คนที่ฝึกพลังสมาธิ ควรคล้อยตามความรู้สึก มันมีผลต่อพลังอย่างไร
การคล้อยตามความรู้สึกโดยไม่ใช้ความคิดปิดกั้น จะทำให้เกิดความเร็ววงรอบที่เร็ว แรงและสามารถดูดซับประจุได้อย่างมหาศาล ซึ่งเป็นเครื่องบงชี้ของความเป็นสนามแม่เหล็กได้มากขึ้น เนื่องจากเมื่อดูดซับประจุไฟฟ้าได้อย่างมหาศาลจะเกิดความเร็ววงรอบที่สูง จะขยายวงรอบของพลังงานอย่างไม่มีขีดจำกัด เช่นเดียวกัน เมื่อคนที่มีพลัง สามารถรับรู้ถึงคลื่นพลังงานที่มาตกกระทบ จะดูคลื่นพลังงานนั้นโดยไม่ได้ใช้ความคิด รับรู้ถึงการสั่นสะเทือน อีกใช้การเฝ้าดูและติดตามพลังงานนั้นจนขยายออกไปกว้างไกล จนความรู้สึกนั้นไม่สามารถรู้สึกได้ เกิดความนิ่งสงบภายในที่สุด
ถ้าไม่คล้อยตามความรู้สึก มีความคิด ว่าใช่ ไม่ใช่ ดี ไม่ดี ถูก ผิด จะทำให้เกิดทวิภาวะ คือความคิดที่เป็นสองด้าน เมื่อมีความรู้สึกแล้ว พลังงานเริ่มขับเคลื่อนอย่างรุนแรง แต่เราใช้ความคิดในการกดทับพลังงานนั้น จะทำให้เกิดการอัดแน่น พลังงานจะสะท้อนกลับไปตามร่างกายส่วนต่างๆ ส่งผลทำให้เกิดการอัดแน่นที่ไธมัส ทำให้หดหู่ซึมเศร้า มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ หายใจอึกอัด เหนื่อยง่าย มีผลต่อต่อมหมวกไต ทำให้หงุดหงิดง่าย มีผลต่อศีรษะ ทำให้ปวดหัว เหมือนอะไรแทงขึ้นมาที่ศีรษะ แขนขาอ่อนล้า อ่อนแรง ไตทำงานผิดปกติ และทำให้ร่างกายเกิดภาวะไม่สมดุล ความคิดจึงมีอิทธิพลต่อร่างกายอย่างมาก ทำให้ การขับเคลื่อนของพลังงานจะช้าลง เกิดจากการยึดคลื่นความถี่ของสัญญานั้น
ถ้าเราปล่อยวาง ละอัตตาตัวตนแล้ว ใช้ความรู้สึกเข้าไปดูภายใน เราจะรู้สึกถึงพลังงานที่ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วเมื่อเราเกาะติดความเร็วนั้น จะเกิดความเร็ววงรอบ เกิดการแตกระเบิดของพลังงานออกไปไกล ความรู้สึกหลักจากนั้น จะรู้สึกสงบ เย็น และมีความสุข ถ้าเข้าสมาธิได้ จะเข้าสมาธิได้อย่างล้ำลึก นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเป็นประสบการณ์จริง ของผู้ที่ฝึกพลังสมาธิ และเป็นการฝึกจิตได้ทุกสถานการณ์ เพราะเราไม่ได้ใช้ความคิดหรือจิตในสำนึกในการตัดสินสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เราใช้สมองส่วนหลังที่อยู่ในรูปสนามแม่เหล็กแล้วโดยการฝึกปฏิบัติ จะทำให้เกิดมหาสติตลอดเวลา เพราะเมื่อเป็นสนามแม่เหล็ก จะเกิดการขับเคลื่อนของพลังงานให้เรารับรู้รู้สึกได้ตลอดเวลา เท่ากับเราได้เข้าวัดตลอดเวลา วัดในที่นี้ไม่ใช่สถานที่ แต่มันคือวัดใจเรา ว่าเรายังใช้ความคิด การปรุงแต่งอีกหรือไม่ หรือเราดูแค่เส้นสาย พลังงานที่มันขับเคลื่อนให้เรารู้สึก ถ้าเรารู้สึกได้อย่างนี้ เราจะเฝ้าดูจิตได้ทุกขณะจิต ซึ่งเป็นมหาสติที่เป็นหนทางแห่งการหลุดพ้นในอันดับต่อไป ทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้อยู่ไกล อยู่ภายในของท่านทุกคน ถือว่าเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ เพราะบุญแปลว่า ความสบายใจ ถึงมีความทุกข์ อกหัก ผิดหวัง ล้มละลาย หรือมีความสุข สมหวัง ทุกอย่างเมื่อเราคล้อยตามความรู้สึก รับรู้ เฝ้าดู ติดตามพลังงานที่เกิดขึ้น ทุกสถานการณ์จะเกิดความเร็ววงรอบ เกิดการขยายของพลังงาน มีการสลัดประจุ สารแห่งความสุขก็จะเกิดขึ้น และเกิดความนิ่งภายในได้อย่างมหัศจรรย์ ช่างเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดในชีวิตของเรา
ถ้าเราได้ค้นพบความลับของธรรมชาติของจิต ในรูปคลื่นพลังงานที่เราสามารถสัมผัสได้โดยไม่ยาก โดยการฝึกฝนในการสร้างการรับรู้ และการสร้างพลังงาน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคลื่นสมองให้อยู่ในย่านความถี่สูง สามารถขับเคลื่อนเป็นอัตโนมัติ และทำให้เราสามารถรับรู้รู้สึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอด เป็นวิปัสสนากรรมฐาน โดยที่เราไม่ต้องใช้ความคิดแต่ใช้ความรู้สึกถึงพลังงานที่เกิดขึ้น มีกฎอยู่ข้อหนึ่งของคนที่ฝึกพลัง คล้อยตามข้าอยู่ ขัดขืนฆ่าตาย ถือว่าเป็นหัวใจของผู้ที่ฝึกพลังสมาธิ..