สังขาร การปรุงแต่งจิต เราสามารถเห็นเป็นมายาได้หรือไม่
ทุกสรรพสิ่งประกอบไปด้วยสัญญาที่อยู่ในรูปคลื่น มีระดับการสั่นสะเทือนที่เป็นคลื่นความถี่เฉพาะ.. ถ้าเรารู้จักจิตในรูปคลื่นหรือการสั่นสะเทือน เมื่อมีสิ่งใดมากระทบกับอายตนะทั้ง 6 คือ..ตา..หู..จมูก..ลิ้น..กาย..ใจ ถ้าเรามองดูในรูปคลื่นของพลังงาน จะเห็นการสั่นสะเทือนของพลังงานให้เห็น ถ้าเราดูมันได้ตลอดและต่อเนื่อง โดยการรับรู้ เฝ้าดู ติดตาม อยู่เฉยๆ ให้ได้ตลอดและต่อเนื่อง จะไม่เกิดการปรุงแต่งใดๆ เราจะเห็นเพียงแค่คลื่นพลังงานที่สั่นสะเทือนนั้นๆ ที่เกิดขึ้น จนกระทั่งการสั่นสะเทือนนั้น ขยาย สลายและดับไป เป็นเช่นนี้ทุกครั้งไป เพราะฉะนั้นการปรุงแต่ง จึงเป็นมายาของจิต เปลี่ยนแปลงได้ตลอด เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่มีอะไรแน่นอน แต่ที่แน่นอนเมื่อเรารับรู้รู้สึกถึงอาการต่างๆ แค่เรา รับรู้...เฝ้าดู...ติดตาม...อยู่เฉยๆ จะเกิดความเร็ววงรอบของพลังงาน ยิ่งเราเข้าไปเฝ้าดูเหมือนเอาจิตเราไปสำทับ ยิ่งทำให้เกิดความเร็วของคลื่นพลังงาน เกิดการขยาย ดูไปเรื่อยจะค่อยๆ สลายและดับไปทุกครั้ง ถ้าเรายังปรุงแต่งอยู่เราจะติดอยู่ที่สัญญาใด สัญญาหนึ่งจนไม่สามารถหลุดออกจากความเร็วของคลื่นนั้นได้ แก้ไขได้อย่างไร.. เราต้องดูมันให้ได้ตลอดและต่อเนื่อง ดูการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น เท่านี้ก็สามารถดับสัญญาที่เกิดขึ้นได้แล้ว จากความเร็ววงรอบของพลังงาน และการเกิดภพ เกิดชาติจะไม่เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างแม้แต่ตัวเราก็อยู่ในรูปคลื่นพลังงาน การที่เราปรุงแต่งจิต จะทำให้การเกิดภพ เกิดชาติตามมา ถ้าเราไม่ปรุงแต่งจิต เห็นเป็นธรรมชาติแล้ว ถ้าสิ่งที่มากระทบทุกอย่างเกิดขึ้น ให้ใช้คาถาอันศักดิ์สิทธิ์ คือ รับรู้ เฝ้าดู ติดตาม อยู่เฉยๆ ให้ได้ตลอดและต่อเนื่อง ไม่ต้องมีแอ็กชั่น (action) กับอะไร แต่ให้ดูตนเองเป็นที่ตั้ง เท่ากับเราเข้าวัดอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว วัดในที่นี้คือวัดที่ใจ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อให้เกิดความชำนาญ จนทำให้เมื่อเกิดอะไรขึ้นก็จะเฝ้าดูอย่างเดียว ดูความรู้สึกของตนเองเป็นหลัก จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของจิตตลอด ทำให้เมื่อเจอะอะไร ก็เป็นเรื่องธรรมดา และอยากจะดูให้เห็นธรรมชาติ กลไกของจิตที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด คลื่นนี้มีอยู่ตลอดเวลา ไม่มีเริ่ม และไม่มีจุดจบ มันเป็นของมันอย่างนั้นเอง