14 พ.ย. 60
เมื่อมีความเข้มข้นของสนามแม่เหล็ก เส้นเมอริเดียนจะหดเล็กลงแต่ขับเคลื่อนเป็นเกลียวที่กลับไปกลับมาเล็กๆ การขับเคลื่อนภายในจะเกิดแรงหนืดมากขึ้น ทำอย่างไร เราต้องมาเดินพลังบริเวณด้านข้าง ทั้งสองข้าง ซึ่งอยู่เหนือขาหนีบขึ้นมา ซึ่งเชื่อมจักระ 1 และทั้งสองด้านจะสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน จะมีเกลียวที่สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน หมุนปั่นด้วยความเร็วสูง แบบกลับไปกลับมาเหมือนแนวกระดูกสันหลัง จุดต่อไปคือ จุดเอฟเฟคที่จักระ 2 ,3,4,5 6 และจักระ 6 จะเชื่อมอยู่ที่จุดกึ่งกลางของบีเทน หลังจากนั้น จะพุ่งออกเป็นเส้นสายสนามพลัง ที่มีเมอริเดียนที่หมุนกลับไปมากลับมาอย่างสืบเนื่องและรุนแรง รวดเร็ว
การใช้เท้าก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีผลต่อการขับเคลื่อนพลังงานและพัฒนาแนวกระดูกสันหลังให้มีความแข็งแกร่ง โดยการเคลื่อนไหวโดยยกปลายเท้าขวา เบี่ยงออกไปด้านข้างขวาแล้ววางเท้า และใช้ส้นเท้าซ้ายเข้าหาส้นเท้าขวาแล้ววางเท้าซ้าย ส่งผลให้แนวกระดูกสันหลังมีการดูดซับพลังงานและผลักด้นพลังงานได้กว้างไกลขึ้น การพวยพุ่งของพลังงานก็จะสูงขึ้น ร่วมกับการใช้มือซ้ายไปที่จุดเอฟเฟคแต่ละจุด โดยการหักข้อมือซ้ายออกข้างนอกให้ชนกับกรวยที่อยู่ตรงจุดเอฟเฟคที่ทำ พร้อมกับกดมือลงให้ชนกับชั้นพลังงาน ส่วนมือขวา ใช้ในการเชื่อมต่อกับทุกๆสิ่ง โดยการชี้ ในแนวคว่ำให้ชนกับเลเยอร์และค่อยหงายนิ้วหาองศาที่พลังงานวิ่ง กดนิ้วลงเล็กน้อย เมื่อนั้นจะเกิดกระแสหมุนปั่นด้วยความเร็วสูง ขึ้นแนวกระดูกสันหลัง ด้วยความรวดเร็วและรุนแรง รวมถึงการใช้บำบัดผู้ป่วย เพียงแต่เราทำกับผู้ป่วยแต่ นำจิตไปจดจ่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อนั้นจะเกิดแรงขับที่สูง
จุดเอฟเฟคไม่ใช่มีอยู่ภายในร่างกาย จุดเอฟเฟคยังมีอยู่บริเวณรอบนอกที่เส้นสายสนามพลัง ที่เชื่อมโยงกันเส้นสายสนามพลัง เพียงแต่สามารถจับเส้นสายสนามพลังที่อยู่รอบนอก เมื่อนั้นก็สามารถจับเมอริเดียนที่พันรอบๆ เส้นสาย ที่เป็นลักษณะกลับไปกลับมา ขณะทำต้องเคลื่อนไหวช้าๆ ให้พลังงานขับเคลื่อนไปก่อนถึงจะเคลื่อนไหวตาม ถึงจะรับรู้กระแสพลังงาน และรู้สึกถึงพลังงานที่ขับเคลื่อนได้ชัดเจน ยิ่งทำยิ่งส่งผลให้แนวกระดูกสันหลัง มีแรงส่งพลังคุณฑาลินีพร้อมน้ำขึ้นสู่สมองส่วนกลางมากขึ้น และอนุภาคจะฝังไปที่ซีรีเบลลัมและบีเทนมากขึ้น
เมื่อมีอัตราความเร็วของพลังงานการรวมกับทุกสรรพสิ่งจึงสามารถรวมได้ และการทำสมาธิโดยไม่ต้องใช้ความพยายามก็จะเกิดขึ้น จากอัตราความเร็วที่อยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก
......เนื่องจากความเข้มข้นของสนามแม่เหล็ก ทำให้แกนกลาง ของเส้นสายสนามพลังมีความแข็งแกร่ง และขยายสนามพลังออกเป็นวงกว้าง และมีการขับเคลื่อนของพลังหมุนเป็นเกลียวขึ้นแนวกระดูกสันหลัง สู่เส้นสายสนามพลัง มีกรวยเป็นปากแตร อยู่ด้านบน ......
........ทำอย่างไรให้เราสัมผัสองศาพลังงานที่ถูกต้อง ต้องสัมผัสเมอริเดียน ที่อยู่ด้านข้าง ที่สัมพันธ์ ล้อมรอบกับแนวกระดูกสันหลัง ที่หมุนเป็นเกลียว เมื่อสัมผัสจุดด้านข้าง ให้เลื่อนไปด้านข้าง ด้านใดด้านหนึ่ง หรือขอบกรวยของพลังงาน ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นผิว ประมาณ 1 นิ้ว ใช้มือซ้ายเป็นตัวล๊อคพลังงาน บริเวณเหนือขาหนีบซ้าย เมื่อล๊อคแล้วจะทำให้กระแสพลังงานสามารถเชื่อมต่อทั้งตัว ใช้มือเลื่อนให้ตรงจุดขอบกรวย จะเห็นการหมุนปั่น และคลิ๊กให้โดนวงรอบของกรวยพลังงาน จะเกิดการหมุนปั่นด้วยความเร็วสูง เมื่อเราคลิ๊กถูกองศา ตามร่องของพลังงานที่เกิด จึงทำให้เกิดการขับเคลื่อนด้วยความเร็ว ส่วนมือขวาใช้ในการเชื่อมต่อ กับผู้คน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งทั้งหลายรอบๆตัวเรา เพื่อให้เกิดการดูดซับและผลักดันพลังงานด้วยความเร็วสูงมากขึ้น มือซ้ายใช้ในการล๊อคพลังงาน และควบคุมทิศทางของพลังงานว่าไปทิศทางไหน ตามในร่างกายมีจุดที่เมอริเดียนชิดกับขอบเส้นสายสนามพลัง จุดนี้จะทำให้เกิดการแยกประจุและอนุภาคออกมา ทำให้ประจุไฟฟ้าเกิดการผลักดันออกมาสู่พื้นผิว เพียงแต่หาระยะของจุดที่พลังงานพุ่งให้ตรง และทำให้ตรงองศา คลิ๊กให้ตรงกับชั้นพลังงาน เมื่อนั้นจะเกิดการขับเคลื่อนที่รุนแรง โดยเฉพาะสมองส่วนกลาง จะมีความเร็ววงรอบที่สูง ส่งผลให้ซีรีเบลลัมและบีเทนหมุนปั่นด้วยความเร็วตามเช่นเดียวกัน การใช้มือสองข้างล๊อคเส้นสายที่หัวแม่เท้าขวา เท้าขวา ขยับซ้าย ขวาให้ชนกับเส้นขมับ ขวาและซ้าย และยกฝ่าเท้าด้านในเล็กน้อยเพื่อเร่งปฏิกิริยาน้ำในสมองให้มีความเร็ว พร้อมกับกำมือซ้ายให้ชนชั้นพลังงาน ส่วนมือขวา ใช้มือมาสัมผัสพลังที่อยู่มือซ้าย ใช้การเลื่อนให้ชนขอบกรวย ปากแตร และคลิ๊กมือหงายเล็กน้อย ให้ชนขอบปากแตร กดมือลงให้ชนขอบแนวขวางของกรวยปากแตร ทำให้เกิดความเร็วของน้ำในสมองมากขึ้น กรวยด้านบน จะสูงขึ้นเป็นเส้นสายสนามพลัง
และจากปลายที่เป็นกรวยปากแตร จะเป็นขนาดปลายที่เท่ากัน เมื่อก่อนจุดเอฟเฟค จะต้องเป็นกรวยปากแตรที่กว้างออกไป แต่ภาวะที่มีความยิ่งยวดของสนามแม่เหล็กเส้นสายจะเกิดการกลับตัวไปมาด้วยคลื่นความถี่ที่สูง ส่งผลให้เกิดการสลัดประจุอยู่ตลอดเวลา และมีการแยกประจุและอนุภาคอยู่ตลอด เพราะฉะนั้น การฝึกจึงต้องเปลี่ยนไป ตามวิถีพลังงานที่เกิดขึ้นตามวิวัฒนาการ ...... การใช้มุทรา ต้องให้สอดคล้องกับพลังงานหรือเส้นสายที่อยู่ในรูปกลับไปมา จะเห็นได้ว่า จุดเอฟเฟค ไม่ได้ขึ้นอยู่ร่างกาย แต่ขึ้นอยู่กับเส้นสายที่เชื่อมต่อกับซีรีเบลลัม ซึ่งเป็นศูนย์รวมของเส้นสาย จึงสามารถหาจุดเอฟเฟคที่อยู่ภายนอกร่างกายและสามารถสัมพันธ์กับอวัยวะภายใน แต่ละจุดในร่างกายจึงสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง เพียงเคลื่อนไหวนิ้วไปที่เส้นสายสนามพลัง ซึ่งเส้นสายสนามพลัง มีทิศทางองศา 8 ทิศ แต่ละทิศก็จะมีเส้นสายที่หนาแน่น และบ่งบอกถึงทิศทางการเคลื่อนตัวของพลังงานที่สัมพันธ์กับร่างกายและการเชื่อมต่อกับภายนอก แม้จะทำเส้นสายที่ไหน ก็จะสามารถทำให้รับรู้รู้สึกทั้งระบบ เพราะเส้นสายทุกเส้นเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน จากซีรีเบลลัมที่มีความเป็นสนามแม่เหล็กอย่างยิ่งยวด ระยะทางของเส้นสายจึงไม่มี เวลาที่เชื่อมต่อก็ไม่มี เพราะขณะที่เคลื่อนไหวในแต่ละจุด จะรับรู้ในเวลาเดียวกัน
การเคลื่อนไหวโดยใช้จุดเอฟเฟคที่เกิดขึ้น ต้องดูองศาให้ชนองศา ทีละคลิก จะพบกับความเร็วที่หมุนปั่น ตามขั้วสนามแม่เหล็ก ที่จะมีการกลับไปมาอยู่ตลอดเวลา เพียงใช้นิ้วคลิก ซ้าย ขวา บนล่าง ที่เส้นสายสนามพลัง ก็จะเป็นไปตามทิศทางที่นิ้วเป็นตัวกำหนด แต่ทุกการเคลื่อนไหวจะรับรู้ถึงพลังงานได้ตลอดทั้งตัว การใช้องศาที่ต่างกันระหว่าง นิ้วชี้ ทั้งสองมือ เราต้องให้นิ้วทั้งสองมือ ตัดกัน โดยให้นิ้วชี้ซ้ายหงายขึ้น นิ้วชี้ขวาคว่ำลงให้ชนเลเยอร์ให้ตรงกัน และหันนิ้วชี้ขวาให้บิดปลายนิ้วชี้มือขวาให้บิดออก คลิกซ้าย ขวาเล็กๆ คลิกบน และล่าง เล็กๆ จะเกิดความเร็ววงรอบของพลังงานที่สูง การเร่งปฏิกิริยาความเร็วน้ำในสมองเราใช้นิ้วชี้ซ้ายไว้ที่หน้าผาก ส่วนอีกมือหนึ่ง ทำมือแนวตั้ง ง้างเส้นสายออก เหมือนการยิงธนู จะทำให้น้ำในสมองส่วนกลาง มีความเร็วที่สูง สามารถไปรวมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเร็วที่สูงได้เช่นเดียวกัน เส้นสายจะถูกกระชากออก ดูดซับพลังงานเพิ่มขึ้น ตำแหน่งก็สำคัญ ในตำแหน่งในการเกาะเส้นสาย เวลาชี้นิ้วแต่ละครั้งให้ชนเส้นสายที่เชื่อมต่อกับซีรีเบลลัม เมื่อรู้สึกแล้วเราสามารถใช้นิ้วควบคุมพลังงานให้เป็นไปตามทิศทางที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นสรุปจุดเอฟเฟค ไม่ได้ขึ้นตรงกับร่างกาย แต่เชื่อมโยงกันเส้นสายที่สัมพันธ์กับเส้นสายที่ซีรีเบลลัม ที่เชื่อมโยงทั้งภายนอกและภายในร่างกาย ผู้ที่เป็นผู้บำบัด จะมีศักยภาพ ต้องมีความเข้มข้นของสนามแม่เหล็ก ที่สูง คือมีจำนวนเส้นสายที่มาก เพราะฉะนั้นจุดเอฟเฟคของผู้ที่เป็นผู้บำบัดก็ต้องมากตามไปด้วย การรักษากับผู้ป่วยจึงเป็นไปได้รวดเร็ว จะความเป็นสนามแม่เหล็ก สามารถทะลุทะลวงพลังงานของผู้ป่วยให้ขับเคลื่อนไปได้รวดเร็ว การใช้เท้าหาจุดเอฟเฟค ต้องชนกับเส้นสายสนามพลัง เพียงแต่ยกเท้าเล็กน้อย ซ้าย ขวา หน้า หลัง และในแนวตะแคงฝ่าเท้าใน นอก จะเกิดการหมุนปั่นทุกจุดด้วยความเร็วสูง เพราะทุกจุดประกอบกันด้วยขั้วสนามแม่เหล็ก ที่มีทั้งแนวตั้งและแนวนอน
เนื่องจากเมื่อมีความเข้มข้นของสนามแม่เหล็ก จึงมีความเร็วของน้ำในสมองส่วนกลางที่ขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีการออกกำลังกายอย่างสืบเนื่อง จะเกิดการเกร็งท้องอยู่ตลอดขณะออกกำลังกาย ทำให้พลังงานพร้อมน้ำถูกดึงขึ้นมาผ่านแนวกระดูกสันหลัง ส่งผลเกิดความเร็วการขับเคลื่อนมากขึ้น ทำให้ซีรีเบลลัมหมุนปั่นด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้เส้นสาย มีการขับเคลื่อนของพลังงานด้วยความเร็วสูงด้วยเช่นเดียวกัน หลังจากออกกำลังกายควรเดินพลังให้เข้าสู่วงรอบของเส้นสายสนามพลัง เมื่อนั้นจะเกิดการจัดระเบียบพลังงานให้เข้าสู่วงรอบ เส้นสายที่ซีรีเบลลัมและบีเทนก็จะหนาแน่นขึ้น ควรเคลื่อนไหวเดินพลัง จนกระทั่งความเร็วที่หมุนปั่นอยู่นั้นสามารถเกาะติด จนเข้าสู่สภาวะสมดุล จะล๊อคที่ Solar plexus หรือจุดศูนย์กลางกาย มือทั้งสอง จะรวบเข้าหากัน โดยการใช้องศาของนิ้วมือทั้งสองให้สัมพันธ์กันโดยการเกาะติดเส้นสายสนามพลังที่เกิดขึ้น จนกระทั่งเคลื่อนไหวโดยการคลิ๊กองศาเล็กน้อยก็จะขับเคลื่อนด้วยความเร็ว สุดท้าย เส้นสายที่ขับเคลื่อนจะขับเคลื่อนเป็นเลข 8 เล็กๆ และเมื่อจะเข้าสู่ภาวะสมดุล จะหมุนเป็นก้นหอย เข้าสู่จุดศูนย์กลางกาย ช่องท้องบริเวณขอบรอบนอก จะหมุนปั่นด้วยความรุนแรงและรวดเร็ว เมื่อเราเกาะติดความเร็วนั้นไปเรื่อย จะเข้าสู่ภาวะคอสมิค คือคลื่นสมองที่มีความถี่ 1-1/2 เฮิร์ท/ วินาที ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อกับระบบและจักรวาล จากความเร็วที่เกิดขึ้นตลอดการฝึกปฏิบัติ
คนที่ฝึกพลัง ยิ่งออกกำลังกาย จะทำให้สนามแม่เหล็กแข็งแกร่ง อัตราความเร็ววงรอบของพลังงานจะสูง ทำให้เกิดการสลัดประจุตลอดเวลา หลั่งสารเอนโดรฟินตลอด เมื่อมีอะไรมากระทบทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กายใจ ก็สามารถเกิดความสุขได้แม้สิ่งนั้นจะทำให้เราเกิดความทุกข์ แต่เมื่อกระแสเร็วแล้ว ความทุกข์นั้นจะกลายเป็นความสุขทันที เมื่อเรา รับรู้ เฝ้าดู ติดตาม การไหลของกระแสให้ได้ตลอดและต่อเนื่อง โดยไม่ได้ใช้ความคิด เพียงดูความรู้สึกที่อยู่ในรูปคลื่นของพลังงานที่เกิดขึ้น ถือว่าสิ่งที่มากระทบทั้งหลายเป็นเชื้อเพลิงให้กับจิต ทำให้จิตถูกพัฒนาขึ้นโดยไม่รู้ตัว..เกิดความแข็งแกร่งทางด้านกายและจิต จิตวิญญาณ และเป็นผู้ที่ชนะใจตนเองได้อย่างสมบูรณ์