โยคะ สามารถพัฒนาจิตได้ในอัตราเร่งเพื่อความเป็นสนามแม่เหล็ก
เรามาดูความหมายของโยคะก่อน..
โยคะ (Yoga) หมายถึง การรวมกาย จิต และวิญญาณ ให้เป็นหนึ่งเดียว การฝึกโยคะเป็นกระบวนการสำหรับฝึกกาย ฝึกการหายใจ และฝึกจิตให้มีความจดจ่อกับเรื่องลมหายใจเข้าออก อันจะนำไปสู่การมีสมาธิที่ดีขึ้น ในแง่การปฏิบัติต้องรวมสามอย่างเข้าด้วยกัน คือ การเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ การประสานลมหายใจเข้าออก กับ การเคลื่อนไหว และมีจิตสงบนิ่ง..ในขณะที่เคลื่อนไหว ทำให้คลายอาการปวดตึงดังรั้ง ผ่อนคลาย สบายๆ เพราะ ถ้ามีการกระจุกตัวของพลังงานตามกล้ามเนื้อ หรือ อวัยวะภายในร่างกาย การไหลเวียนของพลังงานก็จะไม่สะดวก จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวด ทั้งระบบของร่างกาย แต่การเล่นโยคะ จะทำให้การไหลเวียนพลังงานสะดวก จัดระบบระเบียบไปตามทางเดินพลังงานของร่างกาย จึงหายเจ็บปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้
สำหรับผู้ที่เป็นสนามแม่เหล็ก คุณสมบัติ คือ จะมีจำนวนอนุภาค มากซึ่งเป็นปฏิภาคโดยตรงกับจำนวนไฟฟ้าที่มากเหมือนกัน เพื่อหล่อเลี้ยงสนามแม่เหล็ก ให้ขับเคลื่อนเป็นอัตโนมัติ และยิ่งเป็นสนามแม่เหล็กมากก็จะทำให้ท้ายทอย ตึงมากเป็นพิเศษ เพราะจะทำให้ดูดซับประจุไฟฟ้าเข้ามาอีก เมื่อพลังงานเข้ามามากก็มีผลต่อร่างกาย กล้ามเนื้อและ อวัยวะต่างๆ การไหลเวียนของเลือดและพลังงานก็จะไม่สะดวก ทำให้ปวดตึงดังรั้ง และไม่สบายตัว จึงต้องบิดกายคลายเส้น เล่นโยคะ เพื่อให้กระแสพลังงานที่กระจุกตัว เกิดการขับเคลื่อนไหลเวียนได้อย่างไม่ติดขัด สำหรับผู้ที่ฝึกพลังสมาธิและอยู่ในรูปของสนามแม่เหล็ก ต้องทำโยคะเป็นประจำ เพื่อให้ทางเดินของพลังงานของเส้นสาย เคลื่อนตัวไหลเวียนแบบสะดวก ซึ่งเป็นโอกาสในการพัฒนากาย และ จิต ให้เข้าสู่ความเป็นสนามแม่เหล็กที่มากขึ้น
การฝึกโยคะสำหรับผู้ที่ฝึกพลังสมาธิ ต้องโยคะเป็นประจำเพื่อความอยู่รอดและการพัฒนาให้เส้นสายมีความหนาแน่นมากขึ้น และอยู่ในภาวะที่สมดุล การฝึกโยคะต้องอยู่ในท่าที่สบาย ไม่ให้เกิดอาการตึงดึงรั้งกับร่างกายของเราและมีความสบาย ผ่อนคลาย ไม่เกร็ง ไม่ฝืน ไม่เครียดเป็นสิ่งที่สำคัญ ทำเท่าที่ทำได้ ในกรณีที่ไม่เคยฝึกโยคะมาก่อน การเริ่มฝึกโยคะนั้นต้อง ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ ขณะยืดเหยียดแต่ละครั้ง ต้องใช้ลมหายใจเป็นส่วนประกอบรวมถึงจิตที่จดจ่อกับการเคลื่อนไหว อย่างเช่น โยคะท่าสมาธิ เมื่อผู้ฝึกพลังสมาธิมีอาการตึงร่างกายมาก ควรวอร์มก่อน โดยการก้มให้ลำตัวชิดเข่าด้านใดด้านหนึ่ง และสูดลมหายใจเข้า พร้อมทั้งยืดตัวขึ้น และปล่อยลมหายใจออกทางปาก ทำซ้ำๆ กันหลายครั้ง ยืดขึ้นยืดลง ที่เข่า นับไปประมาณ 30 ครั้ง การก้มตัวลงหน้าผากชิดเข่าและค้างไว้ พร้อมกับหยุดลมหายใจ นับในใจ 1-30 ขณะนับ ให้ดูปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นของน้ำในสมองและกระแสพลังงานในร่างกาย การไหลของพลังงานทั่วตัว จะหมุนปั่นด้วยความเร็ว ช่วงที่ก้มลงไป ให้หยุดลมหายใจ จะทำให้สมองขาดออกซิเจนในช่วงหนึ่ง กระแสพลังงานจะมีอัตราความเร็วและแรงขึ้น เพียงดูกระแสความเร็วของน้ำในสมองและกระแสพลังงานที่ขับเคลื่อนอยู่ทั่วร่างกาย เท่านั้นจะทำให้เราหยุดลมหายใจได้นานขึ้นลืมหายใจไปเลยที่เดียว หลังจากครบ 30 แล้ว สูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มที่และดึงตัวขึ้นพร้อมทั้งเกร็งท้องปล่อยปาก จะเห็นพลังงานพวยพุ่งขึ้นแนวกระดูกสันหลังและปลดปล่อยบริเวณเหนือศีรษะ น้ำในสมองจะมีอัตราความเร็วสูงขึ้น หลังจากนั้นก็ใช้การดูดลมหายใจขึ้นให้ชนกันเส้นแกนกลาง ขึ้นแนวกระดูกสันหลัง และดูดลมหายใจลงอีกครั้งให้ชนเส้นแกนกลางด้านล่าง เมื่อทำซ้ำๆ กัน ก็จะทำให้พลังขับเคลื่อนตามแนวกระดูกสันหลังขึ้นลงได้ด้วยตัวของมันเอง สำหรับใบหน้า ก็ให้คลิกตามองศา ที่เป็นวงรอบไดนามิกที่เกิดขึ้นของพลังงาน โดยมีเส้นสายแกนกลางเป็นตัวกำกับ จนกระทั่ง ใบหน้าของเราคลิกไปมาซ้ายขวาได้ในแต่ละเส้นสายที่เล็กลง เล็กลงจนสามารถรวมเส้นสายได้ ณ แกนกลางหรือซีริเบลลัมของเรา การทำสมาธิฺโยคะนี้จะมีความเพลิดเพลินและอยู่ในสมาธิด้วยความผ่อนคลาย ทำแต่ละท่าโดยให้ทำสมาธิค้างไว้ให้นาน เพื่อดูกระแสพลังงานที่วิ่งไหลเวียนทั่งร่างกายของเราทำให้จิตจดจ่อกับกระแสพลังงานได้ เกิดอัตราความเร็ว เกิดการสลัดประจุ สารเอนโดฟินหลั่งทำให้มีความสุข อยากฝึกปฏิบัติ การรับรู้รู้สึกก็จะมากขึ้น ถือว่าเป็นการพัฒนาจิตและเส้นสายได้ในอัตราเร่ง เพราะฉะนั้นโยคะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาจิต ให้สู่ความสำเร็จทางจิตได้ สำหรับผู้ที่ฝึกสมาธิชั้นสูงควรฝึกโยคะ เพื่อให้อยู่รอดและปลอดภัยในการฝึกปฏิบัติ และพัฒนาจิตวิญญาณที่ยิ่งยวดในอันดับต่อไป…..
เครดิต: คุณสวรินทร์ คุ้มภัย ผู้เรียบเรียง