เพราะไฟมีความร้อน ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของเส้นสายส่งผลให้เมอริเดียนที่อยู่รอบๆ เส้นสายเกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้น จึงทำให้เกิดความเร็ววงรอบที่สูงยิ่ง และไฟจะแตกตัวขยายชั้นพลังงานอย่างสืบเนื่อง
แล้วเรานำไฟมาทำสมาธิได้อย่างไร เนื่องจากในร่างกายประกอบด้วยน้ำอยู่ 75% เพราะฉะนั้น น้ำเป็นตัวที่ดูดซับประจุไฟฟ้าได้อย่างไม่มีขีดจำกัด และโมเลกุลของน้ำขับเคลื่อนในรูปก้นหอยและไดนามิค ที่ขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา เมื่อเรามองไฟ จะทำให้ประจุไฟฟ้าที่ไฟเข้ามาสู่โควาเลนต์ของน้ำที่อยู่ในสมองส่วนกลาง ส่งผลให้เส้นแรงหนีศูนย์ถ่วงที่อยู่ในรูปไดนามิค เพิ่มขนาดที่สูงมากขึ้น ทำให้ก้นหอยที่อยู่แกนกลาง มีอนุภาคมากขึ้น ความเร็ววงรอบของน้ำในสมองจะเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นเราใช้นิ้วกลางและนิ้วหัวแม่มือขวา มาล๊อคพลังงานที่สมองส่วนกลาง และใช้มือซ้ายซ้อนใต้มือขวา ค่อยๆ ดันไปที่เลเยอร์ของไฟ และดันออกมา ซึ่งการดันเข้าและออก จะทำให้เกิดกระแสสลับ เกิดการขับเคลื่อนด้วยความรวดเร็วและเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาความเร็วของน้ำในสมอง มากขึ้น เมื่อมีความเร็วมากขึ้น ให้ดูดพลังที่เชื่อมไฟเข้ามาสู่ solar plexus ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางกาย ก้มใบหน้าเล็กน้อยให้ชนกับขอบของช่องท้อง พร้อมกับหย่อนตัวให้ช่องท้องหมุน การเชื่อมกับไฟที่ช่องท้อง ช่องท้องจะหมุนปั่นฟรี รวมถึงเชื่อมต่อกับสมองส่วนกลาง ก็หมุนปั่นด้วยความรวดเร็ว หันศีรษะไปทางซ้าย ให้รูจมูกขวาหรือไอชีวิต เกาะความเร็วของช่องท้อง จนกระทั่งก้นหอยที่อยู่ช่องท้องเข้าสู่แกนกลาง การทำสมาธิจึงเข้าได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพยายาม และดำรงความรู้สึกอยู่อย่างนั้นตลอด สารเอนโดรฟินหลั่งอย่างสืบเนื่อง ความสุขสงบจึงเกิดขึ้น จากความเร็ววงรอบที่เกิดขึ้น