บทที่ 79
“สำเร็จแล้ว”
พระคริสต์ไม่ทรงจำนนชีวิตของพระองค์จนกว่าพระองค์จะทรงประกอบกิจที่เสด็จมาทำให้สำเร็จ และด้วยลมหายใจสุดท้ายพระองค์ทรงอุทานขึ้นมาว่า “สำเร็จแล้ว” ยอห์น 19 ข้อที่ 30 การต่อสู้ได้รับชัยชนะแล้ว พระหัตถ์ขวาและพระกรบริสุทธิ์ของพระองค์ได้ให้ชัยชนะแก่พระองค์ สดุดี 98 ข้อที่ 1 ในฐานะพระเจ้าผู้ทรงมีชัยชนะ พระองค์ทรงปักธงลงบนยอดเขาสูงที่สุดแห่งนิรันดร์กาล ในหมู่ทูตสวรรค์ไม่มีความปีติยินดีหรือ? ชาวสวรรค์ทั้งหมดฉลองชัยชนะของพระผู้ช่วยให้รอด ซาตานพ่ายแพ้และรู้ว่ามันสูญเสียอาณาจักรของมันไปแล้ว {DA 758.1}
สำหรับทูตสวรรค์และโลกทั้งหลายที่ไม่ได้ล้มลงในบาป พระดำรัสตรัสที่ว่า “สำเร็จแล้ว” มีความสำคัญลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง พระราชกิจยิ่งใหญ่ของการไถ่ที่สำเร็จไปแล้วนี้มีไว้สำหรับพวกเขาและรวมทั้งพวกเราด้วย พวกเขารวมทั้งพวกเราร่วมแบ่งปันผลแห่งชัยชนะของพระคริสต์ {DA 758.2}
จวบจนกระทั้งพระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว ลักษณะอุปนิสัยที่แท้จริงของซาตานจึงถูกเปิดเผยออกมาให้ทูตสวรรค์หรือโลกที่ไม่ได้ล้มลงในบาปได้เห็น จอมทรยศเอาเสื้อคลุมแห่งการหลอกลวงสวมตัวเองจนแม้กระทั่งชาวสวรรค์ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายก็ยังไม่เข้าใจหลักการของมัน พวกเขายังมองไม่เห็นลักษณะธรรมชาติของการกบฏของมันได้อย่างชัดเจน {DA 758.3}
ผู้ที่ตั้งตนขึ้นต่อต้านพระเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังอำนาจประเสริฐและเต็มไปด้วยรัศมีภาพ พระยาห์เวห์ตรัสถึงลูซิเฟอร์ไว้ว่า “เจ้าเป็นแบบอย่างของความสมบูรณ์ เต็มด้วยสติปัญญาและมีความงามพร้อม” เอเสเคียล 28 ข้อที่ 12 ลูซิเฟอร์เคยเป็นเครูบผู้พิทักษ์ เขารับใช้อยู่ภายใต้ความสว่างของพระเจ้า เขาเคยเป็นผลงานแห่งการทรงสร้างที่สูงที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าทรงสร้าง เขาเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในการเปิดเผยพระประสงค์ของพระเจ้าต่อจักรวาล หลังจากที่เขาทำบาป อำนาจการหลอกลวงของเขาก็เจ้าเล่ห์มากยิ่งขึ้น และการเปิดโปงลักษณะอุปนิสัยของเขาก็ทำได้ยากยิ่งขึ้น เนื่องจากตำแหน่งอันสูงส่งที่เขาเคยครอบครองเมื่อครั้นยังอยู่ร่วมกับพระบิดา {DA 758.4}
พระเจ้าน่าจะทำลายซาตานและบรรดาผู้ฝักใฝ่ของมันได้อย่างง่ายดายเหมือนคนหนึ่งเอาก้อนกรวดโยนลงกับพื้น แต่พระองค์ไม่ทรงทำเช่นนี้ จะเอากำลังปราบกบฏไม่ได้ การใช้อำนาจบังคับพบได้เฉพาะภายใต้การปกครองของซาตานเท่านั้น หลักการของพระเจ้าไม่ได้เป็นไปตามแนวทางนี้ อำนาจของพระองค์ขึ้นกับคุณความดี ความเมตตาและความรัก และวิธีใช้อำนาจของพระองค์นี้ขึ้นกับการนำเสนอหลักการเหล่านี้ การปกครองของพระเจ้าที่ใช้หลักศีลธรรมและความจริงและความรักเป็นอำนาจการปกครองระดับสูง {DA 759.1}
พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะจัดวางสิ่งต่างๆ ไว้อยู่บนพื้นฐานแห่งความมั่นคงนิรันดร์ และที่ประชุมสภาแห่งสวรรค์ได้ตกลงร่วมกันที่จะให้เวลาแก่ซาตานเพื่อพัฒนาหลักการซึ่งเป็นรากฐานของระบอบการปกครองของมัน มันอ้างว่าหลักการเหล่านี้ของมันเหนือกว่าหลักการของพระเจ้า พระองค์ประทานเวลาให้แก่หลักการของซาตานได้ทำงานเพื่อให้ชาวสวรรค์ของจักรวาลจะได้เห็นผลงานของพวกมัน {DA 759.2}
ซาตานได้ชักนำมนุษย์ให้ทำบาป และพระเจ้าได้ทรงนำแผนการแห่งการไถ่ออกมาใช้ เป็นระยะเวลานานถึงสี่พันปีที่พระคริสต์ทรงทำงานเพื่อยกระดับมนุษย์ ในชณะที่ซาตานทำงานเพื่อทำลายและทำให้พวกเขาตกต่ำเสื่อมโทรม และชาวสวรรค์ทั้งจักรวาลมองเห็นเรื่องทั้งหมดนี้ {DA 759.3}
เมื่อพระเยซูเสด็จมายังโลก ซาตานก็หันอำนาจของมันเข้าหาพระองค์ นับตั้งแต่วันที่พระองค์ทรงปรากฏเป็นทารกน้อยในหมู่บ้านเบธเลเฮม ผู้ฉกชิงก็ลงแรงพยายามทำให้พระองค์พินาศ มันใช้ทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อขัดขวางพระเยซูไม่ให้เกิดการพัฒนาเป็นวัยเด็กที่สมบูรณ์แบบ เป็นชายหนุ่มที่ไร้ตำหนิ ประกอบพันธกิจที่บริสุทธิ์ และเป็นเครื่องถวายบูชาที่ไร้มลทิน แต่มันพ่ายแพ้ มันชักนำพระเยซูให้ทำบาปไม่ได้ มันทำให้พระองค์ท้อแท้หรือผลักใสพระองค์ไปจากการประกอบพระราชกิจที่พระองค์เสด็จมาอยู่ในโลกไม่ได้ จากถิ่นทุรกันดารไปจนถึงคาลวารี พายุแห่งความโกรธเกรี้ยวของซาตานโหมกระหน่ำเข้าใส่พระองค์ แต่พายุที่กระหน่ำลงมายิ่งรุนแรงอย่างไร้ปรานีมากเท่าไร พระบุตรของพระเจ้าก็ยิ่งยึดพระหัตถ์ของพระบิดาของพระองค์ไว้อย่างมั่นคงมากขึ้นเท่านั้น และทรงมุ่งมั่นต่อไปบนเส้นทางที่เปื้อนพระโลหิต ความพยายามทั้งหมดของซาตานในการบีบคั้นและเอาชนะพระองค์กลับนำมาซึ่งพระลักษณะอุปนิสัยที่บริสุทธิ์ไร้ตำหนิมากยิ่งขึ้น {DA 759.4}
ชาวสวรรค์และโลกทั้งหมดที่ไม่ได้ล้มลงในบาปร่วมเป็นประจักษ์พยานในความขัดแย้งนี้ พวกเขาติดตามฉากช่วงปิดท้ายของการต่อสู้ด้วยใจจดใจจ่ออย่างมากยิ่ง พวกเขาเห็นพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จเข้าไปในสวนเกทเสมนี วิญญาณจิตของพระองค์ถูกทับถมด้วยความสยดสยองของความมืดอันยิ่งใหญ่ พวกเขาได้ยินพระสุรเสียงร้องอันขมขื่นของพระองค์ "โอพระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าเป็นได้ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด" มัทธิว 26 ข้อที่ 39 ในขณะที่การสถิตอยู่ด้วยของพระบิดากำลังถูกถอนตัวออกไป พวกเขามองเห็นพระองค์ระทมทุกข์ด้วยความโศกเศร้าที่ขมขื่นมากเกินกว่าการต่อสู้ดิ้นรนอย่างรุนแรงครั้งสุดท้ายที่มีต่อความตาย พระเสโทดั่งพระโลหิตถูกบีบแค้นออกจากรูขุมขนของพระองค์ และหลั่งลงกับพื้นเป็นหยดขนาดใหญ่ คำอธิษฐานทูลขอการช่วยกู้ออกจากริมพระโอษฐ์ถึงสามครั้ง ชาวสวรรค์ทนดูภาพเช่นนี้ไม่ได้อีกต่อไปและผู้สื่อข่าวคนหนึ่งได้ถูกบัญชาให้ไปปลอบประโลมพระบุตรของพระเจ้า {DA 759.5}
ชาวสวรรค์เฝ้ามองพระผู้ทรงเป็นเหยื่อถูกทรยศตกไปอยู่ในเงื้อมมือของฝูงฆาตกร และด้วยการเยาะเย้ยและความรุนแรงทรงถูกนำจากศาลพิพากษาหนึ่งไปยังอีกศาลหนึ่งด้วยความเร่งรีบ พวกเขาได้ยินเสียงเย้ยหยันจากกลุ่มผู้ข่มเหงพระองค์ในเรื่องการประสูติการอันต่ำต้อยของพระองค์ พวกเขาได้ยินคำปฏิเสธพร้อมกับคำสาปแช่งและคำสบถสาบานจากหนึ่งในสาวกคนที่รักที่สุดของพระองค์ พวกเขาเห็นการทำงานที่บ้าคลั่งของซาตานและอำนาจของมันที่อยู่เหนือจิตใจมนุษย์ โอ้ ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่งเพียงไร! พระผู้ช่วยให้รอดทรงถูกจับในสวนเกทเสมนีในเวลาเที่ยงคืน ถูกฉุดลากไปมาจากพระราชวังไปยังห้องโถงพิพากษา ถูกข้อกล่าวหาต่อหน้าพวกปุโรหิตถึงสองครั้ง ต่อหน้าสภาซันเฮดรินสองครั้ง ต่อหน้าปีลาตสองครั้ง และต่อหน้าเฮโรดหนึ่งครั้ง ถูกเยาะเย้ย ถูกโบยตี ถูกกำหนดโทษและถูกนำไปตรึงกางเขน ทรงแบกไม้กางเขนที่หนักอึ้งท่ามกลางเสียงครวญครางของบุตรีแห่งเยรูซาเล็มและเสียงโห่ร้องของฝูงชนชั้นต่ำ {DA 760.1}
ด้วยความเศร้าสลดและความประหลาดใจ ชาวสวรรค์เฝ้ามองพระคริสต์แขวนอยู่บนไม้กางเขน พระโลหิตไหลจากพระกรรเจียก (ขมับ) ที่บาดเจ็บและเหงื่อผสมพระโลหิตเกาะอยู่บนพระขนง (คิ้ว) พระโลหิตทีละหยดไหลจากพระหัตถ์และพระบาทของพระองค์ลงไปยังซอกหินที่เจาะไว้รับไม้กางเขน บาดแผลตะปูเปิดเหวอะหวะจากน้ำหนักของพระวรกายที่ถ่วงลงไป ในขณะที่จิตวิญญาณของพระองค์หอบเหนื่อยอยู่ภายใต้ภาระบาปของโลกนั้น การหายใจอันยากลำบากของพระองค์ก็เริ่มหายใจเร็วขึ้นและลึกขึ้น ชาวสวรรค์ทั้งหมดเต็มล้นไปด้วยความอัศจรรย์ใจเมื่อพระเยซูอธิษฐานท่ามกลางความทุกข์ทรมานอันเลวร้ายของพระองค์ว่า "พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงยกโทษพวกเขาเพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร" ลูกา 23 ข้อที่ 34 ถึงกระนั้นก็ยังมีมนุษย์ที่สร้างมาตามแบบพระฉายาของพระเจ้ายืนอยู่ตรงนั้นเข้าร่วมกันบดขยี้เอาชีวิตของพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า ชาวสวรรค์ทั้งจักรวาลกำลังเฝ้ามองภาพอะไรกันอยู่นี้! {DA 760.2}
พวกภูตผีที่ครอบครอง และพวกภูตผีที่มีอำนาจรวมตัวกันอยู่รอบกางเขน ทอดเงามืดนรกของความไม่เชื่อเข้าไปยังหัวใจมนุษย์ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ให้ยืนอยู่เบื้องหน้าบัลลังก์ของพระองค์นั้น พวกเขาสวยงามและมีสง่าราศี ความน่ารักและความบริสุทธิ์ของพวกเขาสอดคล้องฐานันดรศักดิ์อันสูงส่งของพวกเขา พวกเขาได้รับการเสริมด้วยพระปัญญาของพระเจ้า และคาดด้วยชุดเกราะของชาวสวรรค์ พวกเขาเป็นผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ แต่ใครเล่าจะมองเห็นว่าในทูตสวรรค์ที่ล้มลงในบาปผู้นี้จริงๆ แล้วคือเสราฟิมผู้เต็มล้นด้วยสง่าราศีและในอดีตเคยปรนนิบัติรับใช้ในราชสำนักแห่งสรวงสวรรค์? {DA 760.3}
สื่อตัวแทนของซาตานร่วมมือกับคนชั่วนำผู้คนให้เชื่อว่าพระคริสต์ทรงเป็นคนบาปตัวเอ้ และทำให้พระองค์เป็นเป้าหมายของความเกลียดชัง พวกที่เยาะเย้ยพระคริสต์ขณะที่พระองค์ทรงถูกแขวนอยู่บนกางเขนต่างก็ถูกซึมซาบด้วยวิญญาณของจอมกบฏยิ่งใหญ่คนแรก มันเติมพวกเขาด้วยคำพูดเลวทรามชั่วช้าและน่ารังเกียจ มันดลบันดาลคำพูดเสียดสีของพวกเขา แต่ด้วยการกระทำทั้งหมดนี้ มันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย {DA 760.4}
หากจะพบหนึ่งบาปในตัวพระคริสต์ หากพระองค์ทรงยอมแพ้ต่อซาตานในเรื่องหนึ่งเพื่อหนีให้พ้นจากการทรมานอันน่ากลัวแล้ว ศัตรูของพระเจ้าและของมนุษย์ก็จะได้รับชัยชนะ พระคริสต์ทรงก้มพระพักตร์ลงและสิ้นพระชนม์ แต่พระองค์ทรงยึดมั่นในความเชื่อและการยอมจำนนต่อพระเจ้า "และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังในสวรรค์กล่าวว่า ‘บัดนี้ความรอดและฤทธิ์เดชและอาณาจักรของพระเจ้าของเราและสิทธิอำนาจของพระคริสต์ของพระองค์มาถึงแล้ว เพราะว่าผู้กล่าวหาพี่น้องของเราถูกโยนลงไปแล้ว คือผู้ที่กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น’” วิวรณ์ 12 ข้อที่ 10 {DA 761.1}
ซาตานเห็นว่าเครื่องอำพรางตัวของมันถูกกระชากออกไปแล้ว การบริหารจัดการของมันถูกเปิดโปงต่อหน้าทูตสวรรค์ที่ไม่เคยล้มลงในบาปและต่อหน้าชาวสวรรค์ของจักรวาล มันเปิดเผยตนเองในฐานะฆาตกร ด้วยการทำให้พระโลหิตของพระบุตรของพระเจ้าหลั่งออกมานั้น มันจึงได้ถอนรากถอนโคนตัวเองออกไปจากความเห็นใจของชาวสวรรค์ ต่อแต่นี้ไป งานของมันจะถูกจำกัด ไม่ว่ามันจะแสร้งปลอมตัวด้วยลักษณะท่าทางอย่างไร มันจะไม่สามารถยืนรอคอยเหล่าทูตสวรรค์ที่ออกมาจากราชสำนักชองสวรรค์และกล่าวโทษต่อหน้าทูตสวรรค์ว่าพี่น้องของพระคริสต์สวมใส่ชุดอาภรณ์แห่งความมืดและเปรอะเปื้อนด้วยบาปได้อีกต่อไป ข้อต่อสุดท้ายแห่งความเห็นใจระหว่างซาตานและบรรดาโลกต่างๆ ในสวรรค์ถูกทำลายไปแล้ว {DA 761.2}
ถึงกระนั้นในเวลานั้น ซาตานก็ยังไม่ถูกทำลาย บรรดาทูตสวรรค์ยังไม่แม้แต่จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่นี้ หลักการต่างๆ ที่ตกอยู่ในความเสี่ยงนั้นจะถูกเปิดเผยอย่างเต็มที่ออกมาให้เห็นมากกว่านี้ และเพื่อเห็นแก่มนุษย์ ซาตานจึงยังต้องดำรงอยู่ต่อไป ทั้งมนุษย์และทูตสวรรค์จะต้องมองให้เห็นความแตกต่างระหว่างพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าชายแห่งความสว่างและซาตานที่เป็นเจ้าชายแห่งความมืด มนุณย์จะต้องเลือกว่าจะรับใช้ผู้ใด {DA 761.3}
ในการเปิดฉากความขัดแย้งครั้งยิ่งใหญ่นั้น ซาตานประกาศไว้ว่ามนุษย์เชื่อปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้าไม่ได้ มันยังประกาศด้วยว่าความยุติธรรมกับพระเมตตานั้นไปด้วยกันไม่ได้และว่าหากฝ่าฝืนธรรมบัญญัติของพระเจ้าแล้วคนบาปจะไม่มีทางได้รับอภัยอีกเลย มันยังผลักดันว่า ทุกบาปจะต้องถูกลงโทษ และหากพระเจ้าจะยกเลิกการลงโทษบาป พระองค์จะไม่ใช่พระเจ้าแห่งความจริงและความยุติธรรม เมื่อมนุษย์ฝ่าฝืนธรรมบัญญัติของพระเจ้าและล่วงละเมิดพระประสงค์ของพระองค์ ซาตานปลื้มปิติมาก มันประกาศว่า สิ่งนี้พิสูจน์แล้วว่าธรรมบัญญัติของพระเจ้านั้นไม่สามารถเชื่อปฏิบัติตามได้ และมนุษย์ไม่อาจได้รับการอภัยได้เนื่องจากหลังก่อการกบฏตัวมันเองก็ถูกขับออกจากสวรรค์ ซาตานจึงอ้างว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะต้องถูกตัดออกจากความโปรดปรานของพระเจ้าไปตลอดกาล มันชี้ชวนว่าพระเจ้าทรงความยุติเที่ยงธรรม และขณะเดียวกันทรงสำแดงความเมตตาต่อคนบาปไม่ได้ {DA 761.4}
แต่แม้ในขณะที่เป็นคนบาป มนุษย์ก็มีสถานภาพที่แตกต่างจากสถานะของซาตาน ในสวรรค์ลูซิเฟอร์ทำบาปในขณะที่เขาอยู่ภายใต้แสงสว่างแห่งพระสิริของพระเจ้า ตัวเขาเองได้รับการเปิดเผยถึงความรักของพระเจ้าในขณะที่ไม่มีสิ่งทรงสร้างอื่นใดได้รับการเปิดเผยเช่นนี้ เขาเข้าใจพระลักษณะนิสัยของพระเจ้า และรู้ถึงคุณความดีของพระองค์ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะทำตามความตั้งใจอันเห็นแก่ตัวและเป็นอิสระของตนเอง การเลือกนี้เป็นการเลือกครั้งสุดท้าย ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงประกอบกิจเพื่อช่วยเขาให้รอดใด้อีกต่อไป แต่ซาตานใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกมนุษย์จนทำให้จิตใจของเขามืดบอดไป ความสูงและความล้ำลึกของความรักของพระเจ้านั้น เขาไม่เคยทราบ สำหรับเขายังมีความหวังในความรู้เรื่องความรักของพระเจ้า ด้วยการเฝ้ามองพระลักษณะนิสัยของพระองค์ เขาจะถูกดึงดูดให้กลับไปหาพระเจ้าได้ {DA 761.5}
พระเมตตาคุณของพระเจ้าทรงโปรดสำแดงให้แก่มนุษย์ผ่านทางพระเยซู แต่ความเมตตาไม่ได้ปัดความยุติธรรมทิ้งไป ธรรมบัญญัติของพระเจ้าเปิดเผยให้เห็นคุณลักษณะของพระลักษณะนิสัยของพระเจ้า และแม้อักษรที่เล็กที่สุด หรือขีดขีดหนึ่ง ก็ไม่อาจจะถูกเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เข้ากับสภาพที่ล้มลงในบาปของมนุษย์ พระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนธรรมบัญญัติของพระองค์ แต่พระองค์ทรงเสียสละพระองค์เองคือในพระคริสต์ เพื่อให้มนุษย์ให้รอดพ้นจากบาป “พระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกับพระองค์โดยพระคริสต์” 2 โครินธ์ 5 ข้อที่ 19 {DA 762.1}
ธรรมบัญญัติต้องการความชอบธรรม คือชีวิตชอบธรรมซึ่งมีลักษณะอุปนิสัยที่สมบูรณ์แบบ และสิ่งนี้มนุษย์มอบให้ไม่ได้ เขาสนองข้อกำหนดของธรรมบัญญัติอนบริสุทธิ์ของพระเจ้าไม่ได้ แต่พระคริสต์เมื่อเสด็จมาในโลกในสภาพมนุษย์ ทรงดำรงชีวิตที่บริสุทธิ์ และทรงพัฒนาลักษณะอุปนิสัยที่สมบูรณ์แบบ ชีวิตที่บริสุทธิ์และพระลักษณ์นิสัยที่สมบูรณ์นี้พระองค์ทรงเสนอเป็นของประทานที่ให้เปล่าแก่ทุกคนที่จะยอมรับไว้ ชีวิตของพระองค์เข้าแทนที่ชีวิตของมนุษย์ ด้วยประการฉะนี้โดยทางความอดกลั้นของพระเจ้า พวกเขาจึงได้รับการชำระจากบาปในอดีต ยิ่งไปกว่านี้ พระคริสต์ทรงปลูกฝังคุณลักษณะของพระเจ้าเข้าไปในตัวมนุษย์ พระองค์ทรงเสริมสร้างลักษณะอุปนิสัยของมนุษย์ให้เป็นไปตามพระฉายาของลักษณะนิสัยของพระเจ้า เป็นโครงสร้างชั้นเลิศที่แข็งแรงและงดงามทางจิตวิญญาณ ด้วยประการฉะนี้ความชอบธรรมของธรรมบัญญัติจึงสำเร็จเป็นจริงในผู้เชื่อในพระคริสต์ พระเจ้า "ทรงเป็นผู้ชอบธรรม และทรงให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย" โรม 3 ข้อที่ 26 {DA 762.2}
ความรักของพระเจ้าสำแดงออกให้เห็นในความยุติธรรมของพระองค์ไม่น้อยไปกว่าในพระเมตตาคุณของพระองค์ ความยุติธรรมเป็นรากฐานบัลลังก์ของพระองค์ และเป็นผลแห่งความรักของพระองค์ ซาตานตั้งใจแยกความเมตตาออกไปจากความจริงและความยุติธรรม มันลงแรงพิสูจน์ว่าความชอบธรรมของธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นศัตรูต่อสันติภาพ แต่พระคริสต์ทรงสำแดงให้เห็นว่าในแผนการของพระเจ้าสิ่งเหล่านี้รวมเข้าด้วยกันอย่างแยกออกจากกันไม่ได้ อย่างหนึ่งอย่างใดอยู่ไม่ได้หากไม่มีอีกอย่าง "ความเมตตาและความจริงได้พบกัน ความชอบธรรมและสันติภาพได้จุบกันและกัน" สดุดี 85 ข้อที่ 10 TKJV {DA 762.3}
โดยชีวิตและความมรณาของพระองค์ พระคริสต์ทรงพิสูจน์ให้เห็นว่าความยุติธรรมของพระเจ้าไม่ได้ทำลายพระเมตตาคุณของพระองค์ แต่พระเจ้าอภัยบาปได้และธรรมบัญญัติก็ชอบธรรม และเชื่อปฏิบัติอย่างครบถ้วนได้ ข้อกล่าวหาของซาตานถูกหักล้างไป พระเจ้าประทานหลักฐานที่ไม่ผิดเพี้ยนถึงความรักของพระองค์ให้แก่มนุษย์ {DA 762.4}
บัดนี้มีการนำเสนอการหลอกลวงอีกประการหนึ่งขึ้นมา ซาตานประกาศว่าความเมตตาทำลายความยุติธรรมและว่าการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ทำให้ธรรมบัญญัติของพระบิดาถูกยกเลิกไป หากมีทางเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกธรรมบัญญัติได้แล้ว พระคริสต์ก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นพระชนม์ แต่กรยกเลิกธรรมบัญญัติจะทำให้การล่วงละเมิดคงอยู๋ชั่วนิรันดร์และทำให้โลกตกไปอยู่ภายใต้การควบคุมของซาตาน แต่เป็นเพราะธรรมบัญญัตินั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้ และเป็นเพราะมนุษย์จะรอดได้โดยเชื่อฟังธรรมบัญญัติเท่านั้น ที่ทำให้พระเยซูต้องถูกยกขึ้นบนไม้กางเขน กระนั้น โดยวิธีเดียวกันที่พระคริสต์ทรงใช้ในการสถาปนาธรรมบัญญัติ ซาตานกลับนำเสนอว่าวิธีนั้นเป็นการทำลายธรรมบัญญัติ นี่คือความขัดแย้งสุดท้ายครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นระหว่างพระคริสต์กับซาตาน {DA 762.5}
ซาตานนำเสนอว่าธรรมบัญญัติที่พระเจ้าตรัสด้วยพระสุรเสียงของพระองค์เองนั้นบกพร่อง และมีการปัดทิ้งคุณลักษณะบางประการของธรรมบัญญัติทิ้งไป เรื่องนี้จะเป็นประเด็นของการหลอกลวงครั้งยิ่งใหญ่สุดท้ายที่มันจะนำมาเสนอให้แก่ชาวโลก มันไม่จำเป็นต้องโจมตีธรรมบัญญัติทั้งฉบับ หากมันเพียงจะนำให้มนุษย์ละเลยธรรมบัญญัติได้แม้เพียงข้อเดียว มันก็ได้มาซึ่งเป้าประสงค์ของมันแล้ว "เพราะว่าใครที่รักษาธรรมบัญญัติทั้งหมด แต่ผิดอยู่ข้อเดียว คนนั้นก็ทำผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด" ยากอบ 2 ข้อที่ 10 ด้วยการยินยอมที่จะทำผิดธรรมบัญญัติเพียงข้อเดียว มนุษย์ก็จะตกไปอยู่ภายใต้อำนาจของซาตาน ซาตานลงแรงที่จะเข้าควบคุมโลกด้วยการนำเอาบัญญัติของมนุษย์ไปแทนที่ธรรมบัญญัติของพระเจ้า งานนี้ได้เปิดเผยล่วงหน้าไว้แล้วในคำพยากรณ์ มีการเปิดเผยถึงอำนาจของผู้ละทิ้งความเชื่อซึ่งเป็นตัวแทนของซาตานไว้ว่า "ท่านจะพูดคำกล่าวร้ายองค์ผู้สูงสุด และจะข่มเหงบรรดาผู้บริสุทธิ์ขององค์ผู้สูงสุดนั้น และจะคิดเปลี่ยนแปลงวาระและธรรมบัญญัติต่างๆ และเขาทั้งหลายจะถูกมอบไว้ในมือของท่าน" ดาเนียล 7 ข้อที่ 25 {DA 763.1}
แน่นอนทีเดียวมนุษย์จะตั้งกฎหมายของตนขึ้นเพื่อขัดขวางธรรมบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาจะพยายามบังคับจิตใต้สำนึกของผู้อื่นและบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้ด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาจะกดขี่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน {DA 763.2}
สงครามที่ต่อต้านธรรมบัญญัติของพระเจ้าซึ่งเริ่มขึ้นในสวรรค์จะดำเนินต่อไปจนกว่าจะสิ้นยุค มนุษย์ทุกคนจะถูกทดสอบ การเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังเป็นปัญหาที่คนทั้งโลกต้องตัดสิน ทุกคนได้รับการทรงเรียกให้เลือกระหว่างธรรมบัญญัติของพระเจ้าและกฎหมายของมนุษย์ จะมีเส้นแบ่งแยกเกิดขึ้นให้เห็น จะมีเพียงคนสองกลุ่ม ทุกลักษณะอุปนิสัยจะถูกพัฒนาอย่างเต็มที่ และทุกคนจะแสดงออกว่าจะเลือกเข้าข้างฝ่ายภักดีหรือฝ่ายกบฏ {DA 763.3}
จากนั้นที่สุดปลายจะมาถึง พระเจ้าจะทรงแก้ต่างให้ธรรมบัญญัติของพระองค์ และช่วยคนของพระองค์ให้รอด ซาตานและทุกคนที่เข้าร่วมในการกบฏกับมันจะถูกตัดออกไป บาปและคนบาปจะพินาศ ทั้งรากและกิ่งก้าน (มาลาคี 4 ข้อที่ 1) ซาตานเป็นรากและผู้ติดตามของมันเป็นกิ่งก้าน พระดำรัสจะสำเร็จในเรื่องเจ้าชายแห่งความชั่วร้ายจะสำเร็จที่ว่า “เจ้ายึดถือใจของเจ้าว่าเป็นใจของพระเจ้า. . . .โอ เครูบผู้พิทักษ์เอ๋ย . . . .เราจะกำจัดเจ้าเสียจากท่ามกลางศิลาเพลิง. . . .เจ้าจะสิ้นสูญลงอย่างน่าครั่นคร้าม และจะไม่ดำรงอยู่อีกต่อไปเป็นนิตย์” หลังจากนั้น “คนชั่วจะไม่มีอีก แม้จะมองดูที่ที่ของเขาให้ดี เขาก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น” "เขาจะเป็นเหมือนอย่างที่ไม่เคยเกิดมา" เอเสเคียล 28 ข้อที่ 6-19; บทเพลงสรรเสริญ 37 ข้อที่ 10; โอบาดี 16 TKVJ {DA 763.4}
นี่ไม่ใช่การใช้อำนาจตามอำเภอใจในส่วนของพระเจ้า ผู้ที่ปฏิเสธพระเมตตาของพระองค์จะเก็บเกี่ยวสิ่งที่พวกเขาหว่าน พระเจ้าทรงเป็นน้ำพุแห่งชีวิต และเมื่อคนหนึ่งเลือกการรับใช้บาปเขาก็แยกตัวออกจากพระเจ้า และด้วยเหตุนี้จึงตัดตัวเองขาดจากชีวิต เขา "ขาดจากชีวิตที่มาจากพระเจ้า" พระคริสต์ตรัส "ทุกคนที่เกลียดข้าพเจ้าก็รักความมรณา" เอเฟซัส 4 ข้อที่ 18; สุภาษิต 8 ข้อที่ 36 พระเจ้าทรงให้พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อจะพัฒนาลักษณะอุปนิสัยและเปิดเผยหลักการของพวกเขา เมื่อทำสิ่งนี้สำเร็จแล้ว พวกเขาจะได้รับผลจากการเลือกของตนเอง ด้วยชีวิตแห่งการกบฏทำให้ซาตานและทุกคนที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับมันนำตัวเองออกจากความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าจนถึงขั้นที่การสถิตอยู่ของพระองค์จะเป็นดั่งเพลินที่เผาผลาญสำหรับพวกเขา พระสิริของพระองค์ผู้ทรงเป็นความรักจะทำลายพวกเขา {DA 764.1}
ในช่วงแรกเริ่มของความขัดแย้งครั้งยิ่งใหญ่ ทูตสวรรค์ไม่เข้าใจเรื่องนี้ หากซาตานและบริวารของมันถูกปล่อยให้เก็บเกี่ยวผลของบาปอย่างเต็มที่แล้วพวกมันก็จะพินาศ แต่ชาวสวรรค์จะมองไม่เห็นว่านี่คือผลของบาปที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความสงสัยในคุณความดีของพระเจ้าจะยังคงค้างอยู่ในจิตใจของพวกเขาดั่งเมล็ดพันธุ์ชั่วที่จะเกิดผลร้ายของบาปและความวิบัติ {DA 764.2}
แต่จะไม่เป็นอย่างนั้นเมื่อความขัดครั้งแย้งยิ่งใหญ่จะสิ้นสุดลง ในเวลานั้น แผนการไถ่บาปได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว พระลักษณะนิสัยของพระเจ้าก็ถูกเปิดเผยออกมาต่อสิ่งที่ทรงสร้างทั้งปวงที่มีปัญญา คำสอนของธรรมบัญญัติดีพร้อมสมบูรณ์และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ในเวลานั้นบาปเปิดตัวให้เห็นถึงธรรมชาติของมัน ให้เห็นถึงลักษณะอุปนิสัยของซาตาน และแล้วการทำลายบาปให้หมดสิ้นไปจะแก้ต่างให้กับความรักของพระเจ้าและสถาปณาพระเกียรติของพระองค์ต่อหน้าชาวสวรรค์ของจักรวาลที่ชื่นชอบที่จะทำตามพระประสงค์ของพระองค์ และในหัวใจของพวกเขามีธรรมบัญญัติของพระองค์ {DA 764.3}
ในเวลานั้นเอง ทูตสวรรค์จะชื่นชมยินดีเมื่อมองดูกางเขนของพระผู้ช่วยให้รอด แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจได้ทั้งหมด พวกเขาก็รู้ว่าบาปและซาตานจะถูกทำลายไปตลอดกาลอย่างแน่นอน พวกเขารู้ว่าการไถ่ของมนุษย์เป็นที่แน่นอนและจักรวาลปลอดภัยชั่วนิรันดร์ พระคริสต์เองทรงเข้าพระทัยอย่างถ่องแท้ถึงผลของการเสียสละที่เกิดขึ้นที่คาลวารี ขณะอยู่บนไม้กางเขนเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรไปภายภาคหน้าถึงเรื่องทั้งหมดนี้ พระองค์จึงทรงร้องขึ้นมาว่า "สำเร็จแล้ว" {DA 764.4}
************