บทที่ 70
“คนหนึ่งที่เล็กน้อยที่สุดในพี่น้องของเรา”
บทนี้อ้างอิงจาก มัทธิว 25 ข้อที่ 31-46
“เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาด้วยพระรัศมีพร้อมกับทูตสวรรค์ทั้งหมด แล้วพระองค์จะประทับบนพระที่นั่งอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ ประชาชาติทั้งหมดจะมาประชุมกันเฉพาะพระพักตร์พระองค์ และพระองค์จะทรงแยกพวกเขาออกจากกัน เหมือนผู้เลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ" ในขณะอยู่บนภูเขามะกอกเทศ พระคริสต์ทรงพรรณนาด้วยภาพเช่นนี้ให้สาวกของพระองค์เห็นฉากของวันพิพากษาที่ยิ่งใหญ่ และพระองค์ทรงนำเสนอให้พวกเขาเห็นผลของการตัดสินใจที่มีต่อจุดเปลี่ยน เมื่อพระองค์ทรงรวบรวมประชาชาติต่างๆ มาอยู่เบื้องพระพักตร์พระองค์จะมีอยู่เพียงคนสองกลุ่มและสิ่งที่พวกเขาทำหรือละเลยที่จะทำเพื่อพระองค์กับคนที่ยากจนและคนตกทุกข์ได้ยากจะกำหนดชะตากรรมตลอดนิรันดร์กาลของพวกเขา {DA 637.1}
ในวันนั้นพระคริสต์ไม่ได้นำเสนอพวกเขาถึงพระราชกิจยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อพวกเขาโดยการสละชีวิตของพระองค์เพื่อไถ่บาปของพวกเขา พระองค์ทรงนำเสนอผลงานที่พวกเขาทำอย่างสัตย์ซื่อเพื่อถวายพระองค์ พระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นที่ทรงจัดไว้ให้อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ว่า "ท่านทั้งหลายที่ได้รับพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาราชอาณาจักรซึ่งเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก เพราะว่าเมื่อเราหิว พวกท่านก็จัดหาให้เรากิน เรากระหายน้ำ ท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า พวกท่านก็ต้อนรับเรา" แต่คนเหล่านั้นที่พระคริสต์ทรงยกย่องไม่รู้ว่าพวกเขาปรนนิบัติรับใช้พระองค์ พระองค์ตรัสตอบข้อสงสัยว่า "พวกท่านได้ทำกับคนใดคนหนึ่งที่เล็กน้อยที่สุดในพี่น้องของเรานี้ ก็เหมือนทำกับเราด้วย’" {DA 637.2}
พระเยซูทรงเคยตรัสกับสาวกของพระองค์แล้วว่ามนุษย์ทั้งหมดจะเกลียดชังพวกเขา พวกเขาจะถูกข่มเหงและทุกข์ทรมาน คนมากมายจะถูกขับออกจากบ้านและทำให้เป็นคนยากจน คนมากมายจะตกทุกข์เพราะเป็นโรคและอดอยาก คนมากมายจะถูกจับเข้าคุก ทุกคนที่ละทิ้งเพื่อนหรือบ้านเพราะเห็นแก่พระองค์ พระองค์ทรงสัญญาว่าในชีวิตนี้จะได้รับตอบแทนร้อยเท่า บัดนี้พระองค์ประทานความมั่นใจว่าพระพรพิเศษที่จะมีให้แก่ทุกคนที่จะรับใช้พี่น้องของพวกตน พระเยซูตรัสว่าเจ้าจะรับรู้ถึงเราในทุกคนที่ทนทุกข์เพื่อนามของเรา เจ้ารับใช้เราอย่างไรก็จงปรนนิบัติจะต้องยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด พวกเขาปรนนิบัติรับใช้พระองค์อย่างไร ก็จงปรนนิบัติรับใช้พวกเขาอย่างนั้นด้วย นี่คือหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่าเจ้าเป็นสาวกของเรา {DA 637.3}
ในแง่ของความหมายพิเศษแล้ว คนทั้งหมดที่บังเกิดในครอบครัวแห่งสวรรค์จะเป็นพี่น้องร่วมกันกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ความรักของพระคริสต์ผูกสมาชิกในครอบครัวของพระองค์เข้าด้วยกัน และที่ใดก็ตามเมื่อแสดงออกถึงความรักนี้ก็จะเปิดเผยให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับพระเจ้า "ทุกคนที่รักก็เกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า" 1 ยอห์น 4 ข้อที่ 7 {DA 638.1}
พวกที่พระคริสต์ทรงยกย่องในวันพิพากษาอาจมีความรู้ศาสนศาสตร์เพียงเล็กน้อย แต่พวกเขาถนอมหลักการของพระองค์ โดยการทรงดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาเป็นพระพรแก่คนที่อยู่รอบข้าง แม้ในท่ามกลางพวกคนนอกศาสนาก็ยังมีคนที่ชื่นชอบและใส่ใจในจิตวิญญาณแห่งความเมตตากรุณาก่อนที่พระวจนะแห่งชีวิตจะดังก้องเข้าหูของพวกเขานั้น พวกเขาได้ผูกมิตรกับมิชชันนารีแล้วและแม้กระทั่งยังได้ปรนนิบัติแม้จะเอาชีวิตของตนเข้าเสี่ยงก็ตาม ในท่ามกลางคนนอกศาสนายังมีคนที่นมัสการพระเจ้าโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลย เป็นพวกที่ไม่เคยรับแสงสว่างที่ผ่านมาทางสื่อตัวกลางที่เป็นมนุษย์ แต่กระนั้นพวกเขาก็จะไม่พินาศ แม้จะขาดความรู้ในเรื่องพระบัญญัติของพระเจ้าที่บันทึกไว้ แต่พวกเขาก็เคยได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ที่ตรัสกับพวกเขาในธรรมชาติ และได้ทำสิ่งที่พระบัญญัติกำหนดไว้ ผลงานของพวกเขาเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสัมผัสหัวใจของพวกเขา และพระองค์ทรงยอมรับพวกเขาเป็นบุตรของพระเจ้า {DA 638.2}
คนต่ำต้อยในประเทศชาติและในท่ามกลางคนนอกศาสนาจะรู้สึกแปลกใจและยินดีมากเพียงไรเมื่อได้ยินจากริมพระโอษฐ์ของพระผู้ช่วยให้รอดว่า “พวกท่านได้ทำกับคนใดคนหนึ่งที่เล็กน้อยที่สุดในพี่น้องของเรานี้ ก็เหมือนทำกับเราด้วย”! พระหทัยแห่งรักอันไม่มีขอบเขตจำกัดของพระเจ้าจะปรีดาอย่างมากยิ่งเพียงไรเมื่อผู้ติดตามของพระองค์มองขึ้นมาด้วยความสุขอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินพระดำรัสแสดงถึงความพึงพอพระทัยของพระองค์ {DA 638.3}
แต่ความรักของพระคริสต์ไม่ได้จำกัดไว้ให้คนกลุ่มชนใดโดยเฉพาะ พระองค์ทรงยอมรับว่าพระองค์เองทรงเป็นหนึ่งร่วมกับบุตรทุกคนของมนุษยชาติ พระองค์เสด็จมาเป็นสมาชิกของครอบครัวทางฝ่ายโลก เพื่อให้เราได้เป็นสมาชิกของครอบครัวสวรรค์ พระองค์ทรงเป็นบุตรมนุษย์ และด้วยประการฉะนี้จึงทรงเป็นพระเชษฐาพระองค์หนึ่งของบุตรชายและบุตรหญิงทุกคนของอาดัม ผู้ติดตามของพระองค์จะต้องไม่รู้สึกว่าได้แยกตัวออกไปจากโลกรอบตัวที่กำลังพินาศ พวกเขาเป็นส่วนของเครือข่ายยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ และพระเจ้าแห่งสวรรค์ทรงถือว่าพวกเขาเป็นพี่น้องของทั้งคนบาปและวิสุทธิชน ความรักของพระคริสต์โอบล้อมผู้ที่ล้มลงในบาป คนทำผิดและคนบาปหนา ทุกการกระทำแห่งความเอื้อเฟื้อกรุณาที่ทำเพื่อยกระดับจิตวิญญาณที่ล้มลงในบาปและทุกการกระทำแห่งความเมตตาปรานีจะได้รับการยอมรับว่ากระทำต่อพระองค์ {DA 638.4}
ทูตสวรรค์ได้รับบัญชาให้ไปปรนนิบัติบรรดาคนที่จะได้เป็นทายาทร่วมรับความรอด บัดนี้เราไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นผู้ใด ยังไม่เปิดเผยว่าผู้ใดจะได้ชัยชนะ และร่วมรับมรดกที่เป็นของพวกวิสุทธิชนแห่งความสว่าง แต่ทูตสวรรค์บินไปตลอดทั่วความยาวและความกว้างของโลกเพื่อปลอบโยนคนโศกเศร้า เพื่อปกป้องผู้ตกอยู่ในภัยอันตราย เพื่อนำหัวใจของมนุษย์กลับมาหาพระคริสต์ ไม่มีแม้เพียงคนเดียวที่จะถูกละเลยหรือถูกทอดทิ้ง พระเจ้าไม่ทรงเห็นแก่หน้าผู้ใด และพระองค์ประทานการเอาใจใส่อย่างเท่าเทียมให้แก่เขาทั้งหลายเพราะพระองค์ทรงสร้างจิตวิญญาณทั้งหมดเหล่านี้ {DA 639.1}
ในขณะที่คุณเปิดประตูต้อนรับคนยากไร้และทุกข์ทรมานของพระคริสต์ คุณกำลังต้อนรับทูตสวรรค์ที่ตามองไม่เห็น คุณเชิญชวนชาวสวรรค์ให้มาเป็นมิตรร่วมกับพวกคุณ พวกเขานำบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความสุขและสันติสุขมาให้ พวกเขามาพร้อมกับคำสรรเสริญที่ริมฝีปากของพวกเขาและได้ยินเสียงตอบรับที่ดังขึ้นในสวรรค์ ทุกการกระทำแห่งความเมตตาปรานีทำให้เกิดเสียงดนตรีที่นั่น พระบิดาจากพระบัลลังก์ของพระองค์ทรงนับจำนวนคนงานที่ไม่เห็นแก่ตัวว่าเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของพระองค์ {DA 639.2}
พวกที่อยู่ทางด้านซ้ายพระหัตถ์ของพระคริสต์ ซึ่งเป็นคนที่ละเลยพระองค์ด้วยการไม่ใส่ใจคนยากจนและตกทุกข์ทรมานนั้นไม่รู้สึกถึงความผิดของตนเอง ซาตานทำให้พวกเขาตาบอด พวกเขาไม่รู้สึกว่าพวกเขาเป็นหนี้พี่น้องของพวกเขาอย่างไร พวกเขาหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง และไม่สนใจความต้องการของผู้อื่น {DA 639.3}
พระเจ้าประทานทรัพย์มั่งคั่งให้แก่คนร่ำรวยเพื่อใช้บรรเทาและปลอบโยนเหล่าบุตรที่ทุกข์ทรมานของพระองค์ แต่บ่อยครั้งที่พวกเขาไม่เอาใจใส่ต่อความขัดสนของผู้อื่น พวกเขารู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าพี่น้องที่ยากจนน่าสงสาร พวกเขาไม่เอาตัวเองไปอยู่ในที่ของคนยากจน พวกเขาไม่เข้าใจการล่อลวงและการดิ้นรนของคนยากจนและความเมตตาก็ตายไปจากใจของพวกเขา ในที่อยู่อาศัยราคาแพงและคริสตจักรที่เลิศหรู่สวยงาม คนรวยปิดตัวเองให้ห่างออกไปจากคนยากจน พวกเขาเอาเงินทองที่พระเจ้าประทานเพื่อเป็นพระพรแก่คนยากไร้ไปใช้ปรนเปรอความทนงตนและความเห็นแก่ตัว ทุกวันมีคนยากจนถูกปล้นการศึกษาที่พวกเขาควรจะได้รับในเรื่องพระเมตตาอันอ่อนโยนของพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงจัดเตรียมในชีวิตให้อย่างล้นเหลือเพื่อให้พวกเขาได้รับความสุขสบาย พวกเขาถูกบังคับให้รู้สึกได้ถึงความยากจนที่ทำให้ชีวิตแคบลง และมักถูกทดลองให้อิจฉา วิวาท การกล่าวร้าย และเต็มไปด้วยการไม่ไว้วางใจ คนที่ตัวเองไม่เคยถูกกดดันให้ทนทุกข์กับความขัดสนบ่อยครั้งจะปฏิบัติต่อคนยากจนอย่างดูถูกเหยียดหยาม และทำให้พวกเขารู้สึกว่าถูกมองเป็นคนอนาถา {DA 639.4}
แต่พระคริสต์ทอดพระเนตรทั้งหมดนี้แล้ว และพระองค์ตรัสว่า เราเองที่หิวและกระหายน้ำ เราเองเป็นคนแปลกหน้า เราเองเป็นคนป่วย เราเองอยู่ในเรือนจำ ในขณะที่เจ้าเลี้ยงฉลองกันรอบโต๊ะอาหารอันอุดมสมบูรณ์ เราอดอยากอยู่ในกระต๊อบหรือตรอกซอยเปล่าเปลี่ยว ในขณะที่เจ้าสุขสบายในบ้านเลิศหรู เราไม่มีที่จะวางศีรษะของเรา ในขณะที่เจ้าเอาเสื้อผ้าราคาแพงเก็บใส่ตู้ เราขัดสนสิ้นเนื้อประดาตัว ในขณะที่เจ้ามุ่งหน้าวิ่งตามความสุขของตัวเจ้าเอง เราอับเฉาละห้อยอยู่ในคุก {DA 639.5}
เมื่อเจ้าเอาอาหารน้อยนิดสงเคราะห์คนหิวโหยน่าสงสาร เมื่อเจ้าบริจาคเสื้อผ้าบางเหล่านั้นให้พวกเขากันน้ำค้างหิมะ เจ้าคิดหรือไม่ว่าที่เจ้าทำไปนั้นเจ้ากำลังทำเพื่อถวายพระสิริพระเป็นเจ้า? ตลอดวันเดือนปีของเจ้า เราอยู่ใกล้เจ้าในคนเหล่านั้นที่ตกทุกข์ได้ยาก แต่เจ้าไม่ได้แสวงหาเรา เจ้าไม่ต้องการร่วมสามัคคีธรรมกับเรา เราไม่รู้จักเจ้าเลย {DA 640.1}
คนมากมายคิดว่าเป็นสิทธิพิเศษยิ่งใหญ่เมื่อได้ไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่พระคริสต์ทรงดำเนินมาแล้วครั้นเมื่อพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ในโลก ได้เดินไปตามทางที่พระองค์ทรงเคยดำเนิน ได้มองไปยังริมทะเลสาบที่พระองค์ทรงโปรดปรานเพื่อใช้เป็นสถานที่เทศนาสั่งสอน และมองไปยังเนินเขาและหุบเขาที่พระองค์ทรงเคยทอดสายพระเนตรอยู่เสมอ แต่เราไม่จำเป็นต้องไปถึงเมืองนาซาเร็ธ ไปยังเมืองคาเปอรนาอุม หรือหมู่บ้านเบธานีเพื่อที่จะได้ร่วมเดินตามรอยพระบาทของพระเยซู แต่เราจะพบรอยพระบาทของพระองค์อยู่ที่ข้างเตียงคนป่วย ในกระท่อมของคนยากจน ตามตรอกซอยที่แออัดด้วยผู้คนในเมืองใหญ่และในทุกแห่งหนที่มีจิตใจของบรรดาผู้ที่ต้องการคำปลอบประโลมใจ โดยการทำตามที่พระเยซูทรงกระทำมาแล้วเมื่อพระองค์ทรงอยู่บนโลก เราจะดำเนินตามย่างก้าวของพระองค์ {DA 640.2}
ทุกคนหางานบางอย่างมาทำได้ “คนจนอยู่กับพวกท่านเสมอ” ยอห์น 12 ข้อที่ 8 พระเยซูตรัสไว้แล้ว และไม่มีคนใดที่ต้องรู้สึกว่าไม่มีที่ใดที่พวกเขาจะทำงานรับใช้พระองค์ จิตวิญญาณของคนนับล้านกำลังพินาศ พวกเขาถูกมัดด้วยโซ่แห่งความเขลาและบาป แทบไม่เคยได้ยินถึงความรักของพระคริสต์ที่มีต่อพวกเขา หากจะสลับสภาพของเราและสภาพของพวกเขากันแล้ว เราต้องการให้พวกเขาทำอะไรเพื่อเรา? ตราบเท่าที่อยู่ในอำนาจของเราแล้ว หน้าที่อันเคร่งขรึมที่สุดผูกมัดเราให้ทำทั้งหมดนี้เพื่อพวกเขา กฎแห่งชีวิตของพระคริสต์คือ "จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่พวกท่านต้องการให้พวกเขาปฏิบัติต่อท่าน" มัทธิว 7 ข้อที่ 12 เราทุกคนจะยืนหยัดหรือล้มแหลวในการพิพากษาโดยพระบัญญัตินี้ {DA 640.3}
พระผู้ช่วยให้รอดประทานชีวิตอันล้ำค่าของพระองค์แล้วเพื่อสร้างคริสตจักรที่จะดูแลจิตวิญญาณที่โศกเศร้าและถูกล่อลวง ในกลุ่มผู้เชื่อมีคนยากจน ไร้การศึกษาและไม่เป็นที่รู้จัก แต่กระนั้นในพระคริสต์พวกเขาทำงานรับใช้ในบ้าน ในละแวกเพื่อนบ้าน ในคริสตจักรและแม้กระทั่ง "ในที่ที่อยู่เลยขอบเขตของพวกท่าน" ซึ่งผลลัพธ์ที่จะได้นั้นกว้างไกลถึงนิจนิรันดร์ {DA 640.4}
เนื่องจากคนของพระเจ้าละเลยภาระนี้จึงทำให้ประสบการณ์คริสเตียนของสาวกรุ่นเยาว์จำนวนมากไม่เคยก้าวไปได้เกินความรู้พื้นฐาน แสงสว่างเปล่งประกายขึ้นในใจของพวกเขาเมื่อพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” นั้นพวกเขาน่าจะรักษาให้สว่างต่อไปด้วยการออกไปช่วยผู้ที่ตกทุกข์ต้องการความช่วยเหลือ พลังของเยาวชนที่อยู่ไม่นิ่งบ่อยครั้งจะเป็นอันตรายต่อพวกเขา เราน่าจะหันพลังนี้ให้เข้าไปยังช่องทางที่จะไหลออกไปยังลำธารแห่งพระพร ด้วยการทำงานอย่างจริงใจเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นเราจะต้องลืมตัวตนของเราไป {DA 640.5}
คนที่ปรนนิบัติผู้อื่น พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระผู้เลี้ยงยิ่งใหญ่ที่สุดจะปรนนิบัติเขา ตัวเขาเองจะดื่มน้ำแห่งชีวิตและรับความพึงพอใจ พวกเขาจะไม่โหยหาความสนุกสนานที่ตื่นเต้นเพื่อเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิตอีกต่อไป หัวข้อหลักที่พวกเขาสนใจคือช่วยจิตวิญญาณที่กำลัง พินาศอย่างไร ความสัมพันธ์กับทางสังคมจะได้ประโยชน์ ความรักของพระผู้ไถ่จะดึงหัวใจให้มารวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน {DA 641.1}
เมื่อเราตระหนักว่าเราเป็นคนทำงานร่วมกับพระเจ้าแล้ว เราจะไม่เอ่ยถึงพระสัญญาของพระเจ้าอย่างไม่เอาใจใส่ แต่จะเป็นเรื่องเร่าร้อนอยู่ในใจและจุดประกายขึ้นที่ริมฝีปากของเรา เมื่อโมเสสได้รับพระบัญชาให้ไปรับใช้ประชาชนที่ขาดความรู้ ไร้ระเบียบวินัยและไม่เชื่อฟัง พระเจ้าประทานพระสัญญาว่า "เราเองจะไปกับเจ้า และให้เจ้าได้พัก" และพระองค์ตรัสว่า "เราจะอยู่กับเจ้าแน่ " อพยพ 33 ข้อที่ 14; 3 ข้อที่ 12 พระสัญญานี้มีไว้ให้กับทุกคนที่ทำงานเป็นตัวแทนของพระคริสต์เพื่อคนที่ทุกข์ใจและตกทุกข์ได้ยาก {DA 641.2}
ความรักที่เราให้กับมนุษย์คือการแสดงออกถึงความรักของพระเจ้า พระราชาแห่งพระสิริเสด็จมาร่วมเป็นหนึ่งกับเราก็เพื่อนำความรักนี้มาฝังไว้ในตัวของเรา เพื่อให้เราเป็นบุตรคนหนึ่งในครอบครัวเดียวกัน และสำหรับเราแล้ว พันธกิจนี้จะบรรลุเป้าหมายได้ก็ต่อเมื่อพระดำรัสแห่งการลาจากของพระองค์จะสำเร็จที่ว่า “ให้พวกท่านรักกันและกันเหมือนอย่างที่เรารักท่าน“ เมื่อเรารักโลกเหมือนพระองค์ทรงรักโลกแล้ว เราก็จะมีความเหมาะสมที่จะไปสวรรค์เพราะเรามีสวรรค์อยู่ในใจ {DA 641.3}
แต่ถ้าเจ้า "ช่วยคนที่ถูกนำไปสู่ความตาย และ. . . .เหนี่ยวรั้งคนที่กำลังโซเซไปสู่การถูกฆ่า ถ้าเจ้าจะว่า ‘ดูเถิด พวกเราไม่รู้เรื่องนี้เลย’ พระองค์ผู้ทรงตรวจดูจิตใจจะไม่ทรงรับทราบหรือ? พระองค์ผู้ทรงคุ้มครองชีวิตของเจ้าจะไม่ทรงทราบหรือ? และพระองค์จะไม่ทรงตอบแทนทุกคนตามการกระทำของเขาหรือ?” สุภาษิต 24 ข้อที่ 11, 12 ในวันพิพากษายิ่งใหญ่ ผู้ที่ไม่ได้รับใช้พระคริสต์ คนที่ล่องลอยไปตามความคิดของตัวเอง และดูแลแต่ตัวเองนั้นพระเจ้าพระผู้พิพากษาของทั้งโลกจะทรงจัดพวกเขาให้ไปอยู่กับคนทำชั่ว พวกเขาจะได้จะได้รับโทษที่เหมือนกัน {DA 641.4}
พระเจ้าทรงโปรดประทานความรับผิดชอบให้แก่จิตวิญญาณทุกดวงแล้ว พระเจ้าพระผู้เลี้ยงแกะจะทวงถามทุกคนว่า "ฝูงแกะที่ได้มอบไว้ให้แก่เจ้านั้นอยู่ที่ไหน?" และ "เจ้าจะว่าอย่างไรเมื่อเขา [พระองค์] จะลงโทษเจ้า " TKJV เยเรมีย์ 13 ข้อที่ 20, 21 {DA 641.5}
**********