1. เส้นสายจะชิดกันมีความหนาแน่น ทำให้ซีรีเบลลัมตึงได้ง่าย
2. ดูดซับพลังงานได้อย่างมหาศาล
3. กล้ามเนื้อตึงดึงรั้งได้ง่าย
4. กระแสพลังงานขับเคลื่อนด้วยความรวดเร็ว
5. การเชื่อมต่อกับทุกสรรพสิ่งสามารถทำได้ตลอด จากภาวะวิวัฒนาการของ Macro cosmic orbit ที่อยู่ในรูปสนามแม่เหล็กที่แข็งแกร่ง
6. การเข้าสมาธิจะสามารถเข้าด้วยความรวดเร็ว
เราจะทำอย่างไรเมื่ออยู่ในภาวะสนามแม่เหล็กที่เข้มข้น เพราะจะเกิดการตึงดึงรั้งได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
1. ควรออกกำลังกาย การยกเวท เพื่อให้เกิดการทะลุทะลวงของพลังงาน และการเล่นโยคะ เป็นการยืดเหยียดเส้นสาย ทำให้ลมปราณเกิดการขับเคลื่อน รวมถึงการตุ๊บตั๊บตัวเอง เพื่อให้พลังงานกระจายออก ดึงไฟฟ้าออกจากกล้ามเนื้อและข้อกระดูก
2. การทำสมาธิ เพื่อให้คลื่นพลังงานวงรอบนอกขยายออกไปไกล ไม่เกิดเอฟเฟคหรืออาการตึงดึงรั้ง และทำให้ลดระดับคลื่นสมอง
3. การนอนควรนอนงอตัวและไม่ควรนอนนานเมื่อตื่นแล้ว ควรรีบลุกขึ้นมา เพราะถ้าตื่นแล้ว นอนต่อ จะส่งผลให้กระแสไฟฟ้าเข้าแทรกตามกล้ามเนื้อและข้อกระดูก และมีผลกับไต เพราะฉนั้นการนอนควรนอนงอตัวให้เหมือนกุ้งเพื่อรีดพลังงานออกจากไต ลดภาวะดูดซับพลังงานเข้า
4. ควรทำสมาธิ โดยใช้ตัวเร่งของสิ่งต่างๆ เช่น หยกเพื่อให้กระแสมีความเร็ว พลังงานจะขับเคลื่อนด้วยความรวดเร็วเป็นทวีคูณ เกิดการแยกอนุภาคและประจุได้ในอัตราเร่ง ความเป็นสนามแม่เหล็กก็จะมากขึ้น ใช้สินแร่อย่างอื่นก็ได้ เช่น มณีนาคราช น้ำ ไฟ หรือสินแร่ต่างๆ แต่สิ่งที่มีความเร็วและช่วยบำบัดคนที่เป็นสนามแม่เหล็กคือหยกนี่เอง แต่ถ้าเราเอาสินแร่ น้ำ หยก ไฟ มาประกอบกัน จะยิ่งเกิดความเร็ววงรอบที่สูง การทำสมาธิจะดำดิ่ง อยู่อย่างนั้น ลึกเข้าไป และอยู่อย่างนั้นขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา ล๊อคพลังงานอยู่ที่แกนกลาง การสลัดประจุจึงเกิดขึ้นจากอัตราความเร็ว เมื่อนั้นสารเอนโดรฟินหลั่ง เมื่อเอาจิตไปสำทับ ฮอร์โมนจะหลังสารเซโรโตนินออกมา คือสารบรมสุข
5. การรับประทานอาหาร ควรทานพอดี เมื่ออิ่มแล้วหรือใกล้อิ่มก็ไม่ควรรับประทานอีก เนื่องจากเส้นสายสนามแม่เหล็กที่เข้มข้น จะทำให้มีพลังงานมากตามมา ทำให้ลมในช่องท้องจะมากกว่าคนปกติ เกิดการจุกเสียด แน่นมากกว่าคนทั่วไป
6. คนที่เป็นสนามแม่เหล็กที่เข้มข้น จะมีกระแสที่เร็ว จึงต้องรักษาอารมณ์ เมื่อเกิดความคิดจะทำให้กระแสเข้ามาอย่างทวีคูณ เจ็บตามตัว เพราะฉะนั้น ควรใช้จิตวิญญาณในการรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ดูการทำงานของพลังงานที่ขับเคลื่อนขณะเกิดความคิดอะไรก็ตามที่ทำให้เรารู้สึก ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ ใช้ความเป็นสนามแม่เหล็กในการรับรู้ เฝ้าดู ติดตามในสิ่งที่เกิดขึ้น อยู่เฉย โดยการยอมรับและเผชิญ เมื่อนั้น กระแสพลังงานจะขยายออกไปด้วยความรวดเร็ว สู่วงรอบของพลังงานที่เป็นวิถีของธรรมชาติ
7. ต้องอยู่กับธรรมชาติ เพราะธรรมชาติจะช่วยในการบำบัดกาย จิต จิตวิญญาณ ให้สามารถดำรงอยู่ได้ จึงต้องเข้าสู่วิถีของธรรมชาติ อยู่กับภูเขา ต้นไม้ ดอกไม้ ดูดกลืนไอชีวิตเพื่อพัฒนาน้ำในสมองให้มีความเร็ว พัฒนาสัมโภคยกายให้เป็นกายวัชระในที่สุด
........สิ่งต่างๆที่กล่าวมานี้ จะเกิดขึ้นกับทุกคนที่อยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก เป็นการแก้ไขและฝึกปฏิบัติ ให้เราสามารถบรรลุความสำเร็จของจิตได้ เป็นเส้นทางเดินให้เราไปถึงฝั่ง สู่การละอัตตา ตัวตน โดยไม่ต้องใช้ความคิดอีกต่อไป การรวมกับทุกสรรพสิ่ง จะไม่เกิดภาวะเอฟเฟค เพราะกายที่แข็งแกร่ง จิตใจก็แข็งแกร่ง จิตวิญญาณก็ไร้ขีดจำกัด