การอาบแดดและอาบแสงจันทร์มีผลต่อการพัฒนากาย จิต และจิตวิญญาณอย่างไร
มนุษย์เรา ประกอบไปด้วยน้ำในร่างกาย 70% ที่ไหนมีน้ำที่นั่นย่อมมีประจุไฟฟ้าอยู่เสมอ เราจะพัฒนาน้ำในร่างกายให้อยู่ในรูปสนามแม่เหล็กนั้น ต้องอาศัยการรับประจุไฟฟ้าอย่างมหาศาล เพื่อทำให้โมเลกุลของน้ำนั้น มีนิวตรอนที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความเป็นสนามแม่เหล็ก ทำให้ขับเคลื่อนภายในร่างกายของเราได้ อย่างอัตโนมัติ โดยมีการดูดและผลักพลังงานอยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับคนที่มีปริมาณประจุไฟฟ้าจำนวนมาก ถ้าไม่มีกระแสพลังงานที่เคลื่อนตัว ก็จะเกิดเอฟเฟคตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งจุดเอฟเฟคคือการกระจุกตัวของประจุไฟฟ้านี่เอง ไป ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายและเราก็ไม่สามารถที่จะกำจัดออกไปได้หมด สำหรับ การฝึกในช่วงแรก เราจะต้องทำให้กระแสไฟฟ้าเคลื่อนตัวเสียก่อน โดยการตุ๊บตั้บตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย หรือบริเวณที่มีจุดเอฟเฟคนั้นๆ เมื่อเราตุ๊บตั๊บ จะเกิดการขยายตัวของชั้นพลังงานออกไป ทำให้ประจุไฟฟ้าที่กระจุกตัว หลุดเข้าวงจรของพลังงานที่ออกไป และการออกกำลังกาย จะให้เกิดการเคลื่อนตัวของพลังงานที่ดีเพราะมีการสลัดประจุไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง หรือการทำกิจกรรมเช่นการสวดมนต์ก็จะเป็นตัวช่วยให้กระแสพลังงานเคลื่อนตัวได้ดีอีกทางหนึ่ง
สำหรับการอาบแดดนั้น ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประจุไฟฟ้าจะมีชั้นพลังงานหรือโควาเลนต์ที่กว้างขึ้นได้ จากรังสีของดวงอาทิตย์ที่มีหลายย่านความถี่ซึ่งความถี่นี้มีผลในการดูดซับประจุไฟฟ้ามากขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้มีผลต่อน้ำในร่างกายของเรา เพราะตามธรรมชาติของน้ำจะเปลี่ยนสถานะจากของแข็ง ของเหลว ก๊าซ พลาสมา และซุปเปอร์พลาสมา ตามลำดับตามปริมาณของประจุไฟฟ้าที่รับเข้าไป จึงเปลี่ยนแปลงธาตุของน้ำ ที่เปลี่ยนไป ตามประจุไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น เพราะฉนั้นการอาบแดดจึงเป็นส่วนหนึ่ง ในการพัฒนาธาตุของนำ้ในร่างกาย เนื่องมาจากการอาบแดดจะ เกิดการดูดซับพลังงานได้อย่างมหาศาล เกิดปฏิกิริยาชั้นพลังงานหรือโควาเลนต์ของนำ้ซึ่งอยู่บริเวณพื้นผิวของร่างกาย เป็นที่อยู่ของประจุไฟฟ้าที่เป็นโควาเลนต์อยู่รอบผิวหนัง จะมีลักษณะเป็นรูปไดนามิคหรือกลีบดอกบัว เมื่ออาบแดดแล้ว รังสีจากดวงอาทิตย์ จะเข้ามายังร่างกายของเรานั้นแล้ว ที่ไหนมีมีประจุไฟฟ้า ที่นั้นจะดึงน้ำในร่างกายตามมาเสมอ ทำให้เหงื่อของเราถูกดึงออกมาที่ผิว เพราะเลือดที่อยู่ในร่างกายนั้น มีน้ำเป็นองค์ประกอบ ยิ่งอาบแดดมากเท่าไหร่ น้ำในเลือดก็จะถูกดึงออกมาผ่านผิวหนังกลายเป็นเหงื่อที่ออกมาอย่างมากมาย โควาเลนต์ของน้ำที่ออกจากร่างกายก็จะมีความกว้างมากขึ้น ยิ่งทำให้โควเลนต์ภายในของเรามีความเป็นสนามแม่เหล็กมากขึ้น เพราะยิ่งโควาเลนต์กว้างไกลมากเท่าไหร่ ทำให้อนุภาคจะมารวมหนาแน่นมากขึ้น สถานะของน้ำก็จะเปลี่ยนไป อยู่ในรูปของไอโซโทปส่งผลต่อความเป็นสนามแม่เหล็กที่เข้มข้นขึ้น
การเตรียมตัวก่อนอาบแดด ควรทาน้ำมันมะพร้าวเพื่อปกป้องผิวของเรา จากการแผดเผาของแสงแดด และควรสวดมนต์ โดยการเอื้อนเอ่ย จึงจะยิ่งทำให้ ดูดซับประจุไฟฟ้ามากขึ้นทำให้โควเลนต์ของน้ำในร่างกาย เกิดเป็นรูปไดนามิค หรือกลีบดอกบัวที่กว้างขึ้น เพราะการเอื้อนเอ่ย เราจะต้องเกร็งท้องจะ ทำให้เกิดการลอยตัวของพลังงานและขับเคลื่อนพลังงานไปทั้งระบบ และยิ่งสวดมนต์พร้อมทำสมาธิ เป็นระยะสลับกันไป จะเกิดการดูดซับและผลักดันพลังงานอยู่ตลอดเวลา ความเป็นสนามแม่เหล็กก็จะมากขึ้น ตามกฎของความเป็นสนามแม่เหล็ก คือ อนุภาคต้องมากและประจุไฟฟ้าก็ต้องมากพอ เพื่อรองรับพลังงานที่เกิดขึ้น ถึงจะไม่เป็นอันตรายหรือบาดเจ็บขณะการฝึก
สำหรับการอาบแสงจันทร์ เนื่องด้วย แสงจันทร์เป็นรังสีในย่านความถี่ที่สูง จึงมีอนุภาคที่หนาแน่น เพราะฉนั้นจะมีอนุภาคที่มากอยู่แล้ว การอาบแสงจันทร์จึงเป็นผลพวงของการอาบแดดในช่วงเช้า เพราะเราได้สะสมประจุไฟฟ้าและอนุภาคมากพอ ที่จะรับแสงจันทร์ ที่เป็นย่านความถี่ที่สูง การดูซับประจุไฟฟ้าจะมีโควาเลนต์ที่ขยายวงกว้างขึ้น แต่ภายในเราจะดึงดูดอนุภาคเข้าสู่แกนกลาง ความเป็นสนามแม่เหล็กก็จะมากขึ้นตามลำดับ การรับรู้ก็จะเปลี่ยนไป ร่างกายเราก็เปลี่ยนไป กระแสจะขับเคลื่อนด้วยความรวดเร็ว การเฝ้าดูกาย จิตและจิตวิญญาณของเราจะทำใด้ตลอดและต่อเนื่อง กระแสพลังงานจึงมีอัตราความเร็ว เกิดความสุขในขณะฝึกปฏิบัติ ได้อย่างไม่ต้องบังคับให้ทำ แต่มันทำด้วยใจของมันเอง ความสุขเกิดขึ้นได้ด้วยใจของเราเอง
เครดิต:คุณสวรินทร์ คุ้มภัย ผู้เล่าประสพการณ์จริงจากการฝึก ผู้ฝึกสมาธิเคลื่อนไหว ศาสตร์พุทโต ชินโต ผู้ใฝ่รู้และหวังความก้าวหน้าจากการฝึกสมาธิพลังฯ ควรหาโอกาสฝึกท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ และ ท่ามกลางแสงจันทร์ และ หากอยากเพิ่มความเร็วแรงของเส้นสายให้มีความเร็วขึ้น ออกไปกว้างไกลมากขึ้น ท่านลอง สวดมนต์ หรือ มันตราใดๆ หรือ ลองทำมุทราประกอบ ท่านจะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตนเอง...