เรามาดูกันก่อนว่า ในยามที่เราอยู่ในรูปของประจุไฟฟ้า เส้นเมอริเดียนที่อยู่รอบเส้นแรงจะมีวงกว้าง เมื่อเราต้องการรับรู้ เราต้องใช้แรงในการทำให้เมอริเดียนเข้ามาอยู่ชิดเส้นแรง เพื่อให้เกิดภาวะไดนามิค ทำให้เกิดการขับเคลื่อน จักระถึงจะหมุนปั่น และต้องใช้มือซ้ายกระดิกนิ้วเพื่อให้เกิดการสั่นสะเทือน เพื่อดูดซับประจุไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ชั้นพลังงานเต็ม จึงเกิดการแยกประจุและอนุภาคออกจากกัน เส้นแรงหรืออนุภาคจึงเกิดขึ้นและขับเคลื่อนเป็นอัตโนมัติ
เมื่อฝึกปฏิบัติไปเรื่อย ๆ เส้นสายหรืออนุภาคเริ่มหนาแน่นมากขึ้น ทั้งเส้นแนวนอนและแนวตั้ง รวมถึงการขดเป็นเกลียวหมุนปั่นรูปทรงกลมอย่างสืบเนื่อง เราไม่สมารถเดินพลังได้เหมือนเดิม ทำให้การรับรู้ที่เคยรับรู้เปลี่ยนไป เนื่องจากวิวัฒนาการเริ่มตัน เมื่อเรารู้แล้วว่าเส้นสนามแม่เหล็กเราเริ่มตีบ จากเมอริเดียนของเส้นแรงเริ่มอยู่ชิดกันมากขึ้น เราจะต้องเดินพลังโดยการใช้มุทราที่ถูกต้อง โดยการใช้นิ้วมือขวาตั้งขึ้น ให้ชนกับเส้นสายสนามพลังที่อยู่รอบ ๆ มือขวา งอนิ้วมือเล็กน้อย ค่อย ๆ เกี่ยวนิ้วมือซ้ายทีละนิ้ว จะเห็นเส้นสายแต่ละเส้น ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง รุนแรง แต่ต้องเคลื่อนไหวให้ช้า เพราะถ้าเร็วไปเราจะสัมผัสพลังงานไม่ได้เลย เนื่องจากกระแสพลังงานเร็วอยู่แล้ว ถ้าเราเคลื่อนไหวเร็วเท่ากับพลังงาน เราจะไม่สามารถรับรู้คลื่น หรือเส้นสายได้เลย เมื่อเราเคลื่อนไหวช้า จะเกิดการแตกต่างระหว่างเส้นสายกับพลังงานที่อยู่ในรูปประจุไฟฟ้า จะเกิดการแยกประจุไฟฟ้าและดูดซับพลังงานได้แรงขึ้น ส่วนเส้นแรงหรือเส้นสายก็จะเริ่มหนาแน่นมากขึ้น การขับเคลื่อนจะสู่วงรอบนอกเป็น Macro cosmic orbit ซึ่งจะเป็นรูปเลข 8 เชื่อมโยงระหว่างผู้คน ธรรมชาติ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสรรพสิ่งทั้งปวง ก็สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
การกระชากพลังเพื่อให้เกิดความเร็ว เราจะใช้นิ้วชี้มือขวา ดึงพลังงานออกที่ง่ามนิ้วก้อยมือซ้าย นิ้วโป้งเท้าซ้าย จะเห็นพลังงานเข้าที่ง่ามนิ้วก้อยซ้าย นิ้วโป้งเท้าซ้ายและเข้าไปสู่เส้นสายภายใน จนกระทั่งเข้าไปปั่นทำให้ซีรีเบลลัมหมุนแรงมากขึ้น และพลังงานจะออกทางปลายมือขวา ใช้มือซ้ายชี้สำทับปลายมือขวา จะเกิดการหมุนปั่นด้วยความรุนแรง ยกมือซ้ายขึ้นไปที่ศรีษะ โดยให้ง่ามนิ้วก้อยมือซ้ายอยู่บริเวณบีเทนหรือสมองส่วนหน้า จะเกิดการพุ่งของพลังงาน ใช้มือขวาขึ้นมาให้นิ้วชี้มือขวาอยู่บริเวณด้านข้างศีรษะ จะทำให้น้ำในสมองมีความเร็วมากขึ้น อำนาจพลังจึงสูง ใช้ในการรวมกับจิตวิญญาณหรือรวมกับทุกสรรพสิ่ง จากความเร็วที่เกิดขึ้น และใช้นิ้วชี้มือขวา ชี้ที่หน้าผากในแนวนอน จะเกิดการขับเคลื่อนพลังงานจากหน้าผากลงสู่จักระ1 เมื่อชี้จักระ1 พลังงานจะผ่านแนวกระดูกสันหลังไปที่หน้าผาก เกิดความเร็ววงรอบของพลังงานน้ำในสมอง ส่งผลให้เส้นสายสนามแม่เหล็กมีความเข้มข้นมากขึ้น การรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ จึงมีความรวดเร็ว
การทะลุทะลวงด้วยการเชื่อมต่อเส้นสาย ทำให้สามารถรวมจิตวิญญาณได้ เราใช้นิ้วชี้มือขวา ชี้ไปตามตำแหน่ง ง่ามนิ้วก้อยซ้าย ใช้มือซ้าย งอนิ้วมือให้ล๊อคเส้นสาย ค่อย ๆเกี่ยวนิ้วมือซ้ายทีละนิ้ว จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนทั้งระบบ และเพิ่มความเร็วโดยใช้มือซ้าย ย้ายจุดให้ชนกับเส้นสายสนามพลังที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา การเกี่ยวนิ้วมือซ้ายจึงเป็นส่วนที่สำคัญ เพราะเมื่อเราใช้มือซ้าย และงอนิ้วมือในแนวตั้งเท่ากับเราล๊อคเมอริเดียนที่อยู่ชิดเส้นสาย เมื่อเกี่ยวที่ละนิ้วจะเกิดภาวะไม่สมดุล อยู่ในรูปของไดนามิค จึงเกิดการดูดซับและผลักด้นไฟฟ้าได้อย่างมหาศาล ซึ่งเมื่อก่อนอยู่ในรูปประจุไฟฟ้า ต้องเพิ่มการสั่นสะเทือนให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนตัว จึงต้องกระดิกนิ้วอยู่ตลอด เมื่ออยู่ภาวะสนามแม่เหล็ก มีเส้นสายที่หนาแน่นมากขึ้น ขดเป็นเกลียว จึงต้องใช้การเกี่ยวเส้นช้า ๆ เบาๆ พร้อมกับ อ้าปากให้ตรงกับชั้นพลังงานที่เกิดขึ้น ถึงจะเกิดการขับเคลื่อนที่รุนแรง
เมื่อเราสามารถรวมเส้นสายด้วยอัตราความเร็วที่เกิดขึ้น เราสามารถใช้หน้าผาก หรือตาที่สาม รวมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้คน ธรรมชาติ ด้วยความเรวดเร็ว เพียงล๊อคให้ชนเส้นสายสนามพลัง แล้วใช้ใบหน้าเคลื่อนไหวไปตามเส้นสายสนามจักรวาล พร้อมกับอ้าปากให้เหมาะสม จะเกิดการรวมเส้นสายเกิดขึ้น เมื่อมีความเร็วที่สูง จะเกิดการรวมกันกับทุกสรรพสิ่งได้เลย เมื่อมีความเร็ว การทำสมาธิ อย่างล้ำลึก จึงไม่ใช่เรื่องยาก อีกต่อไป เมื่อเกาะติดความเร็วที่เกิดขึ้น...