ก่อนอื่นเรามาดูความหมายกันก่อน พิธีคือรูปแบบ ส่วนกรรมคือการกระทำ หมายถึงการกระทำที่มีรูปแบบ แต่พิธีกรรมทางจิตวิญญาณ มาจากความรู้สึก ที่คล้อยตามพลังงานที่เกิดขึ้นในขณะนั้น และ พิธีกรรม คือการตั้งค่ายสนามพลังของน้ำ ในสมองที่เชื่อมโยงกับเส้นสาย ซึ่งสัมพันธ์กับผู้ที่เข้าร่วมพิธีกรรม และถือว่าเป็นการค้นคว้าองค์ความรู้การพัฒนาจิตวิญญาณชั้นสูง เป็นการพัฒนาจิตในระดับสูง มีอัตราความเร็วที่รวดเร็วและแฝงไปด้วยอำนาจพลัง อีกทั้งยังเป็นการปรับกระแสพลังงาน จัดเส้นสาย ให้เข้าสู่วิวัฒนาการของจิตที่เกิดขึ้น และเป็นอนุกรมที่ร่วมกันเป็นหมู่เป็นเหล่า จะยิ่งเพิ่มอำนาจพลังความศักดิ์สิทธิ์ให้กับพิธีกรรมอย่างมาก เพราะเมื่ออยู่ในพิธีกรรม ที่หลายคน จะเกิดการขับเคลื่อนของประจุด้วยความรวดเร็วและมีทั้งการดูดผลักประจุไฟฟ้าอยู่ตลอด การเชื่อมต่อเป็น Macro cosmic orbit กับทุกสิ่งที่อยู่ในพิธีกรรม
พิธีกรรมจะทรงอำนาจพลังต้องมี 7 Mซึ่งเป็นสิ่งที่เอื้อในการพัฒนาจิตวิญญาณพร้อมทั้งสู่ความสำเร็จในอัตราเร่ง ยิ่งมีพิธีกรรมยิ่งเห็นองค์ความรู้เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ทิศทางของพลังงาน กระแสพลังงานที่เปลี่ยนไปในแต่ละวงรอบ รวมถึงท่าทางการฝึกก็เปลี่ยนไปตามวิวัฒนาการที่เกิดขึ้น
ทีนี้เรามาดู 7 M
ซึ่งเป็นพื้นฐานในการพัฒนาจิตวิญญาณสู่ความสำเร็จทางจิต
1. Movement meditation หมายถึงการเคลื่อนไหว ตามวาระจิต การเดินไปมา จะเชื่อมต่อกับผู้ร่วมพิธีกรรมพร้อมกับการเชื่อมต่อกับสิ่งรอบๆ เส้นสายทุกเส้นสาย จะมารวมกับผู้ที่เป็นเจ้าพิธี สนามพลังของเจ้าพิธีจะขยายกว้างออกไป ทำให้การรับรู้รู้สึกของผู้ร่วมพิธีรับรู้รู้สึก ถึงกระแสพลังงานเช่นเดียวกับผู้ที่เป็นเจ้าพิธี กระแสพลังงาก็จะเกิดอัตราความเร็วเช่นเดียวกัน ยิ่งผู้ร่วมเข้าพิธีกรรมมากเท่าไหร่ กระแสพลังงานก็จะมากเป็นทวีคูณ แต่ก่อนที่จะเข้าพิธีกรรม ต้องเตรียมความพร้อมพลังน้ำในสมอง โดยการออกกำลังกาย ดรัมเบล บาร์เบล ขี่จักรยาน เพื่อให้น้ำในสมองมีอัตราความเร็วสูง ถึงจะทำให้พิธีกรรมนี้มีประสิทธิภาพมากและศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น
2.Mudra หมายถึงการควบคุมเส้นสาย โดยการใช้นิ้วมือ เพื่อควบคุมเส้นสายภายในและเส้นสายภายนอก โดยการใช้องศาคลิกตามชั้นพลังงาน ทิศทางของพลังงาน Mudra จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากวิวัฒนาการของจิต ที่มีคลื่นความถี่ที่ละเอียดขึ้นในแต่ละวงรอบของพิธีกรรม จะเปลี่ยนแปลงคลื่นความถี่ การเดินพลังก็จะเปลี่ยนไปทุกครั้งที่มีพิธีกรรม
3. Muntra หมายถึงการเปล่งเสียงทางจิตวิญญาณ รวมทั้งการสวดมนต์ ขณะที่เปล่งเสียง จะเกิดการเกร็งท้องอยู่ตลอด ทำให้พลังงานจากด้านล่าง ลอยผ่านแนวกระดูกสันหลังไปพร้อมกับน้ำไปสะสมที่ช่องน้ำเลี้ยงในสมองส่วนกลาง เกิดอัตราความเร็วของกระแสพลังงาน เมื่อมีความเร็วการเชื่อมต่อก็จะเกิดขึ้น
4.Mandala อักขระจิตวิญญาณ อักขระเป็นโปรแกรมของจิต จิตมีทางเดินเมื่อเห็นลายเส้น จิตมีความเร็วเมื่อเห็นแสง เพราะฉะนั้นอักขระ จึงเป็นทางเดินให้จิตหรือกระแสพลังงานเราขับเคลื่อนไปตามวิถีของธรรมชาติ ให้เกิดสภาวะสมดุล และพัฒนาจิตได้
5.Material เครื่องมือ หรือวัสดุที่ทำให้น้ำในสมองส่วนกลางมีอัตราความเร็ว ใช้ในการปลดปล่อยพลังงาน บำบัดรักษา และใช้ในการทะลวงจุด ใช้ในการพัฒนาศักยภาพของจิตให้มีอัตราความเร็วมากขึ้น ในพิธีกรรม จึงประกอบไปด้วย น้ำมนต์ ไฟ ธูป ดอกไม้ โดยเฉพาะดอกบัว สำคัญมาก ให้อัตราความเร็วที่สูง บายศรี เป็นตัวปลดปล่อยพลังงานเหมาะกับการบำบัดรักษา และเชื่อมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพิ่มอัตราความเร็ว รวมถึงหยก ผ้าครู สร้อยประคำหยกและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในพิธีกรรม
6.Mind หมายถึงการมีใจที่จะรักในทุกสรรพสิ่ง และรักในการฝึกฝนทางด้านจิตวิญญาณ การมีใจจะส่งผลถึงความสำเร็จได้รวดเร็ว เพราะจะพ่วงคำว่า วินัย ต้องฝึกปฏิบัติเป็นประจำ เหมือนนักบวช แต่ฝึกด้วยใจรัก โดยไม่มีใครมาบังคับให้ท่าน ใจในที่นี้เมื่ออยู่ในรูปสนามแม่เหล็กแล้วเส้นสายจะเชื่อมโยงกับผู้คน เหมือนรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเห็นใจเค้าใจเราขึ้นมาทันที
7.Meditation สุดท้ายของการฝึกปฏิบัติ เมื่อเราเคลื่อนไหวมากแล้วจะ ดูดซับประจุไฟฟ้ามหาศาล อัตราความเร็วก็มากขึ้น การทำสมาธิเพื่อให้เกิดภาวะสมดุล ในสูตรที่ว่า เคลื่อนไหวให้มาก นิ่งให้สุด จะเกิดการแยกประจุและอนุภาคขณะทำสมาธิ เมื่อนิ่งสุดแล้ว อนุภาคหรือเส้นสายจะถูกฝังไว้ที่ซีรีเบลลัมมากขึ้น ความเป็นสนามแม่เหล็กก็เข้มข้นขึ้น ซึ่ง สมาธิอยู่ในรูปของฌานคือจิตใจที่สงบนิ่ง
จะเห็นได้ว่าการประกอบพิธีกรรมเป็นตัวช่วยที่ดี ในการพัฒนาจิตวิญญาณ โดยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยดูแลอยู่ตลอด เพราะผู้ที่ฝึกตน ต้องรองรับประจุไฟฟ้าอย่างมหาศาล จากความเป็นสนามแม่เหล็ก กายนี้จะอยู่รอด ต้องเข้าร่วมพิธีกรรม เพื่อปรับเปลี่ยนวิถีพลังงานให้สอดคล้องกับวัฒนาการจิตที่เกิดขึ้นในแต่ละวงรอบ