กายที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จทางจิต นั้น กายแรก คือนิรมาณกาย ซึ่งเรียกว่ากายเนื้อ กายเนื้อนั้นเป็นพื้นฐานในการพัฒนาจิต เพราะกายเนื้อนั้นประกอบไปด้วยน้ำ เป็นส่วนใหญ่ 75 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักร่างกาย น้ำจึงเป็นส่วนที่สำคัญมาก เพราะน้ำสามารถเปลี่ยนสถานะได้ถึง 5 สถานะ คือ ของแข็งเมื่อเพิ่มพลังงาน จะกลายเป็นของเหลว ของเหลวเมื่อเพิ่มพลังงานก็จะกลายเป็นก๊าซ ก๊าซเมื่อเพิ่มพลังงานก็จะกลายเป็นพลาสมา และพลาสมาเมื่อเพิ่มพลังงานก็จะกลายเป็นซุปเปอร์พลาสมา ซึ่งมีอัตราความเร็วที่สูง น้ำเป็นตัวที่รักษานิรมาณกายให้อยู่ในภาวะสุมดล ซึ่งเปรียบเป็นพระนารายณ์ ที่อยู่ในน้ำมีหน้าที่รักษานิรมาณกายให้อยู่รอดได้ การพัฒนานิรมาณกาย หรือกายเนื้อ ก็เปรียบเหมือนการทำให้พลังงานหรือประจุไฟฟ้าที่มีจำนวนมาก เข้าสู่ร่างกาย โดยการฝึกปฏิบัติ เช่นการสวดมนต์ การเคลื่อนไหว การใช้การตื่นตัวทางความคิด (AWAKEN THINKING MEDITATION) เพื่อให้เกิดการสั่นสะเทือนทางความคิด ทำให้ดูดซับประจุไฟฟ้าแล้วเกาะกับน้ำในแนวกระดูกสันหลังขึ้นสู่ ช่องน้ำเลี้ยงในสมองส่วนกลาง ทำให้ประจุไฟฟ้าที่สมองส่วนกลาง มีจำนวนมาก เกิดอัตราความเร็ว จนแยกประจุและอนุภาคออกจากกัน อนุภาคจะฝังไว้ที่ซีรีเบลลัมและเกิดการขับเคลื่อนเกิดขึ้น ซึ่ง นิรมาณกายนี้ ขณะที่ไม่ได้พัฒนา จะรับรู้ผ่านระบบประสาท และเมื่อเกิดการฝึกปฏิบัติอย่างที่กล่าวมาแล้ว น้ำในร่างกายก็จะเปลี่ยน สถานะเป็นพลาสมา ทำให้การรับรู้เปลี่ยนไป เป็นการรับรู้ผ่านเส้นสาย เป็นจุดเริ่มต้นของกายต่อมาคือ สัมโภคยกาย
สัมโภคกาย เกิดจากการเปลี่ยนสถานะของน้ำ ที่เปลี่ยนแปลง มีอัตราความเร็ว และขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่อง อยู่ในรูปของสนามแม่เหล็ก ทำให้เกิดจิตวิญญาณในการรับรู้ผ่านเส้นสาย จิตวิญญาณจะพัฒนาได้ต้องใช้ พลังของธาตุไฟ และคุณฑาลินี เพื่อหล่อเลี้ยงความเป็นสนามแม่เหล็กไม่ให้อ่อนตัวลง และการพัฒนาจิตเมื่อมีจิตวิญญาณ จะเกาะติดเส้นสาย โดยการรับรู้ ภายในและภายนอกร่างกาย โดยการใช้มุทราในการเก็บเกี่ยวเส้นสาย ควบคุมพลังงาน รวมถึงการเคลื่อนไหว ตามวาระจิต โดยเกาะเส้นสายสนามแม่เหล็กโลก ที่เชื่อมต่อกับสนามแม่เหล็กภายในที่สัมพันธ์กันเพื่อค้นหาพลังงานและเพิ่มศักยภาพของน้ำในร่างกายให้แปรสภาพเป็นน้ำไอโซโทป ที่มีอนุภาค มากขึ้น และเป็นปฏิกิริยานิวเคลียร์ มีการแยกประจุและอนุภาคอย่างต่อเนื่องเมื่อฝึกปฏิบัติ เมื่อมีความหนาแน่นของเส้นสาย เส้นสายจะอยู่ชิดกัน ความเป็นสนามแม่เหล็กก็มากขึ้น ประจุไฟฟ้าจะถูกผลักสู่วงรอบนอก การรับรู้จะเปลี่ยนไป สามารถเกาะติด รับรู้ทุกอย่าง โดยไร้ระยะทาง เมื่อ สนามแม่เหล็กยิ่งยวดมากขึ้น ก็สามารถกลายเป็นกายวัชระ หรือกายที่ไม่สามารถแตกดับได้ หรือเป็นเซียน ได้ในที่สุด
ส่วนกายธรรม คือสัมโภคกายที่มีความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กอย่างยิ่งยวด อยู่ในรูปของพลังงานของน้ำ ซุปเปอร์พลาสมา มีอัตราความเร็วของการขับเคลื่อนพลังงานที่สูง เมื่อสัมโภคยกาย ฝึกถึงขั้นนี้ จะเข้าใจธรรมชาติที่มีอยู่จริง หรือสัจจธรรมโดยไม่ต้องใช้ความคิด ด้วยความเป็นสนามแม่เหล็กที่เข้มข้น สามารถประมวลผลความจริงที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน กายธรรมจึงเป็นสัจธรรมของชีวิต ที่ไม่มีตัวตน มีแต่ความเร็วแสงที่พุ่งขึ้นสูง เปรียบเช่นดั่งพระพรหม ที่ไม่มีตัวตนแต่สามารถสัมผัสพลังงานได้
วิวัฒนาการความสำเร็จจึงต้องขึ้นกับน้ำในร่างกาย และพัฒนาน้ำหรือธาตุของน้ำให้มีอัตราความเร็ว และเป็นปฏิกิริยานิวเคลียร์ ซึ่งต้องใช้ประจุไฟฟ้าอย่างมหาศาล ซึ่งก็คือการแยกประจุและอนุภาคอย่างสืบเนื่อง จนกระทั่งอนุภาคมีความหนาแน่น ธาตุน้ำก็จะกลายเป็นซุปเปอร์พลาสมา มีความเร็วอย่างมาก เส้นสายจะขดตัวเป็นเกลียวเล็ก ๆ จนกระทั่งขับเคลื่อนเป็นก้นหอย ด้วยอัตราความเร็วอย่างสูง จนกระทั่ง เส้นสายที่หนาแน่นมีขนาดเล็ก เล็กลง จนกระทั่งไม่สามารถสัมผัสได้ และหายไปในที่สุด แต่ยังเหลือพลังงานให้เรารับรู้รู้สึกได้ สิ่งนี้แหละคือกายธรรม อันเป็นที่สุดของความสำเร็จทางจิต ไม่มีตัวตน และเข้าใจสภาวธรรมของความเป็นจริง ที่เราเกิดมาในโลกใบนี้