บทที่ 25
การทรงเรียกริมชายฝั่งทะเล
บทนี้อ้างอิงจาก มัทธิว 4 ข้อที่ 18-22; มาระโก 1 ข้อที่ 16-20; ลูกา 5 ข้อที่ 1-11
ฟ้าสางเหนือทะเลสาบกาลิลี สาวกของพระเยซูที่เหน็ดเหนื่อยจากการตรากตรำทั้งคืนอย่างไร้ผลยังคงอยู่ในเรือประมงที่ลอยอยู่บนทะเลสาบ พระเยซูเสด็จมาเพื่อจะประทับอย่างเงียบๆ ริมฝั่งน้ำ ยามรุ่งอรุณเช่นนี้ พระองค์ทรงหวังที่จะหลบจากฝูงชนที่คอยติดตามพระองค์วันแล้ววันเล่า แต่ไม่นานต่อมา ประชาชนเริ่มทยอยกันมาล้อมอยู่รอบพระองค์ จำนวนคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนล้อมพระองค์รอบด้าน ในขณะเดียวกันสาวกก็มาถึงฝั่งแล้ว เพื่อจะหลีกให้พ้นจากการกดดันของฝูงชนพระเยซูทรงก้าวลงเรือของเปโตรและตรัสบัญชาให้ถอยเรือออกจากฝั่ง ตรงนี้เอง คนทั้งหมดมองเห็นพระเยซูได้ดีและฟังพระองค์ได้อย่างชัดเจน และบนเรือนั้นพระองค์ทรงสอนมหาชนที่อยู่บนชายหาด {DA 244.1}
นี่เป็นภาพอะไรกันหนอเพื่อให้ทูตสวรรค์ใคร่ครวญถึงเมื่อผู้บัญชาการอันทรงเกียรติของพวกเขาประทับอยู่ในเรือของชาวประมง แกว่งไปมาตามคลื่นลมปั่นป่วนและประกาศข่าวดีแห่งความรอดให้กับมหาชนที่ตั้งใจฟังและออกันอยู่ริมฝั่งน้ำ! พระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าแห่งพระสิริจากสวรรค์ทรงประกาศเรื่องราวยิ่งใหญ่ของอาณาจักรของพระองค์ในที่กลางแจ้งให้ประชาชนธรรมดาทั่วไปฟัง ถึงกระนั้นพระองค์ก็คงไม่มีฉากอื่นใดสำหรับพระราชกิจของพระองค์ที่เหมาะสมกว่านี้ ทะเลสาบ ภูเขา ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาล แสงแดดที่ปกคลุมพื้นโลก พระองค์ทรงใช้สิ่งของทั้งหมดนี้อธิบายบทเรียนของพระองค์และตราตรึงบทเรียนในจิตใจของพวกเขา และไม่มีบทเรียนใดของพระคริสต์ที่จะไม่เกิดผล ทุกข่าวสารที่ออกจากริมพระโอษฐ์ของพระองค์เข้าถึงจิตวิญญาณของบางคนดั่งพระวจนะแห่งชีวิตนิรันดร์ {DA 244.2}
จำนวนฝูงชนที่มายังริมชายฝั่งเพิ่มมากขึ้นทุกวินาที ชายชราค้ำยันไม้เท้าเดินเข้ามา ชาวนาที่แข็งแกร่งเดินทางมาจากเนินเขา ชาวประมงเหน็ดเหนื่อยมาจากการทำงานตรากตรำในทะเลสาบ พ่อค้าและธรรมาจารย์ คนร่ำรวยและผู้คงแก่เรียน คนแก่และเยาวชน ต่างนำผู้ป่วยและผู้ทุกข์ทรมานเบียดเข้ามาฟังพระเจ้าพระอาจารย์จากเบื้องบน ด้วยฉากเช่นนี้ผู้เผยพระวจนะตั้งตารอเหตุการณ์เช่นนี้และได้บันทึกไว้ว่า ข้อที่
“แคว้นเศบูลุนและแคว้นนัฟทาลี
ที่อยู่บนทางไปยังทะเล และฝั่งแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น
กาลิลีของพวกต่างชาติ
ประชาชนผู้นั่งอยู่ในความมืด
ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่
และผู้ที่นั่งอยู่ในแดนและเงาแห่งความตาย
ก็มีความสว่างส่องถึงพวกเขาแล้ว” {DA 245.1}
นอกจากฝูงชนบนฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรทแล้ว ในการเทศนาของพระเยซูที่ริมฝั่งน้ำนั้นพระองค์ยังทรงมีผู้ฟังอื่นๆ อยู่ในพระดำริของพระองค์ พระองค์ทรงมองไปยังเวลาของยุคต่อมา พระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนสัตย์ซื่อของพระองค์ในคุกและห้องพิพากษา ในการทดลองและความโดดเดี่ยวเหงาใจและความทุกข์ยาก ทุกฉากแห่งความสุขและความขัดแย้งและความสับสนงุนงงได้เปิดออกต่อเบื้องพระองค์ ด้วยพระดำรัสที่ตรัสกับคนที่รวมตัวกันรอบพระองค์นั้น พระองค์ตรัสกับจิตวิญญาณอื่นๆ เหล่านั้นด้วยพระดำรัสเดียวกัน เป็นข่าวแห่งความหวังในการทดลอง เป็นคำปลอบประโลมในความเศร้าโศกและแสงสว่างแห่งสวรรค์ในความมืด โดยผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ เสียงที่พูดจากเรือของชาวประมงบนทะเลสาบกาลิลีจะได้ยินเป็นเสียงที่ตรัสพระดำรัสแห่งสันติสุขกับจิตใจมนุษย์ไปจนถึงสิ้นยุค {DA 245.2}
เมื่อพระเยซูทรงสอนเสร็จ พระองค์ทรงหันไปหาเปโตรและตรัสให้เขาถอยเรือออกไปที่น้ำลึกแล้วให้หย่อนอวนลงจับปลา แต่เปโตรท้อใจ ตลอดคืนเขาไม่ได้ปลาสักตัว ในระหว่างช่วงเวลาที่โดดเดี่ยวเหงาใจเขานึกถึงชะตากรรมของยอห์นผู้ให้บัพติศมาที่อิดโรยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในคุกมืดใต้ดิน เขานึกถึงกาลภายหน้าของพระเยซูและผู้ติดตามของพระองค์ คิดถึงความล้มเหลวของการทำงานในแคว้นยูเดียและความอาฆาตแค้นของปุโรหิตและธรรมาจารย์ แม้แต่อาชีพของเขาเองก็ยังทำให้เขาผิดหวัง และขณะที่เขามองดูอวนที่ว่างเปล่า อนาคตดูเหมือนมืดมนด้วยความท้อแท้ "อาจารย์" เขาพูด "เราทอดอวนมาตลอดทั้งคืนแล้วไม่ได้อะไรเลย แต่ข้าพเจ้าก็จะหย่อนอวนลงตามคำของท่าน” {DA 245.3}
กลางคืนเป็นเวลาเหมาะที่สุดเพื่อใช้อวนจับปลาในน้ำทะเลใสของทะเลสาบ หลังจากเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งคืนโดยไม่ประสบความสำเร็จ ดูเหมือนว่าเป็นการสิ้นหวังที่จะหย่อนอวนในเวลากลางวัน แต่นี่เป็นพระบัญชาของพระเยซูและด้วยความรักที่มีต่อพระอาจารย์ก็ทำให้พวกสาวกเชื่อฟัง ซีโมนและน้องชายของเขาปล่อยอวนลงไป ในขณะที่พวกเขาพยายามดึงอวนเข้ามานั้น ปลาจำนวนมากที่ติดอยู่ในนั้นก็เริ่มทำให้อวนขาด พวกเขาจึงต้องเรียกยากอบและและยอห์นมาช่วย เมื่อเอาปลาขึ้นมาหมดแล้ว เรือทั้งสองลำก็มีปลาเต็มทั้งลำ จนทำให้เรือตกอยู่ในภัยอันตรายที่จะจม {DA 246.1}
แต่เปโตรไม่ใส่ใจกับเรื่องของเรือหรือของที่บรรทุกอยู่ในเรือ การอัศจรรย์ครั้งนี้เหนือกว่าการอัศจรรย์ครั้งอื่นใดที่เขาเคยพบเห็นมาก่อน สำหรับเขาแล้วเป็นการเปิดเผยถึงอำนาจของพระเจ้า ในพระเยซูเขามองเห็นพระเจ้าองค์หนึ่งผู้ทรงมีอำนาจเหนือธรรมชาติอยู่ในการควบคุมของพระองค์ การสถิตอยู่ร่วมด้วยของพระเจ้าเปิดเผยให้เขามองเห็นถึงความไม่บริสุทธิ์ของตัวเขาเอง ความรักที่เขามีไว้ถวายพระอาจารย์ของเขา ความอับอายต่อความไม่เชื่อของตัวเขาเอง ความซาบซึ้งต่อการเสด็จลงมาของพระคริสต์ เหนือสิ่งอื่นใด ความตระหนักถึงความไม่สะอาดของเขาที่อยู่ต่อเบื้องพระองค์ผู้ทรงความบริสุทธิ์ทำให้เขาตะลึงงัน ในขณะที่สหายของเขาคอยเก็บปลาในอวน เปโตรทรุดตัวลงแทบพระบาทของพระผู้ช่วยให้รอดทูลว่า "นายเจ้าข้า ขอท่านไปให้ห่างจากข้าพเจ้าเถิด เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นคนบาป” {DA 246.2}
การทรงปรากฏตัวด้วยความบริสุทธิ์อย่างเดียวกันที่ทำให้ผู้เผยพระวจนะดาเนียลล้มลงเหมือนคนตายต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้า เขากล่าวว่า "ข้าพเจ้าก็สิ้นเรี่ยวสิ้นแรง หน้าของข้าพเจ้าก็ซีดไป ข้าพเจ้าหมดแรง" เช่นเดียวกันเมื่ออิสยาห์เห็นพระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าเขาร้องขึ้นว่า "วิบัติแก่ข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้าพินาศแล้ว เพราะข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากไม่สะอาดและข้าพเจ้าอยู่ท่ามกลางชนชาติที่ริมฝีปากไม่สะอาด แต่ดวงตาของข้าพเจ้าได้เห็นกษัตริย์ คือพระยาห์เวห์จอมทัพ" ดาเนียล 10 ข้อที่ 8; อิสยาห์ 6 ข้อที่ 5 เมื่อมนุษยชาติที่อ่อนแอและบาปถูกนำมาเทียบเคียงกับความบริบูรณ์ของพระเจ้า เขาก็รู้สึกได้ถึงความบกพร่องและไม่บริสุทธิ์อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นแหละทุกคนที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่และความสง่างามของพระเจ้าก็จะเป็นเช่นนั้น {DA 246.3}
เปโตรร้องอุทานขึ่นมาว่า "ขอท่านไปให้ห่างจากข้าพเจ้าเถิด เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นคนบาป” แต่กระนั้นเขาก็ยึดพระบาทของพระเยซูไว้แน่น ตระหนักว่าเขาแยกตัวออกจากพระองค์ไม่ได้ พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า "อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไปท่านจะเป็นผู้จับคน" หลังจากที่อิสยาห์เห็นความบริสุทธิ์ของพระเจ้าและความไม่คู่ควรของตัวเขาเองในการได้รับความไว้วางใจจากข่าวสารศักดิ์สิทธิ์ หลังจากเปโตรได้รับการชักนำให้ปฏิเสธตนเองและพึ่งในอำนาจของพระเจ้าแล้ว เขาจึงได้รับการทรงเรียกให้ทำงานเพื่อพระคริสต์ {DA 246.4}
จนถึงเวลานี้ไม่มีสาวกคนใดเข้าร่วมรับใช้ในพระราชกิจกับพระเยซูอย่างเต็มตัว พวกเขาเป็นประจักษ์พยานการอัศจรรย์มากมายของพระองค์ และสดับฟังคำสอนของพระองค์มาแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้ละทิ้งงานเดิมของพวกเขาไป การจำคุกของยอห์นผู้ให้บัพติศมาทำให้พวกเขาผิดหวังอย่างขมขื่น หากเรื่องเช่นนี้จะเป็นผลลัพธ์ของภารกิจของยอห์นแล้ว พวกเขาคงมีความหวังอันน้อยนิดต่อพระอาจารย์ของพวกเขา เพราะผู้นำศาสนาทั้งหมดร่วมมือกันต่อต้านพระองค์ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขารู้สึกโล่งใจที่ได้กลับไปทำการประมงสักระยะหนึ่ง แต่บัดนี้พระเยซูทรงเรียกพวกเขาให้ละทิ้งชีวิตในอดีตและเข้ามาร่วมรับผลประโยชน์กับพระองค์ เปโตรตอบรับการทรงเรียกแล้ว เมื่อมาถึงชายฝั่งพระเยซูตรัสบัญชาสาวกสามคนว่า "จงตามเรามา และเราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดั่งหาปลา" ทันใดนั้นพวกเขาละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและติดตามพระองค์ {DA 246.5}
ก่อนที่พระเยซูจะทรงเรียกพวกเขาให้ละทิ้งอวนและเรือประมงไปนั้น พระองค์ประทานความมั่นใจไว้ให้แก่พวกเขาว่าพระเจ้าจะทรงจัดเตรียมสิ่งที่พวกเขาต้องการ การใช้เรือของเปโตรเพื่อรับใช้ในพันธกิจกิตติคุณข่าวประเสริฐได้รับการตอบแทนอย่างบริบูรณ์แล้ว พระองค์พระผู้ "ประทานอย่างบริบูรณ์แก่ทุกคนที่ทูลขอต่อพระองค์" ตรัสไว้ว่า "จงให้เขา แล้วพวกท่านจะได้รับด้วยแบบยัดสั่นแน่นพูนล้นเต็มหน้าตักของท่าน" โรม 10 ข้อที่ 12; ลูกา 6 ข้อที่ 38 ด้วยการวัดตวงเช่นนี้ พระองค์ทรงตอบแทนการรับใช้ของสาวก และการเสียสละทุกอย่างที่ถวายเพื่อพระราชกิจของพระองค์จะได้รับการตอบแทนตาม "พระคุณอันอุดมเหลือล้นของพระองค์" เอเฟซัส 3 ข้อที่ 20; 2 ข้อที่ 7 {DA 249.1}
ในค่ำคืนอันแสนเศร้าบนทะเลสาบเมื่อพวกเขาแยกจากพระคริสต์ สาวกก็ถูกกดดันอย่างหนักด้วยความไม่เชื่อและเหน็ดเหนื่อยจากงานตรากตรำที่ไร้ผล แต่การปรากฏตัวของพระองค์จุดประกายความเชื่อของพวกเขาขึ้นมาใหม่และนำความสุขและความสำเร็จมาให้พวกเขา เมื่อแยกตัวออกจากพระคริสต์แล้ว พวกเราก็จะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน การงานของเราจะไม่เกิดผลและเราจะคลางแคลงใจและบ่นได้ง่ายๆ แต่เมื่อพระองค์เสด็จมาอยู่ใกล้และเมื่อได้รับใช้ภายใต้การทรงนำของพระองค์ พวกเราจะชื่นชมยินดีในหลักฐานอำนาจของพระองค์ ซาตานลงแรงทำให้จิตวิญญาณท้อแท้หมดกำลังใจ พระราชกิจของพระคริสต์คือการทรงดลบันดาลใจด้วยความเชื่อและความหวัง {DA 249.2}
บทเรียนล้ำลึกของการอัศจรรย์ที่สื่อกับเหล่าสาวกก็เป็นบทเรียนสำหรับเราด้วยเช่นกัน กล่าวคือพระดำรัสของพระองค์ที่รวบรวมปลาจากทะเลจะทรงดลบันดาลใจมนุษย์ได้เช่นกัน และรวบรวมพวกเขาด้วยสายโซ่แห่งความรักของพระองค์เพื่อผู้รับใช้ของพระองค์จะได้ "เป็นผู้หาคนดั่งหาปลา" {DA 249.3}
ชาวประมงแห่งทะเลสาบกาลิลีเหล่านั้นเป็นคนต่ำต้อยและไม่มีการศึกษา แต่พระคริสต์ผู้ทรงเป็นความสว่างของโลกทรงสามารถอย่างเหลือล้นเพื่อทำให้พวกเขามีคุณสมบัติเหมาะกับตำแหน่งที่ทรงเลือกให้แก่พวกเขา พระผู้ช่วยให้รอดไม่ทรงดูแคลนการศึกษา เพราะเมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมโดยความรักของพระเจ้าและอุทิศตนเพื่อการรับใช้พระองค์แล้ว วัฒนธรรมทางปัญญาจะเป็นพระพร แต่พระองค์เสด็จผ่านนักปราชญ์ในยุคของพระองค์ไปเพราะพวกเขามั่นใจในตนเองมากเกินไปจนไม่เห็นใจมนุษยชาติที่ทุกข์ทรมานและไม่อาจมาเป็นผู้ร่วมทำงานรับใช้พระเจ้าบุรุษแห่งเมืองนาซาเร็ธได้ ในความดื้อรั้นของพวกเขา พวกเขาเหยียดหยามที่จะรับการสั่งสอนจากพระคริสต์ พระเยซูเจ้าทรงแสวงหาความร่วมมือกับผู้ที่ยอมเป็นช่องทางสื่อสารที่ไม่อุดตันของพระคุณของพระองค์ บทเรียนแรกที่ทุกคนจะเรียนรู้เพื่อเป็นผู้ร่วมทำงานกันกับพระเจ้าคือบทเรียนแห่งการไม่วางใจในตนเอง จากนั้นพวกเขาก็จะพร้อมที่จะรับพระลักษณะของพระคริสต์ คุณลักษณะนี้ไม่ได้มาจากการศึกษาจากโรงเรียนวิทยาศาสตร์ชั้นเลิศที่สุด แต่เป็นผลของปัญญาที่ได้จากพระเจ้าพระอาจารย์พระองค์เดียว {DA 249.4}
พระเยซูทรงเลือกชาวประมงที่ไม่มีการศึกษาเพราะพวกเขาไม่ได้เข้าเรียนภายใต้ประเพณีและขนบธรรมเนียมที่ผิดๆ ในยุคสมัยของพวกเขา พวกเขาเป็นคนที่มีความสามารถตามสัญชาตญาณและพวกเขาเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนและสอนได้ พวกเขาเป็นคนที่พระองค์สอนให้ทำงานรับใช้ในพระราชกิจของพระองค์ได้ ในวิถีชีวิตทั่วไป มีหลายคนที่อดทนทำงานประจำวันอย่างตรากตรำ โดยไม่รู้ตัวว่าตนมีพลังซึ่งหากเรียกให้ลงมือทำงานแล้ว จะยกระดับเขาให้เท่าเทียมกับผู้มีเกียรติยศสูงที่สุดของโลก ความสามารถที่นอนแน่นิ่งอยู่นั้นต้องการการกระตุ้นด้วยการสัมผัสของมือที่มีความชำนาญ คนเช่นนี้แหละที่พระเยซูทรงเรียกให้มาร่วมงานรับใช้กับพระองค์ และพระองค์ประทานให้พวกเขาได้รับประโยชน์จากการอยู่ร่วมกันกับพระองค์ ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายของโลกไม่เคยมีอาจารย์เช่นนี้มาก่อน เมื่อสาวกสำเร็จจากการฝึกอบรมจากพระผู้ช่วยให้รอด พวกเขาไม่ได้เป็นคนที่ขาดความรู้และไร้วัฒนธรรมอีกต่อไป พวกเขาเป็นเหมือนพระองค์ทั้งความคิดและลักษณะอุปนิสัย แล้วคนทั้งหลายก็รู้ว่าว่าคนเหล่านี้เคยอยู่กับพระเยซู {DA 250.1}
งานสูงส่งที่สุดของการศึกษาไม่ใช่เป็นเพียงการถ่ายทอดความรู้เท่านั้น แต่เป็นการส่งถ่ายพลังงานที่ให้ชีวิตซึ่งจะรับได้โดยผ่านการสัมผัสของจิตใจกับจิตใจและจิตวิญญาณกับจิตวิญญาณ มีเพียงชีวิตเท่านั้นที่จะให้กำเนิดชีวิตได้ ช่างเป็นสิทธิพิเศษอะไรเช่นนี้ที่พวกเขาได้ได้สัมผัสกับชีวิตของพระเจ้าทุกวันเป็นเวลาสามปี ซึ่งแรงผลักดันชีวิตทั้งปวงให้เป็นพรแก่โลกหลั่งมาจากชีวิตของพระองค์! ยอห์นสาวกอันเป็นที่รักเหนือกว่าบรรดาสหายทั้งหลายยอมจำนนอยู่ในอำนาจของชีวิตอันประเสริฐนั้นกล่าวว่า "ชีวิตที่ว่านี้ปรากฏขึ้น เราได้เห็นและเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นี้กับพวกท่าน เป็นชีวิตที่ดำรงอยู่กับพระบิดาและมาปรากฏแก่เรา" "เราได้รับพระคุณซ้อนพระคุณจากความบริบูรณ์ของพระองค์" 1 ยอห์น 1 ข้อที่ 2; ยอห์น 1 ข้อที่ 16 {DA 250.2}
ไม่มีสิ่งใดในตัวอัครสาวกขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราที่จะนำสง่าราศีมาให้กับพวกเขาเอง มีหลักฐานแสดงให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าความสำเร็จของการทำงานของพวกเขาได้มาจากพระเจ้าเท่านั้น ชีวิตของคนเหล่านี้ ลักษณะอุปนิสัยที่พวกเขาพัฒนามาได้และผลงานอันยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าทรงประกอบกิจผ่านพวกเขาเป็นประจักษ์พยานถึงสิ่งที่พระองค์จะทรงกระทำเพื่อทุกคนที่สอนได้และเชื่อฟัง {DA 250.3}
ผู้ที่รักพระคริสต์มากที่สุดจะทำการดีในปริมาณมากที่สุด ผู้ที่ละทิ้งตนและเปิดทางให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ประกอบกิจในหัวใจของเขาและดำเนินชีวิตที่อุทิศถวายพระเจ้าอย่างสมบูรณ์จะทำงานให้เกิดผลได้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด หากมนุษย์จะอดทนต่อการฝึกวินัยที่จำเป็นโดยไม่บ่นหรืออ่อนกำลังกลางทาง พระเจ้าจะทรงสอนพวกเขาทุกชั่วโมงและทุกวัน พระองค์ทรงปรารถนาที่จะเปิดเผยพระคุณของพระองค์ หากประชากรของพระองค์จะขจัดสิ่งกีดขวางไป พระองค์จะทรงเทน้ำแห่งความรอดเป็นสายธารที่อุดมสมบูรณ์ผ่านช่องทางของมนุษย์ หากมนุษย์ที่มีชีวิตอ่อนน้อมถ่อมตนได้รับการหนุนใจให้ทำสิ่งที่ดีทั้งหมดที่พวกเขาจะทำได้ ถ้ามือที่ขัดขวางจะไม่ไปวางไว้เพื่อหยุดยั้งความกระตือรือร้นแล้ว จะมีคนงานเป็นร้อยคนทำงานรับใช้พระคริสต์แทนที่มีเพียงแค่คนเดียวในเวลานี้ {DA 250.4}
พระเจ้าทรงรับมนุษย์ในสภาพที่เขาเป็นอยู่ และอบรมสอนพวกเขาให้รับใช้พระองค์หากพวกเขายอมจำนนต่อพระองค์ พระวิญญาณของพระเจ้าที่พวกเขารับเข้ามาอยู่ในจิตวิญญาณจะทำให้ความสามารถทั้งหมดตื่นตัวอย่างว่องไว ภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ จิตใจที่อุทิศให้กับพระเจ้าอย่างไม่สงวนไว้จะพัฒนาอย่างกลมกลืนและได้รับการเสริมกำลังให้เข้าใจและปฏิบัติตามข้อกำหนดของพระเจ้า พระองค์ทรงเปลี่ยนลักษณะอุปนิสัยที่อ่อนแอและรวนเรให้เข้มแข็งและมั่นคงเด็ดเดี่ยว การอุทิศตนอย่างต่อเนื่องสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างพระเยซูกับสาวกของพระองค์จนคริสเตียนเป็นเหมือนพระองค์ทั้งในจิตใจและในลักษณะอุปนิสัย ด้วยการเชื่อมสัมพันธ์กับพระคริสต์ เขาจะมีทัศนะที่ชัดเจนและกว้างขวาง ความเข้าใจจะลึกซึ้งและการตัดสินสมดุลมากยิ่งขึ้น ผู้ที่ปรารถนาจะทำงานรับใช้พระคริสต์พระองค์จะทรงปลุกให้มีชีวิตจากอำนาจที่ให้ชีวิตของดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรมจนทำให้เขาเกิดผลเพื่อถวายพระสิริแด่พระเจ้า {DA 251.1}
คนที่มีการศึกษาสูงที่สุดในด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์เคยได้รับบทเรียนอันมีค่าจากคริสเตียนที่มีชีวิตอันอ่อนน้อมถ่อมตนผู้ซึ่งโลกถือว่าเป็นคนที่ไม่มีการศึกษา แต่สาวกที่ไม่โดดเด่นเหล่านี้ได้รับการศึกษาในโรงเรียนสูงที่สุดเหนือกว่าโรงเรียนอื่นใดทั้งหมด พวกเขาได้นั่งอยู่แทบพระบาทของพระองค์ผู้ตรัสอย่าง "ไม่เคยมีใครพูดเหมือนอย่างคนนั้นเลย" {DA 251.2}
************