..ในภาวะที่สนามแม่เหล็กมีความเข้มข้น เส้นสายจะขดตัวเล็กลงส้นสายทุกเส้นจะอยู่ชิดกัน อยู่ในภาวะคลื่นสั้น การขับเคลื่อนของพลังงานจะเปลี่ยนไป ทำให้การทำสมาธิในท่าทางเดิมจะทำให้มีผลต่อไต และระบบอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย มีการค้างประจุไฟฟ้าตามส่วนต่างๆ ยิ่งจะทำให้เราบาดเจ็บ การเปลี่ยนท่าทางในการทำสมาธิจึงต้องเปลี่ยนไปตามวิวัฒนาการที่เกิดขึ้น เพียงคล้อยตามคลื่นพลังงานที่เกิดขึ้น เมื่อคลื่นสั้น การทำสมาธิจะต้องใช้จิตวิญญาณค้นหาหนทางในการทำสมาธิที่มีความสุข โดยการนั่งในท่าที่สบาย ไม่ตึงดึงรั้ง และกระแสพลังงานขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา..
ขั้นตอนแรก เราจะต้องทำให้กระแสพลังงานเคลื่อนตัวเสียก่อน เรียกว่าการเตรียมพร้อม ก่อนการทำสมาธิจะเปลี่ยนไป โดยการเปิดช่องปราณ นำหมอนมารองหนุนให้เข่าที่ทำสมาธิทับหมอน จะทำให้ยกระดับคลื่นให้ขยายกว้างขึ้น กระแสพลังงานจะไหล ไม่ติดขัด ยกเข่าซ้ายขึ้น ยกเข่าขวาขึ้น เท่ากับการเปิดช่องปราณให้ขับเคลื่อนเร็วขึ้น ก้มตัวไปทางหัวเข่าซ้ายให้สุด แล้วโยกไปทางเข่าขวาให้สุด ทำก่อนที่จะทำสมาธิ จะทำให้กระแสไหลไม่ติดขัด ก่อนการทำสมาธิโดยการใช้มือซ้ายยื่นไปกึ่งหงายมือขึ้น และใช้มือขวางอนิ้วมือขวาให้ชนกับวงกลมที่ฝ่ามือขวา ซึ่งเมื่อชนแล้ว ปลายนิ้วจะเกิดอาการพุ่งออก เป็นวงแหวนออกไป ให้กรีดไปที่แขนซ้ายแต่ละเส้นสายของแขนซ้าย ซีรีเบลลัมจะเริ่มทำงานและกระแสวิ่งทั้งระบบด้วยความรวดเร็วและรุนแรงมากขึ้น หลังจากนั้นใช้มือทั้งสองข้างงอนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างเข้าหาฝ่ามือ แล้วนำมือทั้งสองเข้าหากัน และออกไปตามระดับชั้นของจักระ จนกระทั้งมือขึ้นเหนือศีรษะ หงายมือด้านบน ทำมือสลับไปมา กระแสพลังงานจะพุ่งสูงขึ้นและรวมเส้นสาย หลังรวมเสร็จแล้วนำมาฝ่ามือทั้งสอง มาเก็บพลังงานไว้ที่ท้ายทอยหรือซีรีเบลลัม นำฝ่ามือทั้งสองมาไว้ที่ดวงตา ประกบดวงตาจนกว่าพลังงานสงบ พร้อมนำมือทั้งสองข้างมาไว้ข้างลำตัว ค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างเข้าหาตรงกลางลำตัว จนกระทั้งนำขวามือมาทับมือซ้าย ย่อตัวลงพร้อมทั้งก้มหน้าให้สัมพันธ์กับนิ้วมือที่ล๊อค สัมพันธ์กับบีเทน สะบัดหน้าเล็กน้อย จะเห็นการพุ่งของพลังงานด้วยความรวดเร็วและรุนแรง บีเทนและไอชีวิตจะหมุนปั่นอย่างรุนแรง สูดลมหายใจเล็กน้อย และหยุดหายใจสักครู่ พร้อมกับปล่อยลมหายใจออก จะเกิดการขับเคลื่อนของพลังงานอย่างสืบเนื่อง ในกรณีที่เกาะติดกระแสช้าลงให้ทำการสูดลมหายใจเข้าใหม่และหยุดพร้อมทั้งปล่อยลมหายใจธรรมดา จะเกิดการขับเคลื่อนที่รุนแรงเหมือนเดิม หรือใช้การล็อคนิ้วที่ฝ่ามือให้สัมพันธ์กับบีเทนพร้อมกับสะบัดหน้าน้อยๆ ก็จะกระตุ้นกระแสพลังงานให้รุนแรงและขับเคลื่อนได้ตลอด หลังจากนั้นขณะทำสมาธิ ให้เกาะติดกับสิ่งที่มากระทบ และดูกระแสที่เกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ
ควรฟังดนตรี ประเภท ขลุ่ย singjng blow หรือเกาะติดในทุกเสียงที่เราได้ยินขณะทำสมาธิ เพราะขณะฟังเสียงเหล่านี้จะเกิดการเกร็งท้องตามเสียงที่เราได้ยิน ก็จะสามารถดูดซับพลังงานได้ตลอดและต่อเนื่อง สามารถเกาะติด พลังงานที่มากระทบทุกย่านความถี่ จะเกิดการหมุนปั่นด้วยอัตราความเร็ว เกิดการแยกประจุและอนุภาคการรวมอนุภาคไว้สู่แกนกลางก็จะมากขึ้น คลื่นสมองจะลดระดับลงจนกระทั่งอยู่ในคลื่นคอสมิค การเชื่อมต่อระบบจักรวาลจึงเกิดขึ้น บีเทนและซีรีเบลลัมจะเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน อยู่ในรูปของสนามแม่เหล็กที่ยิ่งยวด เพราะการพัฒนาสมาธิ เกิดจากวิวัฒนาการของสมองส่วนหน้าที่มีวิวัฒนาการในรูปของสนามแม่เหล็กที่เข้มข้น ความสำเร็จก็เกิดจากปัจจัยถึงพร้อมที่เกิดจากการฝึกปฏิบัติ และเห็นการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งไป ด้วยมรรถวิถีสู่หนทางของธรรมชาติของจิต The way of nature