611101ระบาดญี่ปุ่น

สธ.เตือนคนไทยไปญี่ปุ่น ระวังโรคหัดเยอรมัน

กรมควบคุมโรค เตือนผู้ที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น ระมัดระวังการระบาดของโรคหัดเยอรมัน โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ซึ่งมีความเสี่ยงกระทบลูกในครรภ์ได้

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรคได้ออกเอกสารแจ้งเตือนประชาชนที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ซึ่งโรคหัดเยอรมันกำลังระบาด ว่า สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคหัดเยอรมันในประเทศญี่ปุ่นนั้น ประเทศไทยมีการแนะนำอยู่ในระดับ 2 คือ Travel Alert ระดับการเฝ้าระวังและแจ้งเตือน ซึ่งไม่ได้ห้ามเดินทาง แต่จะมีคำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อต้องเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค เช่นเดียวกับศูนย์ป้องกันควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกาที่ประกาศเตือนที่ระดับ 2

ทั้งนี้ คนไทยหลายคนได้รับการฉีดวัคซีนมาตั้งแต่เด็ก แต่คนที่ยังไม่ได้ฉีดหากจำเป็นต้องไปญี่ปุ่นขอให้ปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อรับวัคซีนป้องกัน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงหญิงตั้งครรภ์ หากไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงไปประเทศญี่ปุ่นในช่วงนี้

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องในประเทศญี่ปุ่น พบว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น

โดยข้อมุลล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา พบผู้ป่วย 1,468 คน

จากเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา พบผู้ป่วย 362 คนเท่านั้น

ทำให้กรมควบคุมโรคต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะ

ประกอบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาศูนย์ป้องกันควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกา ยกระดับการเตือนประชาชนของประเทศสหรัฐอเมริกาจากระดับที่ 1 เป็นระดับ 2 หลังจากติดตามมาอย่างใกล้ชิด โดยแนะนำให้ผู้ที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน และแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์หลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น

ด้าน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กล่าวว่า หญิงตั้งครรภ์จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากหากติดเชื้อหัดเยอรมันจะส่งผลต่อทารกในครรภ์ เสี่ยงพิการ เกิดภาวะหัวใจรั่ว อวัยวะภายในไม่สมบูรณ์ ซึ่งหญิงที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 20 สัปดาห์จะเสี่ยงมาก

ขณะที่ นพ.ชนินันท์ สนธิไชย หัวหน้ากลุ่มพัฒนางานวัคซีนพื้นฐาน กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยได้ให้วัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันมาตั้งแต่ปี 2529 โดยให้ในนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งกลุ่มนี้จะมีภูมิต้านทาน ปัจจุบันคือผู้หญิงที่อายุประมาณ 44 ปีลงมา หลังจากนั้นในปี 2536 ขยายการให้วัคซีนโรคหัดเยอรมันแก่นักเรียนทั้งชายและหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มคนไทยต่ำกว่า 32 ปีลงมา ซึ่งภาพรวมการได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันครอบคลุมสูงกว่าร้อยละ 95 หากใครฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 ครั้ง จะมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 97 อยู่ได้ตลอดชีวิต

ปัจจุบันประเทศไทยให้วัคซีนกับทารกทุกคน 2 เข็ม

โดยเข็มแรกให้เมื่ออายุ 9 เดือน

เข็มที่ 2 ช่วงอายุ 2 ขวบครึ่ง

ดังนั้นผู้ปกครองควรพาบุตรหลานมารับวัคซีนตามที่นัดหมาย

http://news.thaipbs.or.th/content/275449

สธ.ชี้ หัดเยอรมันระบาด ญี่ปุ่น ยกระดับ แต่ไม่ห้ามเดินทาง หญิงท้อง-เด็กเล็กเสี่ยง!

เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 1 พ.ย. ที่กรมควบคุมโรค

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวเตือนการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ภายหลังสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) ออกเอกสารแจ้งเตือนประชาชนที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีโรคหัดเยอรมันระบาด

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคหัดเยอรมันในประเทศญี่ปุ่น หลายประเทศจะมีการติดตาม เฝ้าระวังและควบคุมโรคระบาด ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่

ระดับที่ 1 Travel watch ระดับจับตา ซึ่งไม่ห้ามการเดินทาง

ระดับที่ 2 Travel Alert ระดับการเฝ้าระวังและแจ้งเตือน ซึ่งไม่ได้ห้ามเดินทางเช่นกัน แต่จะมีคำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อต้องเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค

ระดับที่ 3 Travel Warning เป็นระดับเตือนภัย คือการห้ามเข้าไปยังพื้นที่ระบาด

“สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคหัดเยอรมันในประเทศญี่ปุ่นนั้น

ประเทศไทย อยู่ในระดับ 2 คือ

มีคำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวทั้งคนไทยที่จะเดินทางเข้ายังประเทศญี่ปุ่น และ

คนไทยหรือคนต่างชาติที่เดินทางจากญี่ปุ่นมายังประเทศไทย

เช่นเดียวกับศูนย์ป้องกันควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกาก็ประกาศเตือนที่ระดับ 2 เหมือนกัน

กรมควบคุมโรคได้ออกเอกสารแจ้งเตือนประชาชนที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ซึ่งโรคหัดเยอรมันกำลังระบาด ว่า สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคหัดเยอรมันในประเทศญี่ปุ่นนั้น ประเทศไทยมีการแนะนำอยู่ในระดับ 2 คือ Travel Alert

ทั้งนี้ คนไทยไม่ใช่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคหัดเยอรมัน หลายคนได้รับการฉีดวัคซีนมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่คนที่ยังไม่ได้ฉีด หากจำเป็นต้องไปญี่ปุ่นก็ขอให้ปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อรับวัคซีนป้องกัน

โดยเฉพาะในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ถือว่ามีความเสี่ยงมาก หากไม่จำเป็นก็ควรหลีกเลี่ยงไปประเทศญี่ปุ่นในช่วงนี้” นพ.สุวรรณชัย กล่าว

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค

จากการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องในประเทศญี่ปุ่นพบว่า

จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจาก 184 รายเมื่อวันที่ 11 ก.ย.

มาเป็น 362 รายในวันที่ 19 กันยายน และ

เดือนตุลาคมก็เพิ่มขึ้นอีก

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมามีรายงาน 1,468 ราย

ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวก็ทำให้ ทางกรมควบคุมโรค (คร.)ต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะ

ประกอบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง

ศูนย์ป้องกันควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกา ( US CDC) ซึ่งได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดก็ยกระดับการเตือนประชาชนของประเทศสหรัฐอเมริกาจากระดับที่ 1 เป็นระดับ 2 คือ Travel Alert โดยมีคำแนะนำให้ผู้ที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน และแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์หลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น

นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา

กล่าวว่า หญิงตั้งครรภ์ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากหากติดเชื้อหัดเยอรมัน จะส่งผลต่อทารกในครรภ์ ทำให้มีความเสี่ยงพิการ เกิดภาวะหัวใจรั่ว อวัยวะภายในไม่สมบูรณ์ ดังนั้น หากหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยงเดินทางไป โดยพื้นที่ต้องระมัดระวัง คือ พื้นที่ตัวเมืองอย่างเมืองหลวงโตเกียว และรอบๆ เมืองโตเกียว ต้องระมัดระวัง

โดยความเสี่ยงหากนับเป็นเปอร์เซ็นต์ก็พูดยากว่า หญิงตั้งครรภ์หากรับเชื้อจะมีความเสี่ยงให้ทารกในครรภ์พิการมากน้อยแค่ไหน เพราะขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ แม้ความเสี่ยงไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าสูงมากกว่าคนทั่วไป แต่ที่ต้องระมัดระวังคือ หญิงท้องที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 20 สัปดาห์จะเสี่ยงมาก ซึ่งไม่ได้หมายความว่าอายุครรภ์อื่นจะไม่เสี่ยง ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หญิงตั้งครรภ์ทุกคนขอให้หลีกเลี่ยงดีที่สุด แต่หากจำเป็นขอให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีเด็กเล็กหากไปญี่ปุ่นแล้วเกิดติดเชื้อ จะมีความพิการหรือไม่ นพ.นคร กล่าวว่า ไม่พิการ เพียงแต่เด็กเล็กจะเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อน และมีไข้ออกผื่น ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาการจะรุนแรงกว่าผู้ใหญ่ จึงต้องเตือนว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับคนทั่วไปที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นขอให้ไปปรึกษาแพทย์ และรับวัคซีนป้องกันอย่างน้อยก่อน 2 สัปดาห์ที่จะเดินทางไป ทั้งนี้ ขอย้ำว่า แม้ขณะนี้จะมีการระบาดของโรคหัดเยอรมันในญี่ปุ่น แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต เพียงแต่การระบาดเพิ่มขึ้น จึงต้องออกมาเตือนให้ระมัดระวัง

เมื่อถามว่าโรคหัดเยอรมันติดต่ออย่างไร นพ.นคร กล่าวว่า ติดต่อจากทางเดินหายใจ ด้วยการไอ จาม และจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง ซึ่งติดต่อง่ายกว่าไข้หวัดทั่วไป แต่ก็ไม่ใช่โรคร้ายแรงจนต้องหวาดวิตก เนื่องจากมีวัคซีนป้องกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่เดินทางกลับมาจากญี่ปุ่นให้เฝ้าสังเกตอาการ 21 วันว่ามี ไข้ ออกผื่นหรือไม่ หากมีให้ไปพบแพทย์ และระหว่างสังเกตอาการไม่ควรเข้าใกล้หญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็ก

นพ.ชนินันท์ สนธิไชย หัวหน้ากลุ่มพัฒนางานวัคซีนพื้นฐาน กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ในไทยพบว่า 5 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับรายงานผู้ป่วยปีละ 200 ราย โดยปี 2560 มีรายงานผู้ป่วย 261 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต

ข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 25 ตุลาคม มีรายงานผู้ป่วย 269 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่ในไทยจะเป็นอายุ 24-54 ปี ผู้ชายกับผู้หญิงใกล้เคียงกัน

โดยประเทศไทยได้ให้วัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันมาตั้งแต่ปี 2529 ซึ่งในขั้นนั้นเริ่มให้ตั้งแต่เด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งกลุ่มนี้จะมีภูมิต้านทาน โดยปัจจุบันคือ ผู้หญิงที่อายุประมาณ 44 ปีลงมา หลังจากนั้นในปี 2536 ประเทศไทยก็ขยายการให้วัคซีนโรคหัดเยอรมันแก่นักเรียนทั้งชายและหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

โดยกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มคนไทยต่ำกว่า 32 ปีลงมา ซึ่งภาพรวมการได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันครอบคลุมสูงกว่าร้อยละ 95 และหากใครฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 ครั้งจะมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 97 อยู่ได้ตลอดชีวิต โดยปัจจุบันประเทศไทยได้ให้วัคซีนกับทารกทุกคน 2 เข็ม โดยเข็มแรกให้เมื่ออายุ 9 เดือน และเข็มที่สองให้อายุ 2 ขวบครึ่ง ดังนั้น ผู้ปกครองพาบุตรหลานมารับวัคซีนตามที่นัดหมายด้วย

ขณะนี้จากการติดตามการแจ้งเตือนของสถานทูตญี่ปุ่นในไทย ณ วันที่ 4 กันยายน 2561 ระบุว่าคนไทยสามารถเดินทางไปญี่ปุ่นได้ แต่ขอให้มีการทำประกันสุขภาพ ซึ่งยังไม่เห็นคำแนะนำเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ขอให้อย่าวิตก แต่หากจะเดินทางไปให้เช็กประวัติว่าเคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันหรือไม่ และหากไม่เคยก็สามารถพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีน ยกเว้นหญิงตั้งครรภ์อาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ” นพ.ชนินันท์ กล่าว

https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1767461