บทที่ 61

ศักเคียส
ลูกา 19 ข้อที่ 1-10


ระหว่างทางไปกรุงเยรูซาเล็ม "พระเยซูเสด็จเข้าไปในเมืองเยรีโคและกำลังเสด็จผ่านไปตามทาง"  เมืองเยรีโคอยู่ห่างจากจอร์แดนไม่กี่ไมล์โดยอยู่ทางริมฝั่งตะวันตกของหุบเขาที่แผ่ออกไปเป็นที่ราบกว้างใหญ่ ตัวเมืองตั้งอยู่ท่ามกลางความเขียวชอุ่มของเขตร้อนซึ่งอุดมด้วยความสวยงามเพริศพราย  ต้นอินทผลัมและสวนอันอุดมสมบูรณ์ที่ได้น้ำจากน้ำพุที่มีชีวิตทำให้ต้นไม้เหล่านี้เปล่งประกายราวกับมรกตในสภาพแวดล้อมของเขาหินปูนและหุบเหวรกร้างที่คั่นกลางระหว่างกรุงเยรูซาเล็มและเมืองในที่ราบ  {DA 552.1}                

กองคาราวานมากมายที่เดินทางไปเฉลิมฉลองเทศกาลต้องเดินทางผ่านเมืองเยรีโค  การเดินทางมาถึงของพวกเขาเป็นช่วงเทศกาลแห่งความชื่นชมยินดีเสมอ แต่บัดนี้มีเรื่องที่กำลังปลุกปั่นความสนใจของประชาชนอย่างยิ่งอยู่  เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าพระอาจารย์รับบีชาวกาลิลีผู้เรียกลาซารัสให้กลับขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งทรงอยู่ในฝูงชน และแม้จะมีการซุบซิบเกี่ยวกับแผนอุบายของพวกปุโรหิต แต่ประชาชนก็กระตือรือร้นที่จะถวายเทิดทูนพระองค์  {DA 552.2}       

เยรีโคเป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกแยกออกมาในสมัยโบราณเพื่อให้แก่พวกปุโรหิตและในเวลานั้นมีปุโรหิตพักอาศัยอยู่ที่นั่นจำนวนมาก  แต่เมืองนี้ยังมีประชากรที่มีลักษณะแตกต่างหลากหลายกันออกไป  เป็นศูนย์กลางอันยิ่งใหญ่ของการคมนาคมที่มีเจ้าหน้าที่และทหารชาวโรมัน รวมทั้งคนแปลกหน้าจากพื้นที่รอบทิศต่างก็พบได้ในเมืองนี้ การเก็บภาษีศุลกากรทำให้มีคนเก็บภาษีจำนวนมากตั้งบ้านเรือนอยู่ในเมืองนี้  {DA 552.3}                

ศักเคียส “นายด่านภาษี” เป็นชาวยิวและเป็นที่รังเกียจของเพื่อนร่วมชาติ  ตำแหน่งและความมั่งคั่งของเขาเป็นรางวัลจากการงานที่หลายคนรังเกียจซึ่งเรียกกันด้วยอีกชื่อว่าเป็นการอยุติธรรมและขู่กรรโชก  แต่กระนั้นนายด่านภาษีคนนี้ก็ไม่ใช่คนของทางโลกที่มีใจแข็งกระด้างตามที่ปรากฏให้เห็น  ภายใต้ภาพพจน์อย่างชาวโลกและความหยิ่งยโส คือหัวใจอันอ่อนไหวพร้อมรับอิทธิพลของพระเจ้า  ศักเคียสเคยได้ยินเรื่องของพระเยซู  รายงานเรื่องราวของพระเจ้าองค์หนึ่งผู้ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตาและการปฏิบัติอย่างอ่อนสุภาพต่อชนชั้นที่สังคมรังเกียจได้แพร่กระจายไปทั่ว  ความปรารถนาชีวิตที่ดีกว่าในตัวนายด่านภาษีคนนี้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น  ห่างออกไปเพียงไม่กี่ไมล์จากเมืองเยรีโค ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเคยเทศนาสั่งสอนที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดนและศักเคียสได้ยินคำเรียกร้องให้กลับใจใหม่  คำสั่งสอนสำหรับคนเก็บภาษีคือ “อย่ากรรโชก อย่าใส่ความเพื่อเอาเงิน แต่จงพอใจในค่าจ้างของตัวเอง”  ลูกา 3 ข้อที่ 13  แม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่สนใจแต่คำสั่งสอนก็ทำให้เขาประทับใจ  เขาเข้าใจพระคัมภีร์ของเขาได้เป็นอยางดี สำนึกว่าการกระทำของเขานั้นผิด  บัดนี้ เมื่อได้ยินถ้อยคำที่ข่าวรายงานว่ามาจากพระอาจารย์ผู้ใหญ่ยิ่งท่านนั้น เขาก็รู้สึกว่าตนเองเป็นคนบาปในสายพระเนตรพระเจ้า  กระนั้น สิ่งที่เขาได้ยินเกี่ยวกับพระเยซูได้จุดประกายความหวังขึ้นในหัวใจของเขา  การกลับใจและการปฏิรูปชีวิตเป็นสิ่งที่เป็นไปได้แม้แต่สำหรับตัวเขาเอง  สาวกใหม่คนหนึ่งที่พระอาจารย์ท่านนี้ทรงไว้วางพระทัยก็เป็นคนเก็บภาษีไม่ใช่หรอกหรือ?  ศักเคียสเริ่มลงมือในทันทีที่จะปฏิบัติตามความรู้สำนึกที่ยึดครองตัวเขาไว้ และตั้งใจจะชดใช้ให้แก่บรรดาผู้ที่เขาเคยทำผิดด้วย  {DA 552.4}

ด้วยประการฉะนี้ เขาเริ่มย้อนรอยของเขา เมื่อมีข่าวว่าพระเยซูจะเสด็จเข้าเมือง ศักเคียสจึงตั้งใจที่จะเข้าเฝ้าพระองค์  เขาเริ่มตระหนักว่าผลของบาปนั้นขมขื่นเพียงไร และทางเดินหันกลับจากการอธรรมนั้นยากเพียงใด  การถูกคนอื่นเข้าใจผิด  การต้องเผชิญหน้ากับความสงสัยและความไม่ไว้วางใจที่เกิดจากการลงแรงพยายามแก้ไขข้อผิดพลาดของเขานั้นยากที่จะทนได้  นายด่านภาษีคนนี้ปรารถนาที่จะเพ่งมองไปยังพระพักตร์ของพระองค์ผู้ทรงมีถ้อยคำที่จะนำความหวังมาให้แก่หัวใจของเขา {DA 553.1}                

ถนนแออัดหนาแน่นด้วยฝูงชนและศักเคียสซึ่งมีรูปร่างเล็กมองไม่เห็นอะไรจากศีรษะของผู้คน  ไม่มีใครยอมหลีกทางให้เขา  ดังนั้นเขาจึงเร่งวิ่งไปข้างหน้าฝูงชนเล็กน้อยเพื่อไปยังที่ซึ่งมีต้นมะเดื่อแผ่กิ่งก้านกว้างออกอยู่เหนือถนน นายด่านภาษีร่ำรวยผู้นี้ได้ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ หาที่นั่งท่ามกลางกิ่งไม้ จากที่นั่งเขามองสำรวจขบวนข้างล่างขณะที่กำลังเคลื่อนผ่าน  ฝูงชนเข้ามาใกล้ กำลังจะเดินผ่านไป และศักเคียสก็กระตือรือร้นกวาดสายตามองหาบุคคลผู้หนึ่งที่เขาพึงปรารถนาจะเข้าเฝ้า  {DA 553.2}                            

มีเสียงหนึ่งที่ดังเกินเสียงวุ่นวายของเหล่าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์รวมถึงเสียงตะโกนโห่ร้องต้อนรับของฝูงชน เป็นเสียงแห่งความปรารถนาของนายด่านภาษีซึ่งหูไม่ได้ยินแต่พูดกับพระทัยของพระเยซู  ทันใดนั้น ตรงใต้ต้นมะเดื่อเทศพอดี มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งหยุดเดิน กลุ่มคนที่ตามมาก็หยุดด้วย และพระเจ้าองค์หนึ่งทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ประหนึ่งว่ากำลังอ่านจิตวิญญาณดวงนั้นอยู่  เขาแทบไม่เชื่อความรู้สึกของเขา ชายที่อยู่บนต้นไม้ได้ยินพระดำรัสว่า "ศักเคียสเอ๋ย จงรีบลงมา เพราะว่าวันนี้เราจะต้องพักอยู่ในบ้านของท่าน " {DA 553.3}                   

ฝูงชนหลีกทาง และศักเคียสที่เดินราวกับอยู่ในความฝัน นำทางไปยังบ้านของตนเอง  แต่พวกธรรมาจารย์มองด้วยหน้าตาบึ้งตึงและบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจและเหยียดหยามว่า  "ท่านผู้นี้จะเข้าไปพักอยู่กับคนบาป"  {DA 554.1}                  

ศักเคียสเต็มล้นไปด้วยความรู้สึกท่วมท้นเป็นอย่างมาก อัศจรรย์ใจและนิ่งเงียบในความรักและความอ่อนโยนของพระคริสต์ผู้ทรงโน้มต่ำลงมายังเขาที่ไม่คู่ควร  บัดนี้ความรักและความภักดีที่มีต่อพระอาจารย์พระองค์นี้ทำให้ริมฝีปากของเขาเปิดออก  เขาจะกล่าวคำสารภาพและการสำนึกผิดของตนเองต่อสาธารณชน  {DA 554.2}        

เมื่ออยู่ต่อหน้าฝูงชน "ศักเคียสนั้นยืนขึ้นทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรัพย์สิ่งของของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยอมให้คนยากจนครึ่งหนึ่ง และถ้าข้าพระองค์โกงอะไรของใครมา ก็ยอมคืนให้เขาสี่เท่า’  {DA 555.1}                     

"พระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘วันนี้ความรอดมาถึงบ้านนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นลูกของอับราฮัมด้วย’"  {DA 555.2}                       

เมื่อผู้ปกครองหนุ่มผู้ร่ำรวยหันไปจากพระเยซู สาวกต่างประหลาดใจกับคำพูดของพระอาจารย์ของพวกเขาที่ว่า "คนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก็ยากจริงๆ!"  พวกเขาอุทานกันเองว่า "ถ้าอย่างนั้นใครจะรอดได้?"  บัดนี้พวกเขาเห็นถึงความจริงของพระดำรัสของพระคริสต์ที่เปิดเผยให้เห็นว่า "สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้ พระเจ้าทรงทำได้”  มาระโก 10 ข้อที่ 24, 26; ลูกา 18 ข้อที่ 27  พวกเขาได้เห็นแล้วว่าเศรษฐีจะเข้าอาณาจักรผ่านทางพระคุณของพระเจ้าได้อย่างไร  {DA 555.3}                      

ก่อนที่ศักเคียสจะเฝ้ามองไปยังพระพักตร์ของพระคริสต์ เขาเริ่มงานที่แสดงให้เห็นว่าเขาสำนึกผิดแล้วด้วยความจริงใจ  ก่อนที่เขาจะถูกมนุษย์กล่าวหา เขาได้สารภาพบาปของเขาแล้ว  พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้เขาสำนึกบาป และเขาจึงเริ่มปฏิบัติตามคำสอนของพระวจนะตามที่บันทึกไว้ให้แก่ทั้งชนชาติอิสราเอลในสมัยโบราณและสำหรับพวกเราด้วย  พระยาห์เวห์ตรัสไว้มานานแล้วว่า  ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลงและเลี้ยงตนเองท่ามกลางพวกเจ้าไม่ได้ เจ้าจะต้องเลี้ยงดูเขาให้เขาอยู่กับเจ้าอย่างคนต่างด้าวและแขกเมือง  อย่าเอาดอกเบี้ยหรือเงินเพิ่มอะไรจากเขา แต่จงยำเกรงพระเจ้า เพื่อว่าพี่น้องของเจ้าจะอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าได้  ห้ามให้เขายืมเงินโดยคิดดอกเบี้ย หรือขายอาหารโดยเอากำไรจากเขา"  “ห้ามโกงกัน แต่จงยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”  เลวีนิติ 25 ข้อที่  35-37, 17  พระคริสต์ตรัสถ้อยคำเหล่านี้เองเมื่อพระองค์ประทับอยู่ในเสาเมฆและการตอบสนองครั้งแรกของศักเคียสต่อความรักของพระคริสต์คือการแสดงความเมตตากรุณาต่อคนยากจนและคนที่ตกทุกข์ได้ยาก  {DA 555.4}                          

ในกลุ่มคนเก็บภาษีด้วยกันมีสหพันธ์ที่พวกเขารวมตัวเข้าร่วมเพื่อกดขี่ประชาชนและสนับสนุนซึ่งกันและกันในการปฏิบัติฉ้อฉลของตนเอง  การที่พวกเขาขู่กรรโชกนั้นพวกเขาเพียงแต่ทำในสิ่งที่กลายเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันทั่วไป  แม้แต่พวกปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ที่ดูหมิ่นพวกเขาก็มีความผิดในการเสริมสร้างตัวเองโดยการปฏิบัติที่ไม่สุจริตภายใต้หน้าที่การงานอันศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง  แต่ไม่นานหลังจากที่ศักเคียสยอมจำนนต่ออิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขาก็ได้ละทิ้งการปฏิบัติทุกอย่างที่ขัดต่อความซื่อสัตย์  {DA 555.5}

การกลับใจอย่างแท้จริงทำให้เกิดการปฏิรูป  ความชอบธรรมของพระคริสต์ไม่ใช่เสื้อคลุมปกปิดบาปที่ยังไม่สารภาพและยังไม่ละทิ้ง เป็นหลักการชีวิตที่เปลี่ยนแปลงลักษณะอุปนิสัยและควบคุมพฤติกรรม  ความบริสุทธิ์คือความพร้อมบริบูรณ์เพื่อพระเจ้า เป็นความบริสุทธิ์ของการยอมจำนนหัวใจและชีวิตทั้งหมดเพื่อให้หลักการของสวรรค์ดำรงอยู่ภายใน  {DA 555.6}

ในชีวิตการทำธุรกิจ คริสเตียนจะต้องเป็นตัวแทนให้โลกเห็นถึงลักษณะที่พระเจ้าของเราจะดำเนินกิจการทางธุรกิจ  ในทุกธุรกรรม เขาจะต้องแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเป็นพระอาจารย์ของเขา  คำว่า "บริสุทธิ์ต่อพระยาห์เวห์" จะต้องจดบันทึกไว้ในสมุดรายวันและบัญชีแยกประเภท ลงไว้ในการกระทำ ใบเสร็จรับเงินและตั๋วแลกเงิน  ผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้ติดตามของพระคริสต์และทำธุรกรรมในลักษณะที่ไม่ชอบธรรมกำลังทำตัวเป็นพยานเท็จต่อต้านกับพระลักษณะนิสัยของพระเจ้าผู้ทรงความบริสุทธิ์ ยุติธรรมและเมตตา  เช่นเดียวกับศักเคียส จิตวิญญาณที่กลับใจใหม่ทุกดวงจะส่งสัญญาณว่าพระคริสต์เสด็จเข้ามาในใจของเขาด้วยการละทิ้งการปฏิบัติอันไม่ชอบธรรมที่ติดอยู่ในชีวิตของเขา  เหมือนนายด่านภาษี เขาจะแสดงหลักฐานพิสูจน์ถึงความจริงใจด้วยการขดใช้  พระยาห์เวห์ตรัสว่า "ถ้าคนอธรรมยอมคืนของประกัน และชดใช้สิ่งที่เขาขโมยไป และดำเนินตามกฎเกณฑ์แห่งชีวิต ทั้งไม่ทำบาปเลย. . . .บาปทั้งหมดซึ่งเขาได้ทำมาแล้ว จะไม่ถูกจดจำไว้. . . .เขาจะมีชีวิตอยู่แน่” เอเสเคียล 33 ข้อที่ 15, 16  {DA 556.1}                            

หากเราทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บจากการทำธุรกรรมทางธุรกิจที่ไม่เป็นธรรม หากเราเอาเปรียบในการค้ามากเกินไปหรือฉ้อโกงผู้ใด แม้ว่าจะอยู่ในขอบเขตของกฎหมายก็ตาม เราควรต้องสารภาพผิดและชดใช้ค่าเสียหายเท่าที่อยู่ในอำนาจของเรา  เป็นเรื่องถูกต้องสำหรับเราที่จะคืนไม่เพียงสิ่งที่เราได้รับไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทั้งหมดของกำไรสะสมที่นำไปใช้อย่างถูกต้องและชาญฉลาดในช่วงเวลาที่อยู่ในการครอบครองของเราด้วย  {DA 556.2}            

พระผู้ช่วยให้รอดตรัสกับศักเคียสว่า "วันนี้ความรอดมาถึงบ้านนี้แล้ว"  ไม่ใช่ศักเคียสเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับพระพร แต่ทุกคนที่อยู่ในครอบครัวของเขาด้วย พระคริสต์เสด็จไปที่บ้านของเขาเพื่อประทานบทเรียนแห่งความจริงแก่เขา และเพื่อสั่งสอนครอบครัวของเขาในเรื่องต่างๆ ของอาณาจักร  การดูแคลนของพวกธรรมาจารย์และผู้นมัสการทำให้พวกเขาถูกกีดกันออกไปจากธรรมศาลา   แต่ในเวลานี้พวกเขากลายเป็นครอบครัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในทั้งเมืองเยรีโค พวกเขารวมตัวกันอยู่รอบพระอาจารย์ของพระเจ้าและสดับฟังพระวจนะแห่งชีวิตด้วยตัวของพวกเขาเอง  {DA 556.3}         

มีเพียงเมื่อรับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัวเท่านั้นที่ความรอดจะมายังจิตวิญญาณ  ศักเคียสต้อนรับพระเยซูไม่ใช่เพียงในฐานะอาคันตุกะผู้มาเยือนบ้านของเขา แต่ในฐานะพระเจ้าผู้สถิตในวิหารจิตวิญญาณ  พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีกล่าวหาว่าพระองค์ทรงเป็นคนบาป  พวกเขาบ่นพึมพำต่อว่าพระคริสต์ที่เสด็จมาเป็นอาคันตุกะของเขา  แต่พระเจ้าทรงยอมรับว่าเขาเป็นบุตรชายคนหนึ่งของอับราฮัม เพราะ "คนที่เชื่อนั่นแหละก็เป็นบุตรของอับราฮัม" กาลาเทีย 3 ข้อที่ 7 TKJV  {DA 556.4}                      

**********