บทที่ 4

พระผู้ช่วยให้รอดของท่าน

บทนี้อ้างอิงจาก ลูกา 2 ข้อที่ 1-20


      พระเจ้าพระราชาแห่งพระสิริทรงโน้มต่ำลงมาเพื่อรับสภาพความเป็นมนุษย์  สภาพแวดล้อมในโลกของพระองค์โหดร้ายและอันตรายน่ากลัวอย่างไม่เป็นมิตร  พระสิริของพระองค์ถูกปิดซ่อนไว้เพื่อไม่ให้สภาพภายนอกอันงามสง่าของพระองค์ดึงดูดความสนใจ  พระองค์ทรงปกปิดการแสดงออกทั้งหมด  ความร่ำรวย เกียรติยศทางโลกและความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ช่วยจิตวิญญาณให้รอดพ้นจากความตายไม่ได้  พระเยซูทรงตั้งพระทัยว่าจะไม่ให้ธรรมชาติทางฝ่ายโลกใดดึงดูดให้มนุษย์เข้าหาพระองค์  ความจริงอันงามสง่าแห่งสวรรค์เท่านั้นที่จะดึงดูดผู้ที่ต้องการติดตามพระองค์  คำพยากรณ์พระลักษณะนิสัยของพระเมสสิยาห์บอกไว้ล่วงหน้ามานานแล้ว และพระองค์ทรงประสงค์ให้มนุษย์รับพระองค์จากคำพยานที่มีในพระวจนะของพระเจ้า  {DA 43.1}      

       ทูตสวรรค์ต่างพิศวงฉงนกับแผนการแห่งการไถ่ให้รอดอันน่าสรรเสริญยกย่อง  พวกเขาคอยเฝ้าติดตามว่าประชากรของพระเจ้าจะตอบรับพระบุตรของพระองค์ในสภาพมนุษย์อย่างไร  ทูตสวรรค์มายังดินแดนของประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้แล้ว  ประชาชาติอื่นต่างยุ่งกับนิทานคติธรรมและการกราบไหว้บูชาพระเทียมเท็จ  ทูตสวรรค์มายังดินแดนที่ได้รับการเปิดเผยพระสิริของพระเจ้าและรับแสงสว่างของคำพยากรณ์  พวกเขามายังกรุงเยรูซาเล็มในสภาพที่ตามองไม่เห็น ไปยังผู้ที่ถูกแต่งตั้งให้อธิบายพระวจนะอันศักดิ์สิทธิ์และผู้ที่ปรนนิบัติรับใช้ในพระนิเวศของพระเจ้า  ข่าวของการใกล้เสด็จมาของพระคริสต์ได้ถูกประกาศไปยังเศคาริยาห์ ปุโรหิตที่ปรนนิบัติอยู่หน้าแท่นเผาบูชาแล้ว  ผู้เป่าประกาศล่วงหน้านั้นเกิดแล้ว พันธกิจของเขาได้รับการยืนยันด้วยการอัศจรรย์และคำพยากรณ์ ข่าวของการเกิดและความสำคัญของพันธกิจของเขาได้กระจายไปทั่ว  ถึงกระนั้นกรุงเยรูซาเล็มไม่ได้เตรียมพร้อมเพื่อต้อนรับพระผู้ไถ่ของเธอ  {DA 43.2}

       ด้วยความประหลาดใจผู้สื่อข่าวชาวสวรรค์มองดูความไม่เอาใจใส่ของประชากรที่พระเจ้าทรงเรียกให้มาเป็นผู้สื่อแสงแห่งความจริงศักดิ์สิทธิ์ให้กับโลก  ชนชาติยิวได้ถูกปกป้องไว้เพื่อเป็นพยานว่าพระคริสต์จะประสูติทางพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมและของกษัตริย์ดาวิด  ถึงกระนั้นพวกเขาไม่รู้ว่าถึงเวลากำหนดที่พระองค์จะเสด็จมาแล้ว  การถวายเครื่องเผาบูชาประจำวันทั้งเช้าและเย็นในพระนิเวศชี้ไปยังพระเมษโปดกของพระเจ้า  แม้แต่ที่นี่ ก็ยังไม่มีใครเตรียมตัวพร้อมเพื่อต้อนรับพระองค์  ปุโรหิตและครูทั้งหลายของประเทศไม่รู้ว่าเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคกำลังจะเกิดขึ้น  พวกเขากล่าวคำอธิษฐานที่ไร้ความหมายและดำเนินพิธีนมัสการอย่างซ้ำซากเพื่อให้สายตามนุษย์มองเห็น แต่ในการแก่งแย่งเพื่อได้มาซึ่งทรัพย์ศฤงคารและเกียรติยศทางฝ่ายโลก พวกเขาไม่ได้เตรียมพร้อมเพื่อการเสด็จมาบังเกิดของพระเมสสิยาห์  ความไม่เอาใจใส่เช่นเดียวกันนี้แผ่ไปทั่วแผ่นดินของชนชาติอิสราเอล  ความสุขที่ทำให้ทั่วทั้งสวรรค์ตื่นเต้นไม่ได้สัมผัสดวงใจที่เห็นแก่ตัวและฝักใฝ่ในทางโลก  มีน้อยคนที่หวังคอยพระผู้ที่สายตามนุษย์มองไม่เห็น  คณะทูตของสวรรค์ได้ถูกส่งไปหาคนเหล่านี้  {DA 44.1}       

       ทูตสวรรค์ร่วมอยู่ด้วยกันกับโยเซฟและมารีย์ขณะเดินทางจากบ้านเกิดที่เมืองนาซาเร็ธไปยังนครของดาวิด  คำบัญชาของจักรพรรดิโรมันเพื่อให้ประชาชนในอาณาบริเวณอันกว้างไกลไปขึ้นทะเบียนสำมะโนครัว  คำสั่งนี้ครอบคลุมไปถึงคนในแถบเทือกเขากาลิลี  ดั่งกษัตริย์ไซรัสในอดีตผู้ทรงครองราชสมบัติของอาณาจักรทางโลกเพื่อปลดปล่อยเชลยของพระเจ้า กษัตริย์ซีซาร์ ออกัสตัส ได้รับบัญชาให้เป็นผู้กระทำพระประสงค์ของพระเจ้าให้สำเร็จโดยนำมารดาของพระเยซูไปยังบ้านเบธเลเฮม  เธอสืบเชื้อสายของดาวิดและพระบุตรของดาวิดจะต้องบังเกิดในเมืองของดาวิด  ผู้เผยพระวจนะของพระเจ้ากล่าวถึงบ้านเบธเลเฮมไว้ว่า “จากเจ้า จะมีผู้หนึ่งออกมาเพื่อเรา เป็นผู้ที่จะปกครองในอิสราเอล  ต้นตระกูลของท่านมาจากสมัยเก่า จากสมัยโบราณกาล”  มีคาห์ 5 ข้อที่ 2  แต่ในเมืองที่สืบเชื้อสายพระราชวงศ์นี้ โยเซฟและมารีย์ไม่เป็นที่รู้จักและไม่ได้รับเกียรติใดเลย  ด้วยความเหนื่อยอ่อนและไร้บ้านพักอาศัย เขาทั้งสองเดินไปตลอดทางอันคับแคบ จากประตูเมืองไปยังสุดฝั่งตะวันออกอีกฟากหนึ่งของหมู่บ้านเพื่อหาที่พักในคืนนั้นอย่างไร้ผล โรงแรมที่หนาแน่นด้วยผู้คนไม่มีที่สำหรับพวกเขา  ในที่สุดพวกเขาได้ที่พักผ่อนในสถานที่แห่งหนึ่งที่ซึ่งเป็นโรงเลี้ยงสัตว์ และพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของโลกประสูติ ณ ที่แห่งนี้  {DA 44.2}               

       ไม่มีมนุษย์คนใดทราบเรื่องนี้ แต่ข่าวแห่งความขื่นชมยินดีปกคลุมทั่วทั้งสวรรค์  ชาวสวรรค์อันบริสุทธิ์ที่มาจากโลกแห่งความสว่างเข้ามาใกล้โลกมากยิ่งขึ้น  ด้วยใจอันสุดซึ้งและซาบซึ้ง ทั้งโลกสว่างขึ้นเนื่องจากพระองค์สถิตร่วมอยู่ด้วย  ทูตสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนชุมนุมกันอยู่เหนือเนินเขาของบ้านเบธเลเฮม พวกเขารอคอยสัญญาณเพื่อประกาศข่าวดีไปยังโลก  หากผู้นำในแผ่นดินอิสราเอลซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแล้ว พวกเขาน่าจะได้ร่วมรับความสุขจากการประกาศการเสด็จมาบังเกิดของพระเยซู  แต่บัดนี้ข่าวนี้ได้ผ่านพวกเขาไปแล้ว  {DA 47.1}              

       พระเจ้าทรงประกาศว่า “เพราะเราจะเทน้ำลงบนแผ่นดินที่กระหาย และลำธารลงบนพื้นดินแห้ง”  “ความสว่างผุดขึ้นมาในความมืดให้คนเที่ยงธรรม”  อิสยาห์ 44 ข้อที่ 3; สดุดี 112 ข้อที่ 4  สำหรับผู้ที่แสวงหาแสงสว่างและรับด้วยความยินดี ลำแสงอันสว่างเจิดจ้าจากพระที่นั่งของพระองค์จะส่องมายังพวกเขา {DA 47.2}                   

       ในทุ่งหญ้าที่เด็กน้อยดาวิดเคยเลี้ยงฝูงแกะนั้น มีผู้เลี้ยงแกะกำลังเฝ้าฝูงแกะอยู่ในยามค่ำคืน  ในค่ำคืนที่เงียบสงบพวกเขาพูดคุยถึงพระผู้ช่วยให้รอดที่ทรงสัญญาไว้ และอธิษฐานเผื่อการเสด็จมาของพระราชามายังพระบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิด “มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่พวกเขา และพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบเขา และเขากลัวนัก  ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า ‘อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังพวกท่าน เป็นความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาถึงคนทั้งหลาย  เพราะว่าในวันนี้ พระผู้ช่วยให้รอดของพวกท่านคือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้ามาประสูติที่เมืองของดาวิด’”  {DA 47.3}

       เมื่อคนเลี้ยงแกะได้ยินคำพูดเหล่านี้ จิตใจของพวกเขาเปี่ยมล้นด้วยนิมิตแห่งพระสิริ  พระเจ้าพระผู้ช่วยเสด็จมายังแผ่นดินอิสราเอลแล้ว!  อำนาจ สง่าราศีและความมีชัยมาพร้อมกับการเสด็จมาของพระองค์  แต่ทูตสวรรค์จะต้องเตรียมพวกเขาให้พร้อมเพื่อรับพระผู้ช่วยในสภาพที่ยากจนและต่ำต้อย  ทูตสวรรค์พูดว่า “นี่จะเป็นหมายสำคัญสำหรับพวกท่าน คือท่านจะพบพระกุมารนั้นพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า” {DA 47.4}               

       ผู้สื่อข่าวชาวสวรรค์ทำให้ความกลัวของพวกเขาหายไป  พวกเขาบอกคนเหล่านั้นว่าจะเข้าเฝ้าพระเยซูได้อย่างไร  ด้วยความห่วงใยอันอ่อนโยนในความอ่อนแอของมนุษย์ พวกเขาให้เวลาเพื่อปรับตัวกับรัศมีอันเจิดจ้าของพระเจ้า  และแล้วความชื่นชมยินดีและพระสิริไม่อาจถูกปกปิดได้อีกต่อไป  ทั่วทั้งทุ่งราบนั้นสว่างไปด้วยแสงของผู้สื่อข่าวของพระเจ้า โลกเงียบสงบไป ทั้งสวรรค์ก้มลงเพื่อฟังบทเพลง              

 

       พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด

ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น”  {DA 47.5}     

       โอ อยากให้ครอบครัวมนุษย์ในวันนี้สำนึกเห็นถึงคุณค่าของบทเพลงนี้!  การประกาศในขณะนั้น เสียงเพลงที่ดังขึ้นในเวลานั้นจะดังไปจนถึงสิ้นสุดของยุคและดังกังวานไปจนถึงที่สุดปลายของโลก  เมื่อดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรมจะขึ้นมาด้วยปีกแห่งการรักษาโรค บทเพลงนั้นจะสะท้อนกลับมาด้วยเสียงของมหาชนดุจเสียงสายน้ำไหลจำนวนมากว่า “อาเลลูยา เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ทรงครอบครองอยู่”  วิวรณ์ 19 ข้อที่ 6  {DA 48.1}               

       ในขณะที่ทูตสวรรค์หายตัวไป แสงสว่างจางหายไป เงามืดปกคลุมเหนือเนินเขาเมืองเบธเลเฮม  แต่ภาพที่สว่างเจิดจ้าที่สุดที่ดวงตามนุษย์คนใดเคยเห็นมานั้น ยังคงอยู่ในความทรงจำของพวกผู้เลี้ยงแกะ “ต่อมาเมื่อทูตสวรรค์เหล่านั้นไปจากเขาขึ้นสู่สวรรค์แล้ว พวกเลี้ยงแกะได้พูดกันว่า ‘บัดนี้ให้เราไปยังเมืองเบธเลเฮม ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงแจ้งแก่เรา’  เขาก็รีบไป แล้วพบนางมารีย์กับโยเซฟ และพบพระกุมารนั้นนอนอยู่ในรางหญ้า”  {DA 48.2}          

       พวกเขาออกเดินทางด้วยใจชื่นชมยินดี ประกาศเหตุการณ์ทั้งหมดที่ได้เห็นและได้ยินออกไป “คนทั้งหลายที่ได้ยินก็ประหลาดใจเกี่ยวกับเรื่องที่คนเลี้ยงแกะบอกกับเขา  ส่วนนางมารีย์ก็เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้และรำพึงอยู่ในใจ  บรรดาคนเลี้ยงแกะจึงกลับไปถวายพระเกียรติและสรรเสริญพระเจ้า”  {DA 48.3}       

       สวรรค์และโลกในทุกวันนี้ไม่ได้ห่างไกลเกินกว่าเมื่อครั้นคนเลี้ยงแกะทั้งหลายฟังเพลงของทูตสวรรค์  มวลมนุษยชาติยังคงเป็นเป้าหมายของการตามหาของสวรรค์ ดั่งเช่นคนทั่วไปที่มีอาชีพธรรมดาพบทูตสวรรค์ในเวลาเที่ยงวันและพูดกับผู้สื่อข่าวชาวสวรรค์ในสวนองุ่นและในท้องทุ่ง  สำหรับเราผู้อยู่ในวิถีชีวิตที่ปกติ สวรรค์อาจอยู่ใกล้ตัวเรามาก  ทูตสวรรค์จากบัลลังก์เบื้องบนของพระเจ้าจะคอยปรนนิบัติย่างก้าวของเหล่าคนทั้งหลายที่เดินไปมาตามพระบัญชาของพระเจ้า {DA 48.4}

       เรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านเบธเลเฮมเป็นหัวข้อเรื่องที่ไม่มีวันเล่าให้จบได้  ในเรื่องนั้นซ่อนไว้ซึ่งความล้ำลึกของ “พระปัญญาและความรอบรู้ของพระเจ้า”  โรม 11 ข้อที่ 33 TKJV  เราพิศวงประหลาดใจกับการเสียสละของพระผู้ช่วยในการเอาบัลลังก์สวรรค์มาแลกกับรางหญ้าและการทรงอยู่ร่วมกับทูตสวรรค์ที่เคารพยกย่องพระองค์มาแลกกับสัตว์ต่างๆ ในรางหญ้า  ความหยิ่งยโสของมนุษย์และความพึงพอใจในตนเองจะถูกปราบให้ราบลงไปอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า  ถึงกระนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการเริ่มต้นของการถ่อมตนที่น่าอัศจรรย์ใจ  เป็นการอับอายขายหน้าเสียเกียรติอย่างไม่สิ้นสุดที่พระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาทรงรับสภาพธรรมชาติของมนุษย์ หากแม้จะอยู่ในสมัยของอาดัมที่อยู่อย่างสภาพปราศจากบาปในสวนเอเดน  แต่พระเยซูทรงรับสภาพมนุษย์ในยุคที่บาปทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์อ่อนแอไปแล้วถึงสี่พันปี  พระองค์ยังทรงยอมรับผลของกฎยิ่งใหญ่ของการสืบทอดเชื้อสายเหมือนเช่นบุตรทุกคนของอาดัม  ผลเหล่านี้เป็นเช่นไร เห็นได้จากประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษของพระองค์ในโลก  พระองค์เสด็จมาด้วยการสืบสายเลือดของการร่วมทุกข์และการทดลองร่วมกับเราเพื่อประทานแบบอย่างของชีวิตที่ปราศจากบาป  {DA 48.5}

       ในสมัยที่ซาตานอยู่บนสวรรค์นั้น เขาเกลียดชังพระคริสต์ในฐานะที่พระองค์ทรงร่วมบัลลังก์กับพระเจ้า  เขาเกลียดชังพระองค์มากยิ่งขึ้นเมื่อเขาถูกปลดจากตำแหน่ง  เขาเกลียดชังพระองค์ผู้ทรงสัญญาที่จะช่วยมนุษยชาติที่บาปหนาให้รอด  ถึงกระนั้นในโลกที่ซาตานอ้างความเป็นใหญ่ พระเจ้ายังทรงอนุญาตให้พระบุตรของพระองค์เสด็จมาในสภาพทารกน้อยที่ช่วยตัวเองไม่ได้ และรับความอ่อนแอของมวลมนุษย์  พระองค์ทรงอนุญาตให้พระเยซูเผชิญหน้ากับภัยอันตรายของชีวิตที่มนุษย์ทุกคนเผชิญ  เพื่อต่อสู้ในสงครามเหมือนเช่นบุตรทุกคนของมนุษยชาติต้องต่อสู้โดยเสี่ยงต่อความล้มเหลวและการสูญเสียอย่างนิรันดร์  {DA 49.1}

       หัวใจของผู้ที่เป็นพ่อของคนทั้งหลายย่อมห่วงใยบุตรของตน  เขามองหน้าของบุตรน้อยและหวาดกลัวเมื่อคิดถึงภัยอันตรายของชีวิต  เขาต้องการปกป้องบุตรที่รักจากอำนาจของซาตาน คอยขัดขวางการทดลองและความขัดแย้ง  แต่เพื่อเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ขมขื่นกว่า และเผชิญกับความเสี่ยงที่น่ากลัวกว่า พระเจ้าทรงโปรดประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทางแห่งการดำเนินชีวิตจะมั่นคงสำหรับบุตรน้อยทั้งหลายของเรา  “ในข้อนี้แหละเป็นความรัก” “โอ ฟ้าสวรรค์ จงตกตะลึงด้วยสิ่งนี้”  เยเรมีย์ 2 ข้อที่ 12  {DA 49.2}

*********