.........หัวกะโหลก อยู่ที่ในส่วนของสมอง ซึ่งสามารถเกิดจิตวิญญาณได้จากน้ำในสมองส่วนกลางมีอัตราความเร็ว จนกระทั่งเกิดการแยกประจุไฟฟ้าออกจากอนุภาค จึงทำให้เกิดจิตวิญญาณการรับรู้โดยผ่านระบบเส้นสาย ในหัวกะโหลกจึงสามารถเชื่อมต่อระบบเส้นสายภายในและภายนอก และหัวกะโหลกเป็นจุดสุดท้ายที่มีการแยกประจุและอนุภาค จึงเกิดการขับเคลื่อนเป็นอัตโนมัติ อยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก .....
..........การขับเคลื่อนของหัวกะโหลก ลักษณะพิเศษ คือ มีการขับเคลื่อนเป็นวงแหวนในแนวนอนที่พลังน้ำในสมองส่วนกลาง สามารถเชื่อมต่อกับทุกสรรพสิ่งได้เป็น Macro cosmic orbit เป็นแนวตั้ง ซึ่งสัมพันธ์กันในรูปของสนามแม่เหล็ก เพียงหันหน้าหัวกะโหลกให้ ไปเชื่อมต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะเกิดอัตราความเร็วอย่างสูงยิ่ง รวมทั้งการหันหน้าหัวกะโหลกเข้าหาตัวเรา จะพบการดูดกลืนไอชีวิต เข้าสู่น้ำในสมองส่วนกลางที่มีอัตราความเร็ว ดึงพลังคุณฑาลินีด้านล่างขึ้นมาอย่างรุนแรง การรับรู้จะรู้สึกทั้งตัว และพลังงานลอยขึ้นตลอดเวลา........
การใช้หัวกะโหลกในการฝึก อำนาจพลังขึ้นอยู่กับ
........1.วัสดุที่ใช้ทำหัวกะโหลก ถ้าวัสดุที่ใช้เป็นหยกหรือคริสตอล ควอตซ์ ก็จะทำให้เกิดอัตราความเร็วและเกิดอำนาจพลังตามวัสดุที่ใช้
........2.. ระดับของการตั้งวางหัวกะโหลก ยิ่งวางที่ระดับที่สูง ยิ่งส่งอำนาจพลังเพิ่มขั้น
........3. ขนาดของหัวกะโหลก ยิ่งขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ ก็ทำให้เกิดอัตราความเร็วมากขึ้น จากการดูดซับพลังงานเพิ่มขึ้นตามขนาดของหัวกระโหลก
........4. หัวกะโหลกที่เป็นสร้อยประคำ มีหลายหัว ทำให้อัตราความเร็วน้ำในสมองส่วนกลางเพิ่มขึ้น กระแสพลังงานรุนแรงอย่างสืบเนื่อง เนื่องจากเป็นสร้อย จึงทำให้กระแสพลังงานขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา
........5. การตั้งหัวกะโหลก ในลักษณะหันหัวกะโหลกเข้าหาจุดศูนย์กลาง จะเกิดการรวมเส้นสายเข้าสู่จุดศูนย์กลาง กระแสพลังงานจะพุ่งขึ้นด้านบน การตั้งหัวกะโหลกออกด้านนอกจากจุดศูนย์กลางของหัวกะโหลกที่อยู่ตำแหน่งจุดศูนย์กลาง จะเกิดการแยกประจุและอนุภาค เกิดการขยายชั้นพลังงานออกไป
สำหรับการฝึก ใช้ฝึกกับการสวดมนต์ โดยจับสร้อยประคำที่เป็นหัวกะโหลก และใช้นิ้วมือถือหัวกะโหลก ตามจุดที่สำคัญบนหัวกะโหลก เบาๆ ช้าๆ จะเห็นการแตกตัวของพลังงานทุกจุดที่สัมผัส เพียงแต่บอกรักหัวกะโหลก เท่ากับเราบอกรักจิตวิญญาณของเรา จะเกิดการตอบรับ แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เกิดการขยายตัวของพลังงาน อัตราความเร็วเพิ่มขึ้น เพียงแต่ต้องรู้จุดบริเวณหัวกะโหลก และเห็นทิศทางการเดินของพลังงาน จะทำให้เกิดการดูดซับและผลักดัน อยู่ตลอดเวลา
.........การฝึกทำสมาธิ เมื่อจุดในแต่ละจุดในหัวกะโหลก เกิดความชำนาญในการดูแต่ละจุด ให้หลับตา และกำหนดไปตามจุดต่างๆ โดยในสมาธิ ให้มีหัวกะโหลกอยู่ด้านหน้า เมื่อเอาจิตตั้งดูแต่ละจุด จะเกิดความเร็ววงรอบที่สูง ขับเคลื่อนพลังงานด้วยความรวดเร็ว ดูดซับพลังงานได้อย่างสืบเนื่อง เมือเกิดอัตราความเร็ว การเข้าสมาธิ ก็จะสามารถดำรงความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้อย่างยาวนาน เข้าสู่ภวังค์จิตด้วยความลึกล้ำ มีสติรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนั้นอยู่ตลอดเวลา เกิดการแตกระเบิดของพลังงานในสมอง ฮอร์โมนในสมองจะหลั่งสารแห่งความสุข สารเอนโดรฟินหลั่ง สารโดรพามีน ออกซิโตชินจะทำงานอย่างเต็มที่ จนกระทั่ง สารบรมสุขหรือซีโรโตนินจะหลั่งออกมา
สำหรับตำแหน่งจุดของหัวกะโหลก ขอเสนอเป็นโพสต์ต่อไปนะคะ สำคัญมากๆ โปรดติดตาม
ไขปริศนา หัวกะโหลก พัฒนาจิตวิญญาณ กสิณ พลัง ่สมาธิด้วยกายานุสติปัฏฐาน..(ตอนที่2)..
......ต่อเนื่องจากโพส์ที่แล้วกันค่ะ เกี่ยวกับจุดต่างๆ ภายในหัวกระโหลก ซึ่งก็สัมพันธ์กับสมองของเรา รวมถึงพลังงานที่ขับเคลื่อนในร่างกายและภายนอก......
ขั้นตอนแรกนำหัวกระโหลกมาวางไว้ตรงหน้า พร้อมกับมอง
ใช้นิ้วชี้ไปที่ จุดที่ 1 คือรูจมูกขวา จะเห็นพลังงานหรือไอชีวิตเข้าสู่จมูกเข้าไปที่สมองส่วนกลาง และเชื่อมต่อกับบีเทน.......
จุดที่ 2 คือรูจมูกซ้าย พลังงานเข้าไปหมุนปั่นและลงไปด้านล่าง
จุดที่ 3 คือหัวตาขวา ทำให้รู้สึกทั้งตัว...
จุดที่ 4 คือหัวตาซ้าย กระแสวิ่งทั้งตัวออกไปทั้งในและนอกร่างกายด้วยความรุนแรงเชื่อมต่อไปทุกคน.......
จุดที่ 5 เบ้าตาด้านบน ขวาดูดซับพลังงานขึ้นมาด้วยความรุนแรงที่สมองส่วนกลาง.......
จุดที่ 6 เบ้าตาด้านบนซ้าย ดูดซับพลังงานขึ้นมาด้วยความรุนแรงที่สมองส่วนกลาง.......
จุดที่ 7 จุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว พลังคุณฑาลินีจะลอยขึ้นมาที่สมองส่วนกลาง........
จุดที่ 8 จุดกึ่งกลางหน้าผาก จะกระชากพลังคุณฑาลินีลอยขึ้นมาเข้าสู่นำ้ในสมองส่วนกลางอย่างรุนแรง ........
จุดที่ 9 ปิ่นผม หรือขอบผมด้านบน เขี่ยไปมาจะพบกับพลังคุณฑาลินีถูกดึงขึ้นมาสู่สมองส่วนกลาง อัตราความเร็วเพิ่มขึ้น
จุดที่ 10 บีเทนอยู่เหนือปิ่นผม เมื่อชี้จุดนี้จะลงไปจนถึงด้านล่างของร่างกายและออกไปสู่รอบนอก.........
จุดที่ 11 ก่อนถึงจักรมงกุฎ ทำให้ท้องแข็งมาก บีเทนหมุนปั่นด้วยความเร็วสูง ทำให้ความเร็วนำ้ในสมองส่วนกลางเพิ่มขึ้น
จุดที่ 12 ด้านหลัง จักรมงกุฎ เชื่อมต่อแนวกระดูกสันหลังพลังงานขึ้นแนวกระดูกสันหลังด้วยความรุนแรง.......
จุดที่ 13 ตำแหน่งของซีรีเบลลัม ท้ายทอย เมื่อชี้จะไปทะลุออกทางด้านหน้า ซีรีเบลลัมหมุนปั่นด้วยความเร็ว.......
จุดที่14 ขมับขวา เป็นตำแหน่งเส้นเลือดดำที่ใหญ่ให้พลังงานเยอะ ทำให้พลังคุณฑาลินีกลุ่มเส้นเลือดดำด้านล่างขึ้นมาสู่สมองส่วนกลาง อย่างรุนแรง.......
จุดที่ 15 ขมับซ้าย จะดูดพลังงานกระชากพลังคุณฑาลินีขึ้นสมองส่วนกลางอย่างรุนแรง สมองจะเริ่มตึงขึ้น.......
จุดที่ 16 กระพุ้งแก้มขวา พลังจะเข้ามาอย่างมหาศาลอาจปวดแขนได้......
จุดที่ 17 กระพุ้งแก้มด้านซ้าย ดูดซับพลังงานอย่างมหาศาล เข้าที่ขาด้วยความรุนแรงกระชากขึ้นมา ทำให้ท้ายทอยตึงขึ้น......
จุดที่ 18 เส้นเลือดใต้คาง เป็นเส้นเลือดที่เข้าไปเลี้ยงสมองมี 2 เส้น เป็นเส้นเลือดใหญ่ เมื่อชี้โดนจุดนี้พลังงานจะถูกกระชากขึ้นด้านบนไปที่สมองส่วนกลาง ส่งผลให้อัตราความเร็วของบีเทนและซีรีเบลลัม ขับเคลื่อนด้วยความรวดเร็วจนเป็นอิสระไม่มีอะไรติดขัด เกิดการหมุนปั่นทะลุศีรษะ ช่องท้องและพลังคุณฑาลินีช่วงล่างแข็งเกร็ง ดูดซับพลังงานอย่างมหาศาล.............
......เมื่อรับรู้สึกถึงจุดที่ทำบนหัวกระโหลก เราจะใช้ในการทำสมาธิ โดยการหลับตา และนึกถึงตำแหน่งไหน และดูปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในตำแหน่งแต่ละจุด อัตราความเร็วจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และขับเคลื่อนทั้งระบบ หมุนปั่นแบบฟรี กระแสจะวิ่งไปทั้งระบบ
จะทำให้กายเป็นกายานุสติปัฏฐาน เป็นที่ตั้งของจิตที่เป็นความคิด และที่ตั้งของความรู้สึกจะเห็นกระแสวิ่งตามที่เราเอาจิตไปสำทับ ควรบอกรักกับหัวกระโหลก เพราะเป็นจิตวิญญาณของตัวเรา จะเกิดความเร็วมากขึ้น รวมทั้งการสวดมนต์ ก็ใช้ในการสัมผัสแต่ละจุดในตำแหน่งของหัวกระโหลก กระแสพลังงานก็จะดูดซับพลังงานมากขึ้น เกิดอัตราความเร็วนำ้ในสมองมากขึ้นขณะใช้นิ้วสัมผัสแต่ละจุด จะเกิดการแตกระเบิดแต่ละจุดในสมองอยู่ตลอด ทำให้การเข้าสมาธิได้อย่างรวดเร็ว ส่งเสริมจิตวิญญาณให้พัฒนาอย่างไร้ขีดจำกัดในอันดับต่อมา