที่อยู่ติดกับเมดุลาออบลองกาตาและซีรีเบลลัม ทำให้ขณะมอง ซีรีเบลลัมจะเริ่มขับเคลื่อนหมุนปั่น ทำให้จักระเริ่มหมุน เกิดการปรับสมดุลของพลังงานในร่างกาย อีกทั้งเสียงเมื่อผ่านเข้าไปที่ช่องหู จะผ่านค้อน ทั่ง โกลน ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนส่งผลไปยังซีรีเบลลัมเช่นเดียวกัน ทำให้ซีรีเบลลัมสั่นสะเทือนและเร่งปฏิกริยาให้หมุนปั่นเร็วขึ้น แสงที่เห็นก็เหมือนกัน ถ้าเราเกาะติดแสงได้ จะทำให้ซีรีเบลลัมยิ่งหมุนปั่นเร็วมากขึ้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้จักระต่างๆ เริ่มทำงานหมุนปั่นเช่นเดียวกัน ขณะที่เรามอง ควรหยุดลมหายใจ ทยอยยุบท้องน้อย กัดฟันเบาๆ แล้วค่อยๆ ปล่อยฟัน จะรู้สึกถึงพลังงานภายในโดยเฉพาะซีรีเบลลัมที่อยู่บริเวณท้ายทอยมีการขับเคลื่อนเหมือน อักขระจักรวาลที่เรามอง จนกระทั่งเกิดความเร็ววงรอบสูง จะเกิดการล๊อคของพลังงานไว้ที่แกนกลาง ซึ่งจะสู่จุดนิ่งเข้าสมาธิได้อย่างล้ำลึก ล้ำลึก ล้ำลึก ในยุคปัจจุบันสามารถฝึกจิตได้ง่าย โดยการใช้ไฮเทคโนโลยีที่มีมาเป็นประโยชน์ในการพัฒนาสมาธิ อย่างเช่น VTR ที่นำเสนอนี้.....ยังมีวิธีฝึกอีกหลายอย่างที่ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของพลังงานและพัฒนาจิตในอัตราเร่ง ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับ 7m ที่เคยนำเสนอไปแล้ว...