ได้จากสมองส่วนท้ายทอย โดยการฝึกใช้สมองสัญชาตญาณ โดยปราศจากความคิด เพราะสมองส่วนหลัง เป็นเส้นสายที่เชื่อมต่อกับสนามแม่เหล็กของจักรวาล การเคลื่อนไหวตามความรู้สึกโดยไม่มีความคิด จะทำให้เราสามารถเกาะติดและเก็บเกี่ยวเส้นสายได้เป็นจำนวนมาก การเคลื่อนไหวคล้อยตามความรู้สึก จะมีความเร็ววงรอบของพลังงานได้อย่างสูง ดูดซับประจุไฟฟ้าได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
เราสามารถสร้างการรับรู้ที่เหนือกายภาพ โดยการเปลี่ยนคลื่นความถี่ของสมองส่วนท้ายทอยหรือซีรีเบลลัมให้อยู่ในรูปสนามแม่เหล็กเสียก่อน จากการฝึกเคลื่อนไหวทางกายให้มาก จะทำให้พลังคุณฑาลินีลอยตัวผ่านแนวกระดูกสันหลังและขึ้นสู่สมองส่วนหลังบริเวณท้ายทอย เป็นจำนวนมาก เกิดการอัดแน่น และยุบตัวของพลังงาน ประจุไฟฟ้าออกสู่วงรอบนอก ทำให้ประจุและอนุภาคแยกออกจากกัน เกิดการขับเคลื่อนของพลังงานเป็นวิถีโค้ง มีการไหลของพลังงานเกิดขึ้น การรับรู้ของพลังงานหรือจิตวิญญาณจึงเกิดขึ้น จึงจะใช้สมองส่วนหลังหรือสมองสัญชาตญาณได้สมบูรณ์ ความเร็ววงรอบของสมองจะมีความเร็วที่สูง การสัมผัสสิ่งต่างๆ จึงอยู่ในรูปของเส้นสาย อยู่ในรูปคลื่นพลังงาน สามารถสัมผัสได้แบบรูปธรรม ไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถสัมผัสได้ เพียงเรารู้หลักของแนวทางวิทยาศาสตร์ทางจิต หลักธรรมต่างๆ เราสามารถเข้าใจโดยปราศจากความคิด ไม่มีการแยกรูปแยกนาม เพียงแต่รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น และเฝ้าดูในสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนั้น จนกระทั่งเกิดความเร็ววงรอบของสิ่งที่เราดูอยู่ จนกระทั่งขยายออกไปโดยไม่หวนคืนมา...
การฝึกใช้การเลียนแบบสัตว์ที่มีสมองสัญชาตญาณที่สูง เช่น ลิง ม้า งู เสือ โลมา เป็นต้น เพราะสัตว์พวกนี้สามารถเกาะติดเส้นสายของสนามแม่เหล็กโลกหรือจักรวาลได้ เมื่อเราเคลื่อนไหวคล้อยตามความรู้สึกที่เป็นสัตว์เหล่านี้ เราจะสามารถเกาะติดเส้นสายสนามแม่เหล็กโลกหรือจักรวาลได้มากขึ้น ความเป็นสนามแม่เหล็ก หรือเส้นสายที่สมองส่วนท้ายทอยก็จะหนาแน่นขึ้น จนกระทั่งเมื่อมีเหตุปัจจัยถึงพร้อม เส้นสายจะมารวม ณ จุดเดียวกัน ระยะทางไม่มี กาลเวลาก็ไม่มี ทุกอย่างจะเชื่อมต่อเป็นเหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ การเข้าใจสภาวธรรม จะถูกประมวลด้วยความรวดเร็ว จึงรู้แจ้งแทงตลอดในทุกๆ เรื่องที่อยู่ในจักรวาล..