กลไกการทำงานเพื่อพัฒนาจักระ
จักระ 1 เป็นตัวผลิตประจุไฟฟ้า
อยู่บริเวณกลุ่มเส้นเลือดดำใหญ่ที่มีประจุไฟฟ้าอยู่เป็นจำนวนมาก เกิดจากอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งเป็นพลังคุณฑาลินีที่ทำงานอย่างไร้ทิศทาง เป็นวัตถุดิบในการพัฒนาจิตชั้นสูง เป็นจุดเริ่มแรก ของการพัฒนาจิต ถ้าจักระ1 ขยาย จะดูดซับพลังงานได้อย่างมหาศาลโดยไม่จำกัด คนจะสำเร็จทางจิตได้ก็อยู่ที่พลังคุณฑาลินีที่อยู่ที่จักระ1 การรับรู้เหนือสามัญ ก็อยู่ที่จักระ1 เพราะเมื่อมีการขยายของจักระ 1 จะดูดซับประจุไฟฟ้า หรือข้อมูลต่างๆ ได้ดี จึงทำให้ถ้าไม่มีการพัฒนาพลังคุณฑาลินีต่อไป จะทำให้เกิดโรคร้ายในที่สุด ถ้าไม่เข้าใจพลังนี้
จักระ 2 เป็นตัวผลักดันหรือบีบให้พลังงานขึ้นแนวกระดูกสันหลัง
อยู่บริเวณท้องน้อย หรือตันเถียน เพื่อพัฒนาสมองให้อยู่ในย่านความถี่สูง และพัฒนาเป็นสนามแม่เหล็ก โดยการเกร็งท้องน้อย คนที่ฝึกปฏิบัติในการสวดมนต์ ต้องเกร็งท้องน้อย หยุดลมหายใจ เพื่อให้พลังงานลอยตัวขึ้นแนวกระดูกสันหลัง ถือว่าเป็นการพัฒนาตันเถียนในระดับหนึ่ง คนจีนมักเก็บพลังไว้ที่จักระ 2 เพื่อให้มีแรงขับดันให้พลังขับเคลื่อนในการใช้พลัง การพัฒนาจักระ 2 อาจใช้วิธีท่าขี่ม้าของคนจีน จะทำให้พลังที่ตันเถียนแข็งแกร่ง สามารถบีบพลังให้ขึ้นแนวกระดูกสันหลังได้ดี คนที่เข้าฌานได้ต้องเกร็งท้องน้อยหรือตันเถียนตลอดเป็นอัตโนมัติ เพื่อให้พลังงานลอยขึ้นมาอย่างสืบเนื่อง...
จักระ 3 หมุนวนขยาย (สมาธิ ฌาน)
อยู่บริเวณสะดือ หรือธรรมจักร หรือเรียกอีกอย่างว่า จุดพักจิต เมื่อเกิดการพัฒนาจักระแล้ว จะทำให้มีความเร็ววงรอบสูง หมุน ปั่นและขยายออกไปไกล อนุภาคที่อยู่แกนกลางจะถูกล๊อคจนถึงจุดนิ่ง ทำให้เข้าสมาธิระดับฌานได้อย่างล้ำลึก
จักระ 4 ต้องขยาย ความรัก โพธิสัตว์
อยู่บริเวณกึ่งกลางหน้าอก เกี่ยวกับความรัก การใช้ความรัก เป็นตัวส่งเสริมให้นำพาไปสู่ความสำเร็จ เมื่อมีความรัก จักระ 4 จะขยาย พลังงานขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง ดูดซับพลังงานได้อย่างมหาศาล เกิดความเร็ววงรอบสูง จนกระทั่งสามารถเชื่อมต่อกับทุกสิ่งทุกอย่าง คนที่จักระ 4 ขยายมาก จะมีความรัก ความเมตตาต่อสรรพสัตว์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของโพธิสัตว์
จักระ 5 ไม่ควรขยาย (ภูมิแพ้ ไธรอยด์)
อยู่บริเวณหลุมคอ จักระนี้ไม่ควรขยาย คนส่วนใหญ่ที่เป็นภูมิแพ้ หรือไทรอยด์ จักระ 5 จะใหญ่กว่าคนปกติ เพราะฉะนั้นการฝึกจักระจึงไม่ควรขยายจักระนี้ จะทำให้เกิดระบบภูมิคุ้มกันลดลง การเผาผลาญพลังงานในร่างกายเพิ่มขึ้น เหนื่อยง่าย ใจสั่นได้ง่าย สำหรับผู้ที่ฝึกพลัง จะเกิดปัญหานี้ตามมา ต้องหมั่นดูแลตนเอง ออกกำลังกาย พักผ่อน และฝึกให้เป็นสนามแม่เหล็ก พลังงานที่จักระนี้ก็จะไม่เกิดอันตราย
จักระ 6 ขยายกว้างไกล ( ความคิด ไพเนียลแกลนด์)
อยู่บริเวณส่วนท้ายทอย เป็นส่วนที่ควบคุมการทำงานของร่างกายทั้งระบบ และเป็นจุดที่มีไพเนียลแกลนด์เข้ามาเกี่ยวข้อง จักระ 6 เป็นศูนย์รวมของจักระทุกจักระ เวลาเปิดจักระ 6 เราใช้เปิดที่หัวตาเพื่อเชื่อมกับจักระ 6 เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อน เมื่อขับเคลื่อนแล้ว จักระอื่นก็จะหมุนปั่นขับเคลื่อนไปด้วย ในส่วนนี้ไพเนียลแกลนด์จะขับเคลื่อนและสั่นสะเทือนอยู่ตลอด ทำให้เกิดการดูดซับประจุไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง เกิดการรับรู้รู้สึกตลอดเวลา และการพัฒนาไพเนียลแกลนด์ให้เกิดการสั่นสะเทือนตลอด คือการตื่นตัวทางความคิด ความกลัว การตื่นเต้น จะยังผลให้ไพเนียลแกลนด์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีความคิดที่คอยยับยั้งทำให้ไพเนียลแกลนด์ไม่สามารถสั่นสะเทือนอย่างอิสระ
จักระ 7 เชื่อมระบบและจักรวาล เข้าใจสภาวะธรรม
อยู่บริเวณเหนือศีรษะ เมื่อสมองส่วนหน้ามีเหตุปัจจัยถึงพร้อม การละวาง การยึดติดต่างๆ ไม่มีแล้วจะทำให้ไพเนียลแกลนด์ทำงานอย่างอิสระ เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมื่อสิ่งใดมากระทบ หรือได้ยินได้ฟังสิ่งที่เป็นความจริงของธรรมชาติ จะปลดปล่อยพลังงานอย่างรุนแรง และออกไปไกล ทำให้แกนกลางเป็นสนามแม่เหล็กที่เข้มข้น เส้นแรงมารวมกัน ณ จุดเดียว จึงสามารถเชื่อมต่อกับระบบและจักรวาล และสามารถเข้าใจสภาวธรรม ได้ทันที
สิ่งเหล่านี้เป็นความมหัศจรรย์ของจิต แต่เราสามารถฝึกฝนให้เกิดทักษะความชำนาญ จนกระทั่ง มีเหตุปัจจัยถึงพร้อมที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จทางจิต...