บทที่ 87
“เรากำลังจะขึ้นไปหาพระบิดาของเรา
และพระบิดาของพวกท่าน”
และพระบิดาของพวกท่าน”
บทนี้อ้างอิงจากลูกา 24 ข้อที่ 50-53; กิจการ 1 ข้อที่ 9-12
เวลามาถึงแล้วที่พระคริสต์จะต้องเสด็จกลับไปยังบัลลังก์ของพระบิดาของพระองค์ ในฐานะพระเจ้าผู้พิชิตที่มีชัยชนะ พระองค์จะทรงนำถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะกลับไปยังบัลลังก์แห่งสรวงสวรรค์ พระองค์ทรงประกาศต่อพระบิดาก่อนหน้าที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ว่า "ข้าพระองค์ทำกิจที่พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์ทำนั้นสำเร็จแล้ว" ยอห์น 17 ข้อที่ 4 ภายหลังจากทรงคืนพระชนม์แล้ว พระองค์ยังประทับอยู่บนโลกระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้สาวกของพระองค์คุ้นเคยกับพระองค์ในสภาพพระวรกายที่เป็นขึ้นจากตายและได้รับเกียรติสิริ บัดนี้พระองค์ทรงพร้อมที่จะจากพวกเขาไปแล้ว พระองค์ทรงประทับตรารับรองความจริงที่ว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงชนม์ สาวกของพระองค์ไม่ต้องเชื่อมโยงพระองค์กับอุโมงค์ฝังศพอีกต่อไป พวกเขาคิดถึงพระองค์ในฐานะผู้ที่ได้รับเกียรติสิริต่อหน้าจักรวาลแห่งฟ้าสวรรค์ได้ {DA 829.1}
ในการเลือกสถานที่สำหรับการเสด็จขึ้นสวรรค์นั้น พระเยซูทรงเลือกจุดที่ได้รับการเจิมให้ศักดิ์สิทธิ์จากการที่เสด็จไปที่นั่นบ่อยครั้งขณะทรงอยู่ท่ามกลางมนุษย์ ไม่ใช่ภูเขาศิโยนอันเป็นเมืองของกษัตริย์ดาวิด ไม่ใช่ภูเขาโมริยาห์ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระวิหารที่ได้รับเกียรตินี้ ณ ที่นั่นพระคริสต์ทรงถูกเยาะเย้ย และถูกปฏิเสธ ณ ที่นั่น คลื่นแห่งพระเมตตาถูกตีโต้กลับด้วยหัวใจที่แข็.ราวกับหินแต่ก็ยังคงไหลกลับมาด้วยกระแสแห่งรักที่แรงกล้ายิ่งขึ้น จากที่แห่งนั้น พระเยซูเมื่อทรงเหนื่อยล้าและมีภาระหนักใจได้เสด็จไปเพื่อแสวงหาการพักผ่อนในภูเขามะกอกเทศ รัศมีภาพอันศักดิ์สิทธิ์ที่เคยปรากฏอยู่เหนือหีบพันธสัญญาและหายไปจากวิหารหลังแรกนั้นได้ปรากฏอยู่บนภูเขาทางฝั่งตะวันออกราวกับว่าลังเลใจที่จะละทิ้งเมืองที่ถูกเลือกสรร พระคริสต์ก็เช่นเดียวกันทรงประทับอยู่บนภูเขามะกอกเทศทอดพระเนตรไปยังกรุงเยรูซาเล็มด้วยพระหทัยวอนหา ร่องและหุบเขาของภูเขาลูกนี้ได้รับการเจิมด้วยคำอธิษฐานและน้ำพระเนตรของพระองค์ เนินสูงชันของภูเขาเคยส่งเสียงสะท้อนให้กับเสียงร้องแห่งชัยชนะของมหาชนที่ประกาศให้พระองค์ขึ้นครองเป็นพระราชา ณ บริเวณทางลาดขาลง พระองค์ทรงพบที่พักอาศัยในบ้านของลาซารัสที่หมู่บ้านเบธานี ในสวนเกทเสมนีที่ตั้งอยู่ตรงตีนเขา พระองค์ทรงอธิษฐานและคร่ำครวญอย่างทุกข์ระทมโดดเดี่ยว จากภูเขาแห่งนี้พระองค์จะได้เสด็จขึ้นไปยังสวรรค์ ณ บนยอดเขา พระบาทของพระองค์จะหยุดพักเมื่อเสด็จกลับมาอีกครั้ง พระองค์จะประทับอยู่บนภูเขามะกอกเทศไม่ใช่ในฐานะคนที่รับความเจ็บปวด แต่ในฐานะกษัตริย์ผู้ทรงรัศมีภาพและมีชัยชนะ ในขณะเดียวกันเสียงร้องฮาเลลูยาภาษาฮีบรูผสานกับเสียงร้องโฮซันนาของคนต่างชาติ และเสียงร้องของผู้ที่ได้รับการไถ่จำนวนมากที่ดังขึ้นด้วยเสียงร้องอันดังก้องไปทั่วว่า จงน้อมถวายมงกุฎองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง! {DA 829.2}
ในเวลานี้พระเยซูทรงดำเนินไปพร้อมกับสาวกสิบเอ็ดคนมุ่งหน้าไปยังภูเขา ขณะที่พวกเขาผ่านประตูเมืองของกรุงเยรูซาเล็ม มีสายตามากมายที่จ้องมองด้วยความสงสัย พวกเขาดูกลุ่มคนขนาดเล็กที่นำโดยพระองค์ท่านหนึ่งที่ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ถูกพวกผู้ปกครองตัดสินประหารชีวิตและนำไปตรึงกางเขน พวกสาวกไม่ทราบว่านี่จะเป็นการสนทนาครั้งสุดท้ายกับพระอาจารย์ของพวกเขา พระเยซูทรงใช้เวลาสนทนากับพวกเขาด้วยการทบทวนคำสั่งสอนที่ประทานให้ก่อนหน้านี้ ขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาใกล้สวนเกทเสมนี พระองค์ทรงหยุดเพื่อที่พวกเขาจะได้ระลึกถึงบทเรียนที่ประทานให้ในค่ำคืนแห่งความทุกข์ทรมานครั้งยิ่งใหญ่ของพระองค์ อีกครั้งที่พระองค์ทอดพระเนตรเถาองุ่นซึ่งพระองค์ทรงใช้เป็นตัวแทนถึงการรวมคริสตจักรของพระองค์เข้ากับตัวพระองค์เองและพระบิดา อีกครั้งหนึ่งพระองค์ทรงกล่าวเน้นย้ำความจริงที่ทรงเปิดเผยไว้ในขณะนั้น รอบตัวพระองค์มีสิ่งเตือนใจให้รำลึกถึงความรักข้างเดียวที่ไม่ได้รับการตอบรับกลับ แม้แต่พวกสาวกที่พระองค์รักสุดหัวใจก็ยังตำหนิและทอดทิ้งพระองค์ในช่วงเวลาที่พระองค์ทรงต้องทนทุกข์อย่างอัปยศอดสู {DA 830.1}
พระคริสต์ดำเนินชีวิตมาแล้วในโลกเป็นเวลาสามสิบสามปี พระองค์ทรงทนต่อการเหยียดหยาม การดูหมิ่น และการเย้ยหยัน พระองค์ทรงถูกปฏิเสธและถูกนำไปตรึงกางเขน บัดนี้เมื่อกำลังจะขึ้นสู่บัลลังก์แห่งพระสิริของพระองค์ ในขณะที่พระองค์ทรงทบทวนความอกตัญญูของผู้คนที่พระองค์เสด็จมาเพื่อช่วยให้รอด พระองค์จะไม่ทรงถอนความเห็นใจและความรักของพระองค์ไปจากพวกเขาหรือ? ความรักของพระองค์ไม่ได้มีจุดศูนย์รวมอยู่ในดินแดนที่พระองค์ได้รับการชื่นชมและในที่ที่ทูตสวรรค์ผู้ปราศจากบาปรอคอยที่จะปรนนิบัติทำตามพระบัญชาหรือ? ไม่ พระสัญญาของพระองค์ที่มีต่อคนที่พระองค์รักซึ่งพระองค์ทรงฝากไว้บนโลกคือ "เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค" มัทธิว 28 ข้อที่ 20 {DA 830.2}
เมื่อพวกเขามาถึงภูเขามะกอกเทศแล้ว พระเยซูทรงนำทางเสด็จผ่านยอดเขาไปยังบริเวณของหมู่บ้านเบธานี ณ ที่นี่พระองค์ทรงหยุดพักสักครู่และสาวกมาล้อมอยู่รอบพระองค์ ดูเหมือนว่าลำแสงแห่งความสว่างเปล่งประกายออกมาจากพระพักตร์ของพระองค์ในขณะที่พระองค์ทรงมองพวกเขาด้วยความรัก พระองค์ไม่ได้ว่ากล่าวความผิดและความล้มเหลวของพวกเขา พระดำรัสอันอ่อนโยนที่สุดเป็นพระดำรัสสุดท้ายจากริมพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาที่เข้าสู่หูของพวกเขา ด้วยพระหัตถ์ที่กางออกในท่าอวยพรและราวกับมั่นใจในการดูแลปกป้องของพระองค์ พระองค์เสด็จขึ้นจากพวกเขาไปช้าๆ ทรงถูกดึงขึ้นไปยังสวรรค์ด้วยพลังที่แรงกว่าแรงดึงดูดใดๆ ในโลก ขณะที่พระองค์เสด็จสูงขึ้นไป พวกสาวกตกตะลึงมองดูองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย เมฆแห่งรัศมีภาพซ่อนพระองค์ลับไปจากสายตาของพวกเขา และพระดำรัสกลับมาหาพวกเขาในขณะที่รถม้าเมฆของทูตสวรรค์รับพระองค์ไปว่า "นี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค" ในขณะเดียวกันก็มีเสียงดนตรีอันไพเราะและปีติยินดีอย่างที่สุดจากคณะนักร้องประสานเสียงของทูตสวรรค์ลอยลงมายังพวกเขา {DA 830.3}
ในขณะที่พวกสาวกยังคงจ้องมองขึ้นไปข้างบนมีเสียงพูดกับพวกเขาซึ่งฟังดูเหมือนเสียงดนตรีอันไพเราะ พวกเขาหันกลับไปและเห็นทูตสวรรค์สององค์ในรูปร่างของมนุษย์พูดกับพวกเขาว่า "ชาวกาลิลีเอ๋ย ทำไมพวกท่านถึงยืนจ้องมองฟ้าสวรรค์? พระเยซูองค์นี้ที่ทรงรับไปจากท่านทั้งหลายขึ้นไปยังสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีกในลักษณะเดียวกับที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น” {DA 831.1}
ทูตสวรรค์ทั้งสองนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มทูตสวรรค์ที่รอคอยอยู่ในเมฆที่ส่องแสงเจิดจ้าเพื่อรอรับพระเยซูไปยังบ้านในสวรรค์ของพระองค์ พวกเขาเป็นทูตสวรรค์ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดและเป็นทูตสวรรค์สององค์ที่มายังอุโมงค์ฝังศพเมื่อพระคริสต์ทรงคืนพระชนม์ และพวกเขาอยู่กับพระองค์ตลอดชีวิตของพระองค์ขณะทรงอาศัยอยู่ในโลก ชาวสวรรค์ทั้งหมดเฝ้ารอคอยด้วยความปรารถนาอันร้อนรนอยากจะให้วันที่พระคริสต์อาศัยในโลกที่เปรอะเปื้อนด้วยคำสาปแช่งแห่งบาปมาถึงจุดสิ้นสุด บัดนี้ได้เวลาแล้วที่จักรวาลแห่งฟ้าสวรรค์จะต้อนรับพระราชาของพวกเขา ทูตสวรรค์สององค์นั้นไม่ปรารถนาที่จะไปเข้าร่วมกลุ่มใหญ่ที่ต้อนรับพระเยซูหรือ? แต่ด้วยความเห็นอกเห็นใจและความรักที่มีต่อผู้ที่พระองค์ทรงจากไปนั้นทั้งสององค์จึงรอคอยที่จะปลอบโยนพวกเขา “ทูตสวรรค์ทั้งปวงเป็นเพียงวิญญาณที่รับใช้พระเจ้า ที่ทรงส่งไปปรนนิบัติบรรดาคนที่จะได้รับความรอดไม่ใช่หรือ?” ฮีบรู 1 ข้อที่ 14 {DA 832.1}
พระคริสต์เสด็จขึ้นไปสู่สวรรค์ในรูปร่างของมนุษย์ พวกสาวกเห็นเมฆรับพระองค์ไป พระเยซูองค์เดียวกันกับที่เสด็จดำเนินไปร่วมกับพวกเขา สนทนากับพวกเขาและอธิษฐานกับพวกเขา ผู้ทรงหักขนมปังกับพวกเขา ผู้ทรงอยู่ร่วมกับพวกเขาในเรือบนทะเลสาบ และผู้ที่เสด็จดำเนินร่วมกับพวกเขาขึ้นภูเขามะกอกเทศ พระเยซูองค์เดียวกันนี้บัดนี้ได้เสด็จไปเพื่อประทับบนพระที่นั่งร่วมกับพระบิดาของพระองค์ และพวกทูตสวรรค์ได้ยืนยันกับพวกเขาว่าพระเยซูองค์เดียวกันกับที่พวกเขาเห็นขึ้นไปสวรรค์นั้นจะเสด็จกลับมาอีกเหมือนที่เสด็จไปสวรรค์ "พระองค์จะเสด็จมาพร้อมกับหมู่เมฆและนัยน์ตาทุกดวงจะเห็นพระองค์" “องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยเสียงเรียกของหัวหน้าทูตสวรรค์และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และทุกคนที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน” “เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาด้วยพระรัศมีพร้อมกับทูตสวรรค์ทั้งหมดแล้วพระองค์จะประทับบนพระที่นั่งอันรุ่งโรจน์ของพระองค์” วิวรณ์ 1 ข้อที่ 7; 1 เธสะโลนิกา 4 ข้อที่ 16; มัทธิว 25 ข้อที่ 31 ด้วยประการฉะนี้พระสัญญาของพระองค์เองที่ประทานให้สาวกจะสำเร็จ "เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย" ยอห์น 14 ข้อที่ 3 พวกสาวกจึงชื่นชมยินดีในความหวังของการจะเสด็จกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา {DA 832.2}
เมื่อสาวกทั้งหลายกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ประชาชนมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ หลังจากการพิพากษาและการตรึงกางเขนของพระอาจารย์ของพวกเขา มีการคาดเดาว่าพวกเขาจะหดหู่และละอายใจ ศัตรูของพวกเขาคาดว่าจะเห็นความเศร้าโศกและความพ่ายแพ้บนสีหน้าของพวกเขา แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น กลับมีแต่ความชื่นชมยินดีและความมีชัย ใบหน้าของพวกเขาเปล่งประกายด้วยความสุขที่ไม่ได้เกิดมาจากทางฝ่ายโลก พวกเขาไม่ได้โศกเศร้ากับความหวังที่สูญสิ้นไปแต่เต็มไปด้วยการสรรเสริญและขอบพระคุณพระเจ้า พวกเขาเล่าเรื่องการคืนพระชนม์ของพระคริสต์และการเสด็จสู่สวรรค์ด้วยความชื่นชมยินดี และคนมากมายยอมรับคำพยานของพวกเขา {DA 832.3}
สาวกทั้งหลายไม่หวาดระแวงกับอนาคตอีกต่อไป พวกเขารู้ว่าพระผู้ช่วยให้รอดประทับอยู่ในสวรรค์และความเห็นอกเห็นใจของพระองค์ยังคงอยู่กับพวกเขา พวกเขารู้ว่ามีมิตรสหายองค์หนึ่งประทับอยู่บนบัลลังก์ของพระเจ้า และพวกเขาพร้อมที่จะนำเสนอคำทูลขอต่อพระบิดาในพระนามของพระเยซู พวกเขาก้มกราบลงอธิษฐานด้วยความเลื่อมใสยำเกรงอย่างจริงจังและกล่าวย้ำคำมั่นสัญญาที่ว่า “ ถ้าท่านขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นแก่ท่าน จนบัดนี้พวกท่านก็ยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเรา จงขอเถิดแล้วจะได้ เพื่อความชื่นชมยินดีของท่านจะมีเต็มเปี่ยม" ยอห์น 16 ข้อที่ 23, 24 พวกเขายื่นมือแห่งความเชื่อให้สูงขึ้นและสูงยิ่งขึ้น พร้อมข้อเท็จจริงอันยิ่งใหญ่ที่ว่า "พระคริสต์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว และยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงคืนพระชนม์ ทรงสถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราทั้งหลายด้วย” โรม 8 ข้อที่ 34 TKJV และวันเพ็นเทคอสต์ทำให้พวกเขามีความสุขอย่างเต็มล้นจากการสถิตอยู่ด้วยขององค์ผู้ช่วยตามที่พระคริสต์ได้ทรงสัญญาไว้ {DA 833.1}
ทั้งสวรรค์รอคอยต้อนรับพระผู้ช่วยให้รอดสู่บัลลังก์แห่งฟ้าสวรรค์ ขณะที่พระองค์เสด็จขึ้นไป พระองค์ทรงนำทางอยู่ด้านหน้า มหาชนที่ได้รับการปลดปล่อยในวันที่พระองค์ทรงเป็นขึ้นมานั้นติดตามมาและชาวสวรรค์ที่โห่ร้องสรรเสริญและขับร้องบทเพลงก็ร่วมอยู่ในขบวนแห่งความปีติยินดีนี้ {DA 833.2}
เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้เมืองของพระเจ้า คำท้าทายจากทูตสวรรค์ที่นำทางดังขึ้นมาว่า-
“ประตูเมืองเอ๋ย จงยกหัวของเจ้าขึ้น
บานประตูนิรันดร์เอ๋ย จงยกขึ้นเถิด
เพื่อกษัตริย์ผู้ทรงพระสิริจะได้เสด็จเข้ามา”
ทูตสวรรค์ที่รออยู่ตรงประตูทางเข้าถามว่า
“กษัตริย์ผู้ทรงพระสิรินั้นคือผู้ใด?”
พวกเขาถามเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่รู้จักพระองค์ แต่เนื่องจากพวกเขามีความประสงค์ที่จะฟังคำตอบแห่งการสรรเสริญเยินยอ
“คือพระยาห์เวห์ ผู้ทรงเข้มแข็งและทรงอานุภาพ
พระยาห์เวห์ผู้ทรงอานุภาพในสงคราม
ประตูเมืองเอ๋ย จงยกหัวของเจ้าขึ้น
บานประตูนิรันดร์เอ๋ย จงยกขึ้นเถิด
เพื่อกษัตริย์ผู้ทรงพระสิริจะได้เสด็จเข้ามา”
อีกครั้งทูตสวรรค์ที่รออยู่ตรงทางเข้าประตูถามว่า
“กษัตริย์ผู้ทรงพระสิรินั้นคือผู้ใด?”
ทูตสวรรค์ที่นำทางตอบด้วยน้ำเสียงอันไพเราะว่า
“คือพระยาห์เวห์จอมทัพ
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงพระสิริ”
สดุดี 24 ข้อที่ 7-10 {DA 833.6}
จากนั้นประตูเมืองของพระเจ้าก็เปิดออกกว้างและบรรดาทูตสวรรค์ก็บินผ่านเข้าประตูไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงดนตรีแห่งความปีติยินดีอย่างเหลือล้นที่ดังพุ่งขึ้นมา {DA 833.7}
มีพระที่นั่งตั้งอยู่ที่นั่นและล้อมรอบด้วยรุ้งแห่งพระสัญญา เครูบและเสราฟิมอยู่ที่นั่น ผู้บัญชาการของบรรดาทูตสวรรค์และเหล่าบุตรของพระเจ้ารวมถึงตัวแทนของโลกที่ยังไม่ได้ล้มลงในบาปมาร่วมชุมนุมกันอยู่ที่นั่น สภาสวรรค์ที่ก่อนหน้านี้ลูซิเฟอร์เคยกล่าวหาพระเจ้าและพระบุตรของพระองค์และตัวแทนของอาณาจักรที่ปราศจากบาปซึ่งซาตานเคยคิดจะเอาอำนาจของตนครอบครองอยู่เหนือพวกเขานั้น ทั้งหมดอยู่ที่นั่นคอยต้อนรับพระผู้ไถ่ พวกเขากระตือรือร้นที่จะเฉลิมฉลองชัยชนะของพระองค์และถวายพระเกียรติแด่กษัตริย์ของพวกเขา {DA 834.1}
แต่พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์ให้พวกเขาถอยกลับไป ยังก่อน พระองค์ทรงรับมงกุฎแห่งพระสิริและฉลองพระองค์อย่างพระราชาในเวลานี้ไม่ได้ พระองค์เสด็จเข้าไปเฝ้าเบื้องพระพักตร์พระบิดาของพระองค์ พระองค์ทรงชี้ไปยังศีรษะที่บาดเจ็บของพระองค์ สีข้างที่ถูกแทง พระบาทที่เปรอะเปื้อน พระองค์ทรงชูพระหัตถ์ที่มีรอยตะปู พระองค์ทรงชี้ไปยังหลักฐานแห่งชัยชนะ พระองค์ทูลเสนอพระเจ้า ด้วยการโบกถวายพืชผลรุ่นแรกคือกลุ่มคนที่เป็นขึ้นมาจากความตายพร้อมกับพระองค์ พวกเขาเป็นตัวแทนของมหาชนที่จะก้าวออกมาจากหลุมฝังศพเมื่อพระองค์เสด็จมาครั้งที่สอง พระองค์เสด็จเข้าไปใกล้พระบิดาผู้ทรงมีความสุขร่วมกับพระองค์เมื่อมีคนบาปคนหนึ่งกลับใจ พระองค์ทรงปีติยินดีด้วยการร้องเพลง ก่อนการวางรากฐานของโลก พระบิดาและพระบุตรทรงทำพันธสัญญาที่จะไถ่มนุษย์หากซาตานเอาชนะพวกเขาได้ ทั้งสององค์จับพระหัตถ์กันปฏิญาณอย่างจริงจังว่าพระคริสต์จะทรงเป็นผู้ค้ำประกันเผ่าพันธุ์มนุษย์ คำปฏิญาณนี้พระคริสต์ทรงประกอบกิจจนสำเร็จแล้ว ขณะที่ทรงตรึงอยู่บนกางเขนนั้น พระองค์ทรงร้องขึ้นมาว่า "สำเร็จแล้ว" พระองค์ได้ทูลประโยคนั้นต่อพระบิดา ข้อตกลงที่สัญญาไว้นั้นทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว บัดนี้พระองค์ทรงประกาศว่า พระบิดาเจ้าข้า สำเร็จแล้ว ข้าพระองค์ทำพระประสงค์ของพระองค์เสร็จสิ้นแล้ว โอ พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ประกอบราชกิจแห่งการไถ่จนเสร็จสมบูรณ์แล้ว หากความยุติธรรมของพระองค์ได้รับการทดแทนสมปรารถนาแล้ว "ข้าพระองค์ปรารถนาให้คนเหล่านั้นที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์ อยู่กับข้าพระองค์ในที่ที่ข้าพระองค์อยู่นั้น" ยอห์น 19 ข้อที่ 30; 17 ข้อที่ 24 {DA 834.2}
พระสุรเสียงของพระเจ้าที่ประกาศให้ได้ยินว่าพระเยซูทรงรับโทษอย่างยุติธรรมแล้วเพื่อไถ่มนุษย์ให้หลุดพ้นจากการล่วงละเมิด ซาตานถูกปราบแล้ว คนของพระคริสต์ที่ตรากตรำดิ้นรนในโลกได้รับการยอมรับไว้ "ในพระเยซูที่พระองค์ทรงรัก" เอเฟซัส 1 ข้อที่ 6 ต่อหน้าทูตแห่งฟ้าสวรรค์และตัวแทนของโลกที่ไม่ได้ล้มลงในบาปได้ประกาศว่าพวกเขาได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว พระองค์ประทับอยู่ ณ ที่ใด คริสตจักรของพระองค์จะอยู่ที่นั่น "ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์จะพบกัน ความชอบธรรมและสันติภาพจะจูบกัน" สดุดี 85 ข้อที่ 10 พระกรของพระบิดาโอบล้อมพระบุตรของพระองค์ไว้ และพระราชทานพระดำรัสว่า จง "ให้ทูตสวรรค์ทั้งหมดของพระเจ้ากราบนมัสการพระบุตร" ฮีบรู 1 ข้อที่ 6 {DA 834.3}
ด้วยความสุขที่ไม่อาจเปล่งออกมาทางวาจาได้นั้น เหล่าผู้ปกครองและเทพผู้ครองและศักดิเทพต่างยอมรับอำนาจสูงสุดของเจ้าชายแห่งชีวิต ชาวสวรรค์ทั้งหมดหมอบลงกราบต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์ในขณะที่เสียงโห่ร้องยินดีดังไปทั่วลานสวรรค์ "พระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์แล้วนั้นทรงสมควรได้รับฤทธานุภาพ ทรัพย์สมบัติ พระปัญญา พระกำลัง พระเกียรติ พระสิริ และคำสดุดี" วิวรณ์ 5 ข้อที่ 12 {DA 834.4}
เสียงเพลงแห่งชัยชนะผสานเข้ากับเสียงดนตรีจากพิณของทูตสวรรค์ จนดูเหมือนว่าทั้งสวรรค์เต็มไปด้วยความสุขและการสรรเสริญ ความรักได้ชัยชนะแล้ว พบคนที่หลงหายไปแล้ว เสียงกึกก้องดังไปทั่วสวรรค์ประกาศว่า "ขอให้คำสดุดี พระเกียรติ พระสิริและอานุภาพ จงมีแด่พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งและแด่พระเมษโปดกตลอดไปเป็นนิตย์” วิวรณ์ 5 ข้อที่ 13 {DA 835.1}
จากฉากแห่งความสุขในสวรรค์นั้นมีเสียงสะท้อนของพระดำรัสอันประเสริฐของพระคริสต์ที่ดังกลับมาสู่เราบนโลกว่า "เรากำลังจะขึ้นไปหาพระบิดาของเราและพระบิดาของพวกท่าน ไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของพวกท่าน" ยอห์น 20 ข้อที่ 17 ครอบครัวแห่งสวรรค์และครอบครัวของโลกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อเราพระเจ้าของเราเสด็จขึ้นไปแล้วและเพื่อเราพระองค์ทรงพระชนม์ “เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงทรงสามารถช่วยคนทั้งหลายที่เข้ามาใกล้พระเจ้าโดยทางพระองค์นั้นอย่างเต็มที่ เพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ทุกเวลา เพื่อทูลขอเผื่อคนเหล่านั้น” ฮีบรู 7 ข้อที่ 25 {DA 835.2}
**********