ความเป็นพุทธะในแนววิทยาศาสตร์ทางจิต
พุทธะ คือ ความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
เรามาดูความหมายของผู้รู้กันก่อน ผู้รู้ จะต้องมีการขยายตัวของพลังงานออกไปกว้างไกล มีการสั่นสะเทือนระดับสูง สามารถดูดซับประจุไฟฟ้าหรือข้อมูลเข้ามาอย่างมหาศาล เข้าสู่วงรอบของพลังงานที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง จึงทำให้สามารถรู้แจ้งกระจ่างในทุกๆ สิ่งทุกอย่าง
แล้วผู้ตื่นเป็นอย่างไร ภาวะเป็นผู้ตื่นคือการไหลของพลังงานที่เกิดขึ้นตลอดเวลา การไหลเกิดจากจิตวิญญาณที่พัฒนาเป็นสนามแม่เหล็ก เพราะถ้าไม่มีจิตวิญญาณการไหลย่อมไม่เกิดขึ้น มาจากไหน มาจากการลอยตัวของพลังคุณฑาลินีขึ้นสู่สมองมาพร้อมกับน้ำ ที่รับประจุไฟฟ้าได้อย่างมหาศาล เกิดการอัดแน่นและยุบตัวของอนุภาค ประจุไฟฟ้าแยกออกไปอยู่วงรอบนอกไกลสุดขับเคลื่อนเป็นวิถีโค้ง ด้วยความเร็วสูง ทำให้สารสื่อนำประสาทกลูตาเมต แทรกไปตามเซลประสาทมีผลกระทบต่อมอเตอร์ นิวรอนทรานสมิทเตอร์ ศูนย์กลางควบคุมระบบประสาท จึงมีความไวในการรับรู้ ที่เหนือสามัญ เกิดการขับเคลื่อนและผลักดันจนเป็นกลไกอัตโนมัติ อยู่ในรูปของสนามแม่เหล็กนั่นเอง....จิตวิญญาณพัฒนามาจากซีรีเบลลัมที่อยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก มีความเร็ววงรอบสูงบริเวณสมองส่วนหลัง ซึ่งไม่ได้พัฒนาจากสมองส่วนหน้าหรือจิตในสำนึก ที่ยังเป็นกายภาพ..ความเร็ววงรอบของประจุไฟฟ้าในสมองเพียง 24ม./วินาทีเท่านั้น ถ้าเป็นผู้ตื่น จะเป็นผู้ที่มีการับรู้รู้สึกได้ตลอดเวลา และสามารถเฝ้าดูจิตได้ทุกขณะจิต
ผู้เบิกบาน คือ จะต้องเป็นผู้ที่มีปริมาณประจุไฟฟ้าในเลือดสูง มีแรงขับสูง และอยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง เกิดการแยกประจุและอนุภาค เกิดการสลัดประจุได้ตลอดเวลา สารแห่งความสุข ความเบิกบานใจจึงเกิดขึ้นด้วยความเร็ววงรอบที่สูง ภาวะเบิกบานไม่จบสิ้น คือภาวะความเข้าใจใจของตนเองในรูปของจิตวิญญาณ และยอมรับตนเอง รวมทั้งเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อนั้นจะเป็นผู้ที่มีความเบิกบานตลอดเวลา
ทั้งผู้รู้ ผู้ตื่นและผู้เบิกบาน ต้องมีจิตวิญญาณในการรับรู้ที่ขับเคลื่อนเป็นกลไกอัตโนมัติ มีการดูดผลักตลอดเวลา อยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก เป็นมหาสติที่เราไม่ต้องใช้ความพยายามในการแยกรูปแยกนาม เพียงแต่ใช้จิตวิญญาณที่เกิดขึ้น รับรู้ เฝ้าดู ติดตาม อยู่เฉยๆ กลไกอัตโนมัติจะเกิดขึ้น ความเร็ววงรอบสูง เกิดการขยายออกไปไกลแสนไกลและไม่หวนคืนมาอีกต่อไป เท่ากับเป็นการดับสัญญาในทึ่สุด...