เนื่องจากมีความเร็ววงรอบของน้ำในสมองที่สูง ทำให้ความเร็ววงรอบของกระแสพลังงานที่วงขามีความเร็ว ความเร็วบ่งบอกถึงปริมาณประจุไฟฟ้าที่มีจำนวนมาก ถ้าเราทำสมาธิโดยการนั่งขัดสมาธิ จะเกิดการอุดกั้นของพลังงาน การขับเคลื่อนไหลเวียนของพลังงานจะไม่ค่อยดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้น การนั่งทำสมาธิ จึงควรนั่งให้สบาย โดยการกางขาแยกออกจากกัน ขาขวาพับขึ้น ขาซ้ายตั้งขึ้น เหมือนลักษณะของพระโพธิสัตว์ เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของพลังงานออกทางเท้าซ้าย หรือที่เรียกว่าลงกราวด์ เพื่อไม่ให้มีผลต่อภาวะความเป็นกรดตามข้อกระดูกเข่า และการอุดกั้นของพลังงาน
ให้สังเกตในขณะที่การทำสมาธิแบบเดิมจะเกิดอาการชาตามเท้า เนื่องจากประจุไฟฟ้าถูกอุดกั้นพลังงาน แต่ถ้าเราออกจากสมาธิ ประจุไฟฟ้าจะถูกผลักดันออกและเข้ามาอย่างมหาศาล จะเกิดอาการชาอย่างรุนแรง ดังนั้นในปัจจุบันจึงต้องปรับเปลี่ยนการนั่งให้เหมาะสมกับพลังงานที่เกิดขึ้น ก่อนทำสมาธิเราใช้เท้าขวาวางที่พื้น ใช้เท้าซ้ายยกขึ้นแตะเส้นวงขาเท้าขวา คลิ๊กหักเบี่ยงออก จะเกิดการแยกประจุไฟฟ้าออกไปสู่วงรอบของพลังงาน ลักษณะเป็นก้นหอย รวมทั้งเปิดช่องปราณบริเวณแขน ความเร็ววงรอบจะสูงมากขึ้น ภาวะความเป็นสนามแม่เหล็กจึงมากขึ้น แต่ทำให้สมองจะความเร็ววงรอบมากเช่นเดียวกัน ประจุไฟฟ้าในสมองจะมีการดูดซับและผลักดันด้วยความรุนแรงและต่อเนื่อง เราต้องทำให้ระดับชั้นพลังงานในสมองมีภาวะที่สมดุล คือมีวงแหวนที่อยู่ระดับสมดุลขยายออกเป็นจานซีดี ไม่งั้นการนั่งสมาธิจะไม่สามารถดำดิ่งได้ โดยการใช้มือทั้งสองเข้าหาซีรีเบลลัม ก้มหน้า และเงยหน้าเมื่อเอามือทั้งสองไขว้กันในภาวะที่ไม่สมดุล ทำสลับกันไปทั้งหน้าและหลัง จนกระทั่งรู้สึกว่าพลังงานเข้าสู่วงแหวนและรู้สึกโล่งสบาย แสดงว่าอยู่ในภาวะที่สมดุลแล้ว จึงทำสมาธิในท่าที่สบายที่สุด