Post date: 15-May-2011 17:49:17
1. ทฤษฎีระบบ ของ เดวิด อีสตัน (David Easton)
นโยบายสาธารณะ (Public Policy) คือ ผลผลิตของระบบการเมือง เมื่อระบบการเมืองได้รับปัจจัยนำเข้า คือ ความต้องการของประชาชน อาทิ ความต้องการบริการด้านการศึกษา สาธารณสุข แล้ว ระบบการเมืองจะใช้อำนาจในการตัดสินใจเลือกกระทำหรือไม่กระทำสิ่งใด เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน สิ่งที่ระบบการเมืองตัดสินใจกระทำหรือไม่กระทำนี้ คือ นโยบายสาธารณะ นั่นเอง เมื่อนโยบายสาธารณะถูกนำไปดำเนินการแล้ว ก็จะมีผลสะท้อนกลับมาจากประชาชน โดยสะท้อนออกมาเป็นการสนับสนุนจากประชาชน ในรูปแบบของการปฏิบัติตามกฎหมาย การชำระภาษีอากร เป็นต้น
2. การเมืองกับวิถีประชา ของ ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์
3. รูปแบบการปกครอง ของ อริสโตเติล (Aristotle)
ในการแยกแยะการเมืองที่ดีและเลวนั้น ปราชญ์เมธีชาวกรีก "อริสโตเติล" ได้นำเสนอแนวทางเปรียบเทียบรูปแบบการเมืองแบบต่างๆ โดยใช้วัตถุประสงค์ในการใช้อำนาจเป็นเกณฑ์ในการแยกแยะเปรียบเทียบ ซึ่งสามารถแบ่งวัตถุประสงค์การใช้อำนาจได้เป็น ๒ วัตถุประสงค์ ได้แก่ ใช้เพื่อส่วนตัว และใช้เพื่อส่วนรวม รูปแบบที่ส่งเสริมให้ผู้ปกครองใช้อำนาจเพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม ถือเป็นรูปแบบการปกครองที่ดี
สำหรับระบอบประชาธิปไตยนั้น อริสโตเติลเคยจัดไว้ว่าเป็นรูปแบบที่เลว ซึ่งประชาธิปไตยที่อริสโตเติลหมายถึงในเวลานั้น คือ ประชาธิปไตยทางตรงแบบของนครรัฐเอเธนส์ ซึ่งเป็นการใช้คนจำนวนมากในการปกครองเพื่อผลประโยชน์ของคนจำนวนมากนั้นเอง ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม ด้วยเหตุนี้จึงถูกจัดไว้ในรูปแบบที่เลว แต่รูปแบบประชาธิปไตยในปัจจุบัน เป็นรูปแบบที่อริสโตเติลเรียกว่า โพลิตี้ คือการปกครองโดยคนจำนวนมาก เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม อันสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยที่ว่า “การปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน”
4. คุณธรรมที่สำคัญของผู้นำ ของ โสเครตีส (Socrates)
สำหรับคุณสมบัติของผู้นำทางการเมืองและนักการเมืองที่ดีนั้น ผมมีความคิดเห็นสอดคล้องกับปราชญ์เมธีชาวกรีก "โสเครตีส" ที่เห็นว่าผู้ปกครองที่ดีจะต้องมีคุณธรรม ๕ ประการ ได้แก่
5. หลักการของระบอบประชาธิปไตย
การปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองของประชาชน หมายถึง ประชาชนทั้งมวลเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เป็นการปกครองโดยประชาชน หมายถึง ประชาชนเป็นผู้เลือกตัวแทนเข้ามาทำหน้าที่ในการปกครอง เป็นการปกครองเพื่อประชาชน หมายถึง ตัวแทนที่ประชาชนเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่ในการปกครองจะต้องใช้อำนาจในการปกครองเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
6. หลักการของระบอบเสรีประชาธิปไตย
7. วัฒนธรรมทางการเมือง (Almond & Verba)
8. แนวทางการพัฒนาระบบการเมือง
การพัฒนาระบบการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย เกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ในเรื่องระบอบประชาธิปไตย วัฒนธรรมทางการเมือง และการพัฒนาทางการเมือง ซึ่งจะต้องบูรณาการให้สอดประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยมีแนวทางที่สำคัญดังนี้
9. การมีส่วนร่วมทางการเมือง
มีลักษณะที่สำคัญได้แก่ การมีส่วนร่วมในการกำหนดตัวผู้ปกครองโดยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง การผลักดันการตัดสินใจของรัฐบาลโดยกลุ่มอิทธิพลและผลประโยชน์ต่างๆ การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทั้งในทางสนับสนุนและคัดค้าน ตลอดจนการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งในทางสนับสนุนและคัดค้านรัฐบาล
10. ระบบอุปถัมภ์
เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เน้นความสัมพันธ์ส่วนตัว (Personalism) เปิดโอกาสเฉพาะกลุ่มของตัวเอง เลือกที่รักมักที่ชัง จนกลายเป็นการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องก่อน จึงขาดความเสมอภาค ความยุติธรรม และความเป็นธรรม โดยเฉพาะเรื่องการจงรักภักดี ทำให้สังคมไทยไม่สามารถแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวมออกจากกันได้ ไม่เข้าใจเรื่องผลประโยชน์ส่วนรวม (Public Interests) หรืออาจเรียกได้ว่า ขาดจิตสาธารณะ (Public Mind / Public Spirit) และขาดความรับผิดชอบต่อสาธารณะ (Public Responsibility) ไม่พร้อมให้สาธารณะตรวจสอบ (Public Accountability) เนื่องจากทำงานเพื่อนายหรือเพื่อตัวเองเพื่อครอบครัว ไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวม
11. การคอรัปชั่น
หมายถึง การใช้อำนาจหน้าที่เพื่อให้ได้รับประโยชน์ของตัวเองและ/หรือพวกพ้อง แบ่งเป็น Petty Corruption และ Grand Corruption คอรัปชั่นประกอบไปด้วย supply side และ demand side เป็นการสมยอมกันทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ได้ประโยชน์แก่กันและกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องสาธารณะ เพราะเป็นการรบกวนระบบ เป็นการเพิ่มต้นทุนที่ไม่เป็นธรรมให้กับสังคม กระทบกับคนในส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนจนซึ่งมักไม่มีทางเลือกของสังคม คอรัปชั่นมีแบ่งเป็น In Cash / In Kind ซึ่ง Klitgaard ตั้งสมการว่า C = M + D –A โดยที่ C = Corruption, M = Monopoly, D = Discretion, A = Accountability หมายถึง คอรัปชั่นจะมากขึ้นถ้ากฎระเบียบไม่ชัดเจน ไม่มีการตรวจสอบที่ดี อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ดุลพินิจสูง