เมื่อวิวัฒนาการของสนามแม่เหล็กระดับนึง เราใช้ดอกดาหลาในการพัฒนาจิตวิญญาณ ซึ่งก็ถือว่ากลีบดอกของดอกดาหลานั้นเป็นกลีบที่หนา อมน้ำได้มาก และก้านที่ยาว ทำให้เซลลูโลสที่อยู่ในก้าน มีช่องน้ำเลี้ยงเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้โควาเลนต์ของพลังงานกว้างไกล ส่งผลให้สนามพลังของผู้ฝึก มีสนามพลังที่กว้างขึ้นและมีอัตราความเร็วเพิ่มขึ้น แต่ด้วยวิวัฒนาการต่อมา ความเป็นสนามแม่เหล็กที่มากขึ้น คลื่นความถี่เปลี่ยนไป เส้นแรง จะขดตัวเป็นเกลียวที่หนาแน่น จากอนุภาคที่มากขึ้น เพราะฉะนั้นองศาในการรับรู้พลังงานจึงเปลี่ยนไป การใช้ดอกหลา จึงไม่เกิดผล เพราะคลื่นความถี่ของดาหลา เป็นคลื่นที่มีระดับชั้นพลังงานที่กว้าง แต่จิตวิญญาณที่พัฒนาต่อยอดแล้วจะใช้ดอกบัวที่มีก้านยาว มาช่วยในการพัฒนาสนามแม่เหล็กให้ยิ่งยวด เพราะก้านบัวมีเซลลูโลสที่เล็ก พื้นผิวของก้านบัวเป็นตุ่มเล็กๆ ตะปุ่มตะป่ำ ประจุไฟฟ้าจะอยู่พื้นผิวของวัตถุ ทำให้เกิดโควาเลนต์วงรอบที่มากขึ้น และเซลลูโลสหรือช่องน้ำเลี้ยง มีความถี่มากกว่าดอกดาหลา จึงทำให้ดูดซับน้ำได้มากกว่า จะสอดคล้องกับความเป็นสนามแม่เหล็กที่เข้มข้นในขณะนี้
สำหรับผู้ที่ไม่มีการขับเคลื่อนของพลังงาน หรือผู้ที่ไม่ได้อยู่ในรูปของสนามแม่เหล็ก เมื่อถือดอกไม้ หรือมองดอกไม้ ก็เพียงการมอง ไม่เกิดผลใดๆ กับร่างกาย แต่ผู้ที่อยู่ในรูปสนามแม่เหล็ก สามารถดึงพลังจากโควาเลนต์ตอกไม้เข้าสู่สนามพลัง เป็นพลังชีวิตที่ทำให้น้ำในสมองส่วนกลางมีอัตราความเร็ว อย่างสูง แต่ ถ้านำดอกบัวมาล๊อคให้ชนเส้นสายของเรา จะเกิดการผลักดัน ก้านบัวที่มีน้ำจะดึงประจุไฟฟ้าเข้าวงรอบโควาเลนต์ของกลีบดอกบัว จะเกิดโควาเลนต์ที่กว้างขึ้นและมีผลการเชื่อมต่อกับสนามพลังของผู้ที่เป็นสนามแม่เหล็ก ทำให้เส้นสายที่ซีรีเบลลัมออกมาดูดกลืนพลังของดอกไม้ เกิดความเร็ววงรอบมากขึ้นการเชื่อมต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสรรพสิ่งก็เป็นเรื่องง่าย เพียงใช้ดอกบัวเป็นสึ่อกลาง ในการทำให้เกิดอัตราความเร็ว ยิ่งก้านบัวยาวเท่าไหร่ ก็จะส่งผลให้ซีรีเบลลัมออกมาไกล สามารถดูดซับพลังงานมากขึ้น จากตอนที่แล้วเราเสนอเรื่องทรงกรวย มีอิทธิพลกับความเป็นสนามแม่เหล็ก เพราะก้นกรวยจะผลักพลังงานไปหาปากกรวยเสมอ เพราะสนามแม่เหล็กจะไปหาประจุเสมอ โดยสวนทางกัน เพราะฉะนั้นก้านบัวที่เล็กก็เหมือนก้นกรวย ที่จะไปหาแหล่งพลังงานที่กลีบดอกบัว ซึ่งก็คือปากกรวยนี่เอง การพัฒนาจิตวิญญาณและสนามแม่เหล็ก เราใช้ดอกบัว โดยการจับดอกบัวในลักษณะคว่ำให้ดอกบัวอยู่ด้านล่างโดยเชื่อมต่อกับเส้นสาย ค่อยๆแกว่งไปมาตามแรงเหวี่ยง จนกระทั่งแรงเหวี่ยงนั้นเล็กลงจนเป็นจุดและวางลง จะทำให้วงขามีอัตราความเร็วเพิ่มขึ้น ยิ่งมีหลายดอก ก็ทำในลักษณะเดียวกันก็จะทำให้อัตราความเร็วของวงขาเร็วตาม เมื่อวงขาเร็วก็ทำให้สมองสวนกลางมีอัตราความเร็วไปพร้อมๆ กัน จากการที่หลักของสนามแม่เหล็กจะไม่วิ่งไปในที่ว่างปล่า เพียงนำดอกบัวมาล่อไฟฟ้า ช่วงล่าง ทำให้ซีรีเบลลัมที่มีเส้นแรงลงมาอย่างรุนแรงและไกลจากจุดศูนย์กลาง ยิ่งก้านยาวเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลความเป็นสนามแม่เหล็กมากขึ้น ..การบำบัด ก็สำคัญเราใช้ก้านบัว เป็นตัวดึงพลังงานออกเมื่อต้องการบำบัด โดยหันก้านบัวไปตามจุดเอฟเฟค และดอกบัวหันออกข้างนอกจะเกิดการปลดปล่อยพลังงานได้ ดีและยังส่งเสริมสนามพลังและสนามแม่เหล็กให้เข้มข้นขึ้น การใช้น้ำเพิ่มพลังชีวิต โดยการน้ำน้ำมาตั้งให้เชื่อมต่อกับตัวเรา และใช้แจกันดอกไม้ที่มีดอกบัวอยู่ ถ้าต้องการให้เกิดอัตราความเร็วที่สูงขึ้นก็ใช้ดอกบัวสักดอก ใช้ก้านไปทีแก้วหน้า และดอกไปยังแจกันดอกบัว ก็จะทำให้สนามพลัง ของผู้ฝึกขยายรับพลังชีวิต จากดอกบัวและน้ำได้มากขึ้น โควาเลนต์ของกลีบดอกบัวก็จะขยายดึงพลังงานจากก้านดอกขึ้นมาอย่างสืบเนื่อง การเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กจึงเป็นอัตราเร่ง ความหนาแน่นของเส้นสายจะหนาแน่นมากขึ้น วิถี ของการเดินพลังโดยใช้มุทราก็เปลี่ยนไป ค่อยมารู้กันว่าเปลี่ยนไปอย่างไร แบบไหน โปรดติดตามตอนต่อไป...