ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กเกิดจากการมีอนุภาคที่มาก ทำให้เส้นสายที่อยู่แกนกลางมีความหนาแน่น และสนามพลังออกไปกว้างไกล เชื่อมโยงกับเส้นสายภายในจักรวาล ได้ทุกระยะทาง และไร้กาลเวลา เพราะทุกระยะทางและกาลเวลารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความเร็ววงรอบที่สูง มีปริมาณประจุไฟฟ้าที่คอยหล่อเลี้ยงสนามพลังอยู่ตลอดเวลา เมื่อฝึกปฏิบัติ จะเกิดการขับเคลื่อนของพลังงานอยู่ตลอดเวลา ทำให้รับรู้ รู้สึกถึงการขับเคลื่อนภายในได้อย่างสืบเนื่อง สามารถนำมาทำสมาธิ โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม และสามารถนำมาดูจิตจากภาวะอารมณ์ทั้งหลายทีเข้ามา ซึ่งสิ่งทั้งหลายนี้เป็นอาหารให้กับจิต ในการพัฒนาจิต เพราะอารมณ์ทั้งหลายนั้นอยู่ในรูปของประจุไฟฟ้า เพียงถ้าเราอยู่ในรูปสนามแม่เหล็กที่เข้มข้น จะเกิดอัตราความเร็วของพลังงาน ขยายตัวของพลังงานออกไปวงกว้าง ทำให้สัญญานั้นดับไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็คือประจุไฟฟ้าจะอยู่ที่วงรอบนอกสุด จนกระทั่งเราไม่สามารถรับรู้ถึงอารมณ์นั้นอีก ยิ่งมีความสนามแม่เหล็กมากขึ้น อารมณ์ต่างๆ จะหายไปได้อย่างรวดเร็ว จึงถือว่าภาวะความเป็นสนามแม่เหล็กที่เข้มข้น จะสามารถทำให้เราอยู่กับตัวเอง ดูตัวเอง และเข้าใจตัวเองและผู้อื่น เพราะเรากับเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน จึงไม่เกิดการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน มีสติอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งเรียกว่า “มหาสติ” นี่เอง
การฝึกปฏิบัติที่ทำให้เราเป็นสนามแม่เหล็กมากขึ้น เราต้องเกาะเส้นสายสนามพลัง โดยการเดินพลัง การเดินพลัง จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนของพลังงานได้อย่างรวดเร็วและเกิดการดูดซับและผลักด้นได้อย่างสืบเนื่อง ทำให้เกิดการพัฒนาจิตวิญญาณ เส้นสายก็จะหนาแน่นขึ้น การรับรู้จะเปลี่ยนไป สามารถรับรู้ได้โดยไร้ระยะทาง การเคลื่อนไหวก็เป็นส่วนหนึ่งให้เกิดความเข้มข้นของสนามแม่เหล็ก การเคลื่อนไหวก็ต้องเกาะเส้นสายให้ได้ตลอด จะทำให้เกิดการรับรู้ รู้สึกทั่วร่างกายและสัมพันธ์เชื่อมโยงกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา การเดินพลังต่างจากการดูกระแส เพราะการเดินพลัง ต้องใช้การเกร็งท้องและใช้มุทราในการเก็บเกี่ยวเส้นสาย ทำให้เกิดการแยกประจุและอนุภาคอยู่ตลอดเวลา แต่การดูกระแสพลังงาน จะเห็นการไหลของพลังงานแต่ไม่เกิดการแยกประจุและอนุภาค ยังอยู่ในรูปของประจุไฟฟ้า
สรุป สิ่งที่ได้เมื่ออยู่ในรูปสนามแม่เหล็กที่เข้มข้น คือความเป็นพุทธะ คือเป็นผู้รู้ รู้ หมายถึง รู้ในทุกสัญญา ผู้ตื่น หมายถึง ตื่นในทุกเวลา เพราะกระแสพลังงานขับเคลื่อนอย่างสืบเนื่อง ผู้เบิกบาน หมายถึง กระแสพลังงานมีความเร็ว ทำให้สลัดประจุ สารเอนโดรฟินหลั่งอยู่ตลอดเวลา ทั้งหมดทั้งมวลจะผ่านได้ด้วยใจที่มุ่งมั่นและการละวางจากอัตตาตัวตนที่คอยฉุดรั้งให้กระแสพลังงานไม่เกิดความเร็ว จะสำเร็จได้ก็ต้องละอัตตาตัวตนไม่ให้เหลือ ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า ละอุปาทานเข้าสู่สภาวะจิตว่าง ก็จะเข้าสู่ความสำเร็จทางจิตได้