บทที่ 29
วันสะบาโต
วันสะบาโตเป็นวันที่พระเจ้าทรงตั้งไว้ให้เป็นวันบริสุทธิ์เมื่อพระเจ้าสร้างโลก พระองค์ทรงตั้งไว้เพื่อมนุษย์ มีจุดเริ่มต้น "เมื่อเหล่าดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน?" โยบ 37 ข้อที่ 7 สันติสุขปกคลุมทั่วทั้งโลกไว้เพราะแผ่นดินโลกเข้าประสานกับสวรรค์ "พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ดูสิ ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก" ปฐมกาล 1 ข้อที่ 31 {DA 281.1}
เนื่องจากพระองค์ทรงพักผ่อนในวันสะบาโต "พระเจ้าจึงทรงอวยพรวันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์" ทรงจัดตั้งไว้เพื่อใช้ในพระราชกิจอันบริสุทธิ์ พระองค์ประทานวันสะบาโตให้อาดัมเพื่อเป็นวันพักผ่อน เป็นอนุสรณ์พระราชกิจแห่งการทรงสร้างโลกและดังนั้นจึงเป็นเครื่องหมายแห่งอำนาจและความรักของพระองค์ พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระองค์ทรงให้การอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์เป็นที่ระลึกถึง" "สรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง" ประกาศ "สภาพของพระเจ้าซึ่งตามนุษย์มองไม่เห็น” "ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมานั้น" "คือฤทธานุภาพอันถาวรและเทวสภาพของพระองค์" ปฐมกาล 2 ข้อที่ 3; สดุดี 111 ข้อที่ 4; โรม 1 ข้อที่ 20 {DA 281.2}
พระบุตรของพระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวง "ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า. . . .พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่เป็นอยู่นอกเหนือพระวาทะ" ยอห์น 1 ข้อที่ 1-3 เนื่องจากวันสะบาโตเป็นอนุสรณ์แห่งการทรงสร้าง จึงเป็นเครื่องหมายแห่งความรักและอำนาจของพระคริสต์ {DA 281.3}
วันสะบาโตเชิญชวนให้เราคิดคำนึงถึงธรรมชาติ และนำให้เราสื่อสัมพันธ์กับพระเจ้าพระผู้สร้าง ในเสียงเพลงของหมู่วิหค เสียงใบไม้สะบัดพริ้วไหวไปมาและเสียงดนตรีของทะเล เรายังได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ เป็นพระสุรเสียงเดียวกันกับที่ตรัสกับอาดัมและเอวาในยามเย็นของค่ำคืน และในขณะที่เรามองดูอำนาจของพระองค์ในธรรมชาติเราพบความประเล้าประโลมใจ เพราะพระวาทะที่ทรงสร้างสรรพสิ่งนั้นคือพระวาทะที่ประทานชีวิตแก่มนุษย์ พระองค์ "ผู้ตรัสว่าให้ความสว่างส่องออกมาจากความมืด ทรงส่องสว่างเข้ามาในใจของเรา เพื่อให้เรามีความสว่างแห่งความรู้ถึงพระสิริของพระเจ้า ที่ปรากฏบนพระพักตร์ของพระคริสต์" 2 โครินธ์ 4 ข้อที่ 6 {DA 281.4}
แนวคิดเช่นนี้เป็นบ่อเกิดของบทเพลงที่ว่า
"พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ยินดีด้วยพระราชกิจของพระองค์
ข้าพระองค์ร้องเพลงด้วยความยินดี เนื่องด้วยผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระราชกิจของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก
พระดำริของพระองค์สุดลึกล้ำ"
สดุดี 92 ข้อที่ 4, 5 {DA 282.1}
และพระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า "ท่านทั้งหลายจะเปรียบพระเจ้าเหมือนกับใคร? หรือเปรียบพระองค์คล้ายกับอะไร?. . . . . .พวกท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือ? ท่านเคยได้ยินไม่ใช่หรือ? พวกท่านได้รับการบอกกล่าวตั้งแต่ต้นแล้วไมใช่หรือ? ท่านไม่เข้าใจเรื่องรากฐานของแผ่นดินโลกหรือ? คือพระองค์ประทับเหนือหลังคาโค้งของแผ่นดินโลก และชาวแผ่นดินโลกก็เป็นเหมือนตั๊กแตน พระองค์ทรงขึงฟ้าสวรรค์เหมือนขึงม่านและกางมันออกเหมือนเต็นท์สำหรับอาศัย. . . .องค์บริสุทธิ์ตรัสว่า ‘พวกเจ้าจะเปรียบเรากับผู้ใด? และมีใครที่เสมอเหมือนเรา?’ จงเงยตาของพวกท่านขึ้น แล้วมองดูว่าใครสร้างสิ่งเหล่านี้? พระองค์ทรงนำพวกมันออกมาเป็นกลุ่มๆ ตามจำนวน เรียกชื่อของมันทั้งหมดเพราะพลังของพระองค์นั้นมีมากมาย และกำลังของพระองค์นั้นใหญ่หลวงนัก จึงไม่ขาดหายไปแม้แต่ดวงเดียว โอ ยาโคบเอ๋ย ทำไมท่านจึงกล่าวว่า อิสราเอลเอ๋ย ทำไมท่านจึงพูดว่า ‘ทางของข้าพเจ้าถูกปิดไว้จากพระยาห์เวห์และความยุติธรรมที่ควรเป็นของข้าพเจ้านั้นก็ผ่านพระเจ้าของข้าพเจ้าไป?’ ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือ? ท่านเคยได้ยินไม่ใช่หรือ? พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์ เป็นผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์ไม่ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย. . . .พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ยและผู้ไม่มีพลังนั้นพระองค์ทรงให้มีเรี่ยวแรงมาก” “อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะเสริมกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้าเราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา” “ที่สุดปลายแผ่นดินโลกทุกแห่ง จงหันมาหาเราและรับความรอด เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้อื่น” นี่เป็นข่าวสารที่จารึกไว้ในธรรมชาติ ซึ่งกำหนดให้วันสะบาโตเป็นเครื่องเตือนความทรงจำ เมื่อพระเจ้าตรัสบัญชาให้คนอิสราเอลถือรักษาวันสะบาโตให้เป็นวันบริสุทธิ์นั้น พระองค์ตรัสว่า “เพื่อจะเป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับเจ้า เพื่อเจ้าจะทราบว่าเราคือยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย” อิสยาห์ 40 ข้อที่ 18-29; 41 ข้อที่ 10; 45 ข้อที่ 22; เอเสเคียล 20 ข้อที่ 20 {DA 282.2}
พระบัญญัติที่พระเจ้าประทานจากภูเขาซีนายรวมวันสะบาโตเข้าเป็นส่วนหนึ่งไว้ในนั้น แต่นี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่ทรงเปิดเผยเพื่อให้มนุษย์ทราบถึงวันพักผ่อน ชนชาติอิสราเอลทราบเรื่องนี้ก่อนไปถึงภูเขาซีนาย ตลอดทางที่มุ่งหน้าไปสู่ที่นั่น พวกเขาถือรักษาวันสะบาโตแล้ว เมื่อพวกเขาทำผิดวันสะบาโต พระเจ้าทรงตำหนิพวกเขาว่า "พวกเจ้าจะขัดขืนบัญญัติและกฎหมายของเรานานสักเท่าไร?" อพยพ 16 ข้อที่ 28 {DA 283.1}
วันสะบาโตไม่ทรงประทานไว้ให้กับชนชาติอิสราเอลเท่านั้น แต่ได้ทรงโปรดประทานให้กับคนทั่วทั้งโลกด้วย เรื่องนี้ทรงเปิดเผยไว้แล้วให้แก่มนุษย์ที่สวนเอเดน และจะไม่มีวันสูญสิ้นไปเหมือนพระบัญญัติสิบประการข้ออื่นๆ พระบัญญัติข้อที่สี่เป็นส่วนหนึ่งของพระบัญญัติสิบประการ พระคริสต์ตรัสถึงพระบัญญัติที่มีบัญญัติข้อที่สี่รวมอยู่ด้วยนั้นว่า "จนกว่าฟ้าและดินจะล่วงไป แม้อักษรที่เล็กที่สุด หรือขีด ขีดหนึ่ง ก็จะไม่มีวันสูญไปจากธรรมบัญญัติ จนกว่าทุกสิ่งจะเกิดขึ้น” ตราบใดที่ฟ้าและแผ่นดินดำรงอยู๋ วันสะบาโตจะดำรงอยู่ต่อไป เป็นหมายสำคัญแสดงถึงอำนาจของพระเจ้าพระผู้ทรงสร้าง และเมื่อสวนเอเดนจะกลับคืนมาตั้งขึ้นใหม่ในโลกอีกครั้ง คนทั้งหลายภายใต้ดวงอาทิตย์จะถวายเกียรติแด่วันพักผ่อนบริสุทธิ์ของพระเจ้า “จากวันสะบาโตถึงอีกวันสะบาโต” มนุษย์ทั้งหมดของแผ่นดินโลกใหม่แห่งพระสิริจะขึ้นไป “นมัสการต่อหน้าเรา พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ” มัทธิว 5 ข้อที่ 18; อิสยาห์ 66 ข้อที่ 23 {DA 283.2}
ไม่มีสถาบันอื่นใดที่พระเจ้าทรงโปรดประทานให้ชาวยิวที่จะแยกพวกเขาออกจากประชาชาติรอบข้างได้ดีกว่าวันสะบาโต พระเจ้าทรงออกแบบไว้ว่าผู้ที่ถือรักษาวันนี้บ่งบอกถึงการเป็นผู้นมัสการพระองค์ เพื่อเป็นเครื่องหมายถึงการแยกพวกเขาจากคนกราบไหว้รูปเคารพและเป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีต่อพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ แต่เพื่อที่จะถือรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ได้นั้นมนุษย์เองจะต้องเป็นคนบริสุทธิ์ โดยความเชื่อพวกเขาจะต้องมีส่วนร่วมกับความชอบธรรมของพระคริสต์ เมื่อพระเจ้าตรัสบัญชาให้ชนชาติอิสราเอล "ระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์" นั้นพระเจ้าตรัสด้วยว่า "เจ้าทั้งหลาย [จง] เป็นคนบริสุทธิ์ของเรา” อพยพ 20 ข้อที่ 8; 22 ข้อที่ 31 ด้วยประการฉะนี้วันสะบาโตเท่านั้นจะแยกชนชาติอิสราเองออกมาให้เป็นผู้ที่นมัสการพระเจ้า {DA 283.3}
ขณะที่ชาวยิวเดินออกไปจากพระเจ้า พวกเขาพลาดที่จะรับความชอบธรรมของพระคริสต์ด้วยความเชื่อมาเป็นของตนเอง วันสะบาโตไม่มีความสำคัญสำหรับพวกเขา ซาตานหาทางยกตนขึ้นให้สูงและชักนำมนุษย์ให้ห่างจากพระคริสต์ และมันพยายามบิดเบือนวันสะบาโตเพราะเป็นเครื่องหมายอำนาจของพระคริสต์ ผู้นำชาวยิวทำตามความประสงค์ของซาตานสำเร็จด้วยการกำหนดภาระหนักให้กับวันพักผ่อนของพระเจ้า ในสมัยของพระคริสต์ วันสะบาโตถูกบิดเบือนไปจนทำให้การถือรักษาวันบริสุทธิ์นี้สะท้อนลักษณะอุปนิสัยของมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวและปราศจากเหตุผลแทนพระลักษณะนิสัยของพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก พวกธรรมาจารย์ทำตัวให้เป็นผู้แทนของพระเจ้าด้วยการออกกฎหมายที่มนุษย์ไม่มีทางถือรักษาได้ พวกเขาชักนำผู้คนให้เชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นทรราชและชักจูงให้คิดว่าการถือรักษาวันสะบาโตตามที่พระองค์ทรงกำหนดนั้นทำให้มนุษย์มีใจแข็งกระด้างและเหี้ยมโหด พระคริสต์ทรงมีภาระกิจที่จะกำจัดความเข้าใจผิดนี้ ถึงแม้ว่าพวกธรรมาจารย์ติดตามพระองค์ด้วยความมุ่งร้ายอย่างไร้ความปรานี พระองค์ไม่ได้แม้แต่จะแสดงออกว่าคล้อยตามข้อกำหนดของพวกเขา แต่ทรงมุ่งหน้าต่อไปที่จะถือรักษาวันสะบาโตตามพระบัญญัติของพระเจ้า {DA 283.4}
มีอยู่วันสะบาโตหนึ่ง ขณะที่พระเยซูและสาวกกลับจากสถานนมัสการ พวกเขาเดินผ่านนาข้าวที่มีรวงข้าวกำลังสุก พระเยซูทรงทำงานต่อเนื่องจนเกินเวลา และขณะที่เดินผ่านทุ่งนา สาวกเริ่มเด็ดรวงข้าวและขยี้รวงข้าวในมือและรับประทาน ในวันอื่นๆ การกระทำนี้จะไม่เป็นเหตุทำให้เกิดเสียงวิพากวิจารณ์ เพราะผู้ที่เดินผ่านทุ่งนา สวนองุ่นมีสิทธิเด็ดสิ่งที่เขาปรารถนามารับประทาน โปรดดู เฉลยธรรมบัญญัติ 23 ข้อที่ 24, 25 แต่การกระทำนี้ในวันสะบาโตถือว่าล่วงละเมิดความบริสุทธิ์ของวันสะบาโต ไม่เพียงการเก็บเมล็ดข้าวที่ถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวแต่การขยี้เมล็ดข้าวก็ถือว่าเป็นการสีข้าว ด้วยเหตุนี้ ในความเห็นของพวกธรรมาจารย์แล้ว เป็นการกระทำผิดถึงสองเท่า {DA 284.1}
พวกคนสอดแนมร้องเรียนพระเยซูทันทีว่า "ดูซิ พวกสาวกของท่านทำสิ่งที่ต้องห้ามในวันสะบาโต" มัทธิว 12 ข้อที่ 2 {DA 284.2}
เมื่อพระเยซูถูกกล่าวหาว่าทำผิดเรื่องของวันสะบาโตที่สระน้ำเบธซาธา พระองค์ทรงปกป้องตนเองด้วยการยืนยันว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และประกาศว่า พระองค์ทรงประกอบกิจอย่างสอดคล้องกันกับพระบิดา บัดนี้ พวกสาวกถูกโจมตี พระองค์ทรงโต้ผู้กล่าวหาด้วยการอ้างแบบอย่างในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมของการกระทำของผู้ที่อยู่ในภารกิจแห่งการรับใช้พระเจ้าที่ทำในวันสะบาโต {DA 284.3}
ครูชาวยิวภูมิใจที่พวกตนมีความรู้พระคัมภีร์ และในคำตอบของพระผู้ช่วยให้รอดมีการตำหนิความไม่พระคำศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาไปโดยปริยาย พระองค์ตรัสว่า "พวกท่านไม่ได้อ่านเรื่องที่ดาวิดทำเมื่อหิวหรือ? ทั้งตัวท่านและพรรคพวกด้วย ท่านเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้าและรับประทานขนมปังเฉพาะพระพักตร์ ทั้งให้พรรคพวกด้วยซึ่งบัญญัติห้ามใครรับประทานนอกจากพวกปุโรหิตเท่านั้น" “พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า ‘วันสะบาโตนั้นทรงตั้งไว้เพื่อมนุษย์ ไม่ได้ทรงสร้างมนุษย์ไว้เพื่อวันสะบาโต" "พวกท่านไม่ได้อ่านในธรรมบัญญัติหรือ? ที่ว่าพวกปุโรหิตในพระวิหารย่อมละเมิดกฎวันสะบาโตแต่ไม่มีความผิด แต่เราบอกท่านว่าที่เป็นใหญ่กว่าพระวิหารอยู่ที่นี่" "บุตรมนุษย์เป็นเจ้าเป็นนายเหนือวันสะบาโตด้วย" ลูกา 6 ข้อที่ 3-4 มาระโก 2 ข้อที่ 27-28 มัทธิว 12 ข้อที่ 5-6 {DA 285.1}
หากดาวิดแก้หิวด้วยการรับประทานขนมปังที่จัดวางไว้สำหรับพิธีบริสุทธิ์เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว การที่สาวกเด็ดรวงข้าวในช่วงเวลาบริสุทธิ์ของวันสะบาโต เพื่อให้อิ่มท้องนั้นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องด้วย นอกจากนี้ ปุโรหิตในพระวิหารปฏิบัติงานในวันสะบาโตหนักยิ่งกว่าในวันอื่นๆ การทำงานเดียวกันในธุรกิจทางฝ่ายโลกจะถือว่าบาป แต่งานที่ปุโรหิตทำนั้นเป็นพระราชกิจของพระเจ้า พวกเขากำลังทำพิธีต่างๆ ที่ชี้เล็งไปยังอำนาจการไถ่ของพระคริสต์ และงานของพวกเขาสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของวันสะบาโต แต่บัดนี้พระองค์เสด็จมาเองแล้ว สาวกที่ทำงานให้พระคริสต์นั้น กำลังปรนนิบัติรับใช้ในพระราชกิจของพระองค์ และเป็นงานที่จำเป็นต้องทำให้เสร็จในวันสะบาโต จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง {DA 285.2}
พระคริสต์ทรงประสงค์สอนสาวกและศัตรูของพระองค์ว่าการรับใช้ในพระราชกิจของพระเจ้าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมาเป็นอันดับแรก เป้าหมายพระราชกิจของพระเจ้าในโลกนี้คือการช่วยมนุษย์ให้รอดจากบาป ดังนั้น สิ่งที่จำต้องทำในวันสะบาโตเพื่อทำให้พระราชกิจนี้สำเร็จ ก็เป็นไปตามพระบัญญัติวันสะบาโต จากนั้นพระเยซูทรงสรุปความสำคัญของการโต้เถียงด้วยการประกาศว่า พระองค์ทรง "เป็นเจ้าเป็นนายเหนือวันสะบาโต" พระองค์ทรงอยู่เหนือความขัดแย้งและเหนือกฎบัญญัติทั้งปวง พระเจ้าพระผู้ทรงเป็นผู้พิพากษานิรันดร์ทรงทำให้สาวกพ้นจากความผิดด้วยการอ้างจากบทบัญญัติอันเดียวกันกับที่พวกเขาถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิด {DA 285.3}
พระเยซูไม่ทรงปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยไม่ทรงตำหนิศัตรูของพระองค์ พระองค์ทรงเปิดเผยว่าในสภาพตาที่บอดนั้น พวกเขาเข้าใจเป้าหมายของวันสะบาโตผิดไป พระองค์ตรัสว่า "ถ้าพวกท่านเข้าใจความหมายของพระคัมภีร์ที่ว่า ‘เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา’ พวกท่านก็คงจะไม่ตัดสินลงโทษพวกที่ไม่มีความผิด" มัทธิว 12 ข้อที่ 7 พิธีกรรมมากมายที่ปราศจากชีวิตไม่อาจทดแทนความซื่อสัตย์จริงใจ และความรักอันอ่อนโยนที่ขาดไปซึ่งเป็นคุณสมบัติของผู้นมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ {DA 285.4
พระคริสต์ทรงย้ำถึงความจริงอีกครั้งว่า พิธีกรรมของการถวายบูชานั้นไม่มีคุณค่าในตัวของพิธีกรรมเอง เป็นเพียงสื่อกลางไม่ใช่เป้าหมาย จุดประสงค์ของพิธีกรรมนี้เพื่อชี้นำมนุษย์ไปหาพระผู้ช่วยให้รอด และจึงนำพวกเขาให้เข้าประสานร่วมเป็นหนึ่งกับพระเจ้า การรับใช้แห่งความรักนั้นพระเจ้าทรงถือว่ามีค่า เมื่อขาดสิ่งนี้ไป การปฏิบัติตามพิธีกรรมนั้นเป็นที่น่าพึงรังเกียจต่อพระองค์ เรื่องของวันสะบาโตก็เช่นเดียวกัน วันสะบาโตมีไว้เพื่อให้มนุษย์สื่อสัมพันธ์กับพระเจ้า แต่เมื่อความคิดของพวกเขาวกวนอยู่กับพิธีกรรมอันน่าเบื่อหน่าย เป้าหมายของวันสะบาโตก็ถูกขัดขวาง การถือรักษาแต่เพียงภายนอกเป็นการหลอกลวง {DA 286.1}
ในอีกวันสะบาโตหนึ่ง ขณะพระเยซูเสด็จเข้าไปในธรรมศาลา พระองค์ทรงพบชายมือลีบคนหนึ่ง พวกฟาริสีเฝ้ามองพระองค์อย่างใจจดจ่อเพื่อดูว่า พระองค์จะทรงกระทำการใด พระผู้ช่วยให้รอดทรงทราบดีว่าการรักษาในวันสะบาโตจะทำให้พระองค์ทรงถูกมองว่าเป็นผู้ล่วงละเมิดพระบัญญัติ แต่พระองค์ไม่ทรงรีรอที่จะทลายกำแพงแห่งข้อกำหนดของประเพณีซึ่งเป็นเครื่องกีดขวางวันสะบาโตอยู่ พระเยซูตรัสสั่งชายนั้นให้เดินก้าวเข้ามาหา แล้วตรัสถามว่า "ในวันสะบาโตควรจะทำการดีหรือทำการร้าย ควรจะช่วยชีวิตหรือทำลายชีวิต?" ในหมู่ชาวยิวมีกฎเกณฑ์หนึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่า หากมีโอกาสที่จะทำความดี แต่ไม่ทำก็คือเป็นการทำชั่ว หากละเลยที่จะช่วยชีวิตก็คือการฆ่า ด้วยเหตุนี้ พระเยซูทรงเผชิญหน้ากับธรรมาจารย์บนพื้นฐานความเชื่อของพวกเขา "คนทั้งหลายก็นิ่งอยู่ พระองค์ทอดพระเนตรดูรอบๆ ด้วยพระพิโรธและเสียพระทัย ที่จิตใจของพวกเขากระด้าง แล้วพระองค์ตรัสกับชายคนนั้นว่า ‘จงเหยียดมือออกเถิด’ เขาก็เหยียดออก และมือของเขาก็หายเป็นปกติ" มาระโก 3 ข้อที่ 4-5 {DA 286.2}
เมื่อมีคนถามพระเยซูว่า "การรักษาโรคในวันสะบาโตนั้นต้องห้ามหรือไม่?" พระองค์ตรัสตอบว่า "ถ้าใครในพวกท่านมีแกะตัวหนึ่ง และแกะตัวนั้นตกบ่อในวันสะบาโต คนนั้นก็จะฉุดลากแกะตัวนั้นขึ้นมาไม่ใช่หรือ? มนุษย์คนหนึ่งย่อมประเสริฐยิ่งกว่าแกะมากทีเดียว เพราะฉะนั้นจึงอนุญาตให้ทำการดีได้ในวันสะบาโต" มัทธิว 12 ข้อที่ 10-12 {DA 286.3}
ผู้สอดแนมทั้งหลายไม่กล้าตอบพระเยซูเมื่อยู่ต่อหน้ามหาชน เพราะกลัวว่าจะนำพาตัวเองตกลงสู่ความยุ่งยาก พวกเขารู้ดีว่า พระองค์ตรัสความจริง พวกเขายอมปล่อยให้คนหนึ่งตกอยู่ในความทุกข์มากกว่าที่จะทำผิดกฎระเบียบประเพณี ในขณะที่จะปลดปล่อยสัตว์เดรัจฉานให้พ้นทุกข์ เนื่องจากจะนำความสูญเสียมายังเจ้าของสัตว์หากปล่อยปละละเลยสัตว์ตัวนั้นไป ด้วยการทำเช่นนี้ พวกเขาเอาใจใส่สัตว์เดรัจฉานมากกว่ามนุษย์ ผู้ที่ได้รับการทรงสร้างตามแบบพระฉายาของพระเจ้า เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงงานของศาสนาเทียมเท็จทั้งหมด ศาสนาเทียมเท็จเหล่านี้มีจุดเริ่มต้นจากความปรารถนาของมนุษย์ที่จะยกชูตนเองให้เหนือพระเจ้า แต่สุดท้ายทำให้มนุษย์ตกต่ำถดถอยลงไปยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก ศาสนาใดที่ต่อสู้กับอำนาจยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ก็ปล้นเอาสง่าราศีของมนุษย์ซึ่งเป็นของเขาเมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลก และซึ่งจะคืนให้ในพระคริสต์ ศาสนาเทียมเท็จสอนผู้นับถือว่า ให้ละเลยความต้องการของมนุษย์ ความทุกข์และสิทธิของเขา พระกิตติคุณเชิดชูคุณค่าของมวลมนุษยชาติว่าเป็นผลการไถ่ด้วยพระโลหิตของพระคริสต์ และสอนให้ดูแลความต้องการและความทุกข์ยากของมนุษย์ พระยาห์เวห์ตรัสว่า "เราจะทำให้การหาคนนั้นยากกว่าการหาทองคำนพคุณ และการหามนุษย์ยากกว่าการหาทองคำแห่งโอฟีร์" อิสยาห์ 13 ข้อที่ 12 {DA 286.4}
เมื่อพระเยซูทรงโต้กลับพวกฟาริสี ด้วยคำถามว่า การทำดีหรือการทำชั่ว จะช่วยชีวิตดีหรือจะผลาญชีวิตเสียดี ในวันสะบาโตเป็นเรื่องถูกต้องตามกฎบัญญัติหรือไม่ นั้น พระองค์ทรงเปิดโปงความมุ่งร้ายของพวกเขาเอง พวกเขากำลังตามล่าเอาชีวิตของพระองค์ด้วยความโกรธแค้นอันขมขื่น ในขณะที่พระองค์ทรงช่วยชีวิตและนำความสุขมาให้กับมหาชน การจะลงมือฆ่าพระองค์ในวันสะบาโตตามที่พวกเขาวางแผนไว้ จะดีกว่ารักษาคนเจ็บป่วยตกทุกข์ตามที่พระองค์ทรงกระทำการอยู่นั้นหรือ? การมีใจที่อาฆาตพยาบาทในวันบริสุทธิ์ของพระเจ้า มีความชอบธรรมมากยิ่งกว่าความรักที่มีต่อมนุษย์ ซึ่งแสดงออกด้วยการกระทำแห่งความเมตตาหรือ? {DA 287.1}
ในการรักษาชายที่มือข้างหนึ่งลีบนั้น พระเยซูทรงตำหนิประเพณีของชาวยิว และทรงให้พระบัญญัติข้อที่สี่เป็นไปตามที่พระเจ้าทรงโปรดประทานไว้ แล้วพระองค์ทรงเปิดเผยว่า "เพราะฉะนั้นจึงอนุญาตให้ทำการดีได้ในวันสะบาโต" พระองค์ทรงให้เกียรติวันสะบาโตด้วยการขจัดกฎระเบียบที่ไร้เหตุผลของชาวยิวทิ้งไป ในขณะผู้ที่บ่นติเตียนพระองค์กำลังลบหลู่วันบริสุทธิ์ของพระองค์ {DA 287.2}
คนทั้งหลายที่เชื่อว่าพระคริสต์ทรงลบล้างพระบัญญัติไปแล้วนั้นก็สอนว่าพระเยซูทรงทำผิดในเรื่องวันสะบาโต และตัดสินสาวกในความผิดเดียวกันนี้ ดังนั้น คนเหล่านี้มีจุดยืนเดียวกันกับพวกยิวในสมัยนั้นที่เสียดสีพระองค์ ในเรื่องนี้พวกเขาขัดแย้งกับคำพยานที่พระคริสต์เองตรัสไว้ว่า "เราประพฤติตามบัญญัติของพระบิดาและติดสนิทอยู่กับความรักของพระองค์" ยอห์น 15 ข้อที่ 10 พระผู้ช่วยให้รอดรวมทั้งสาวกของพระองค์ไม่ได้ทำผิดพระบัญญัติวันสะบาโต พระคริสต์ทรงเป็นตัวแทนอันมีชีวิตของพระบัญญัติ ในชีวิตของพระองค์จะไม่พบการทำผิดพระบัญญัติบริสุทธิ์ ในขณะที่พระองค์ทอดพระเนตรประชาชาติหนึ่งที่คอยจ้องจับพระองค์เพื่อหาเหตุตัดสินกำหนดโทษพระองค์นั้น พระองค์ตรัสอย่างไม่มีใครโต้แย้งได้ว่า "มีใครในพวกท่านที่อาจชี้ให้เห็นว่าเรามีบาป?" ยอห์น 8 ข้อที่ 46 {DA 287.3}
พระผู้ช่วยให้รอดไม่ได้เสด็จมาเพื่อยกเลิกสิ่งที่บรรพชนหรือผู้เผยพระวจนะทั้งหลายกล่าวไว้ ทั้งนี้เนื่องจากว่า พระองค์เองทรงเป็นผู้ตรัสผ่านบุคคลเหล่านี้ ความจริงทั้งหมดของพระเจ้ามาจากพระองค์ แต่อัญมณีอันหาค่าไม่ได้เหล่านี้ถูกวางไว้ในตำแหน่งที่ผิด แสงอันล้ำค่าถูกนำไปใช้ในงานที่ผิด พระเจ้าทรงประสงค์นำพวกเขาออกจากแนวคิดที่ไม่ถูกต้องและนำไปวางไว้ในกรอบแห่งความจริง งานนี้ทำให้สำเร็จได้ด้วยพระหัตถ์ของพระเจ้าเท่านั้น โดยการเอาความจริงและความผิดเชื่อมเข้าด้วยกัน ความจริงนี้จึงก่อประโยชน์ให้กับงานของศัตรูของพระเจ้าและมนุษย์ พระคริสต์เสด็จมาเพื่อจัดวางความจริงนี้ให้อยู่ในที่ที่จะถวายพระสิริพระเจ้าและประกอบกิจแห่งการช่วยมวลมนุษยชาติให้รอด {DA 287.4}
พระเยซูตรัสว่า "วันสะบาโตนั้นทรงตั้งไว้เพื่อมนุษย์ ไม่ได้ทรงสร้างมนุษย์ไว้เพื่อวันสะบาโต" สถาบันที่พระเจ้าทรงสถาปนาขึ้นมานี้ก็เพื่อประโยชน์ของมนุษย์ "เพราะว่าทุกๆ สิ่งก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน" "ไม่ว่าจะเป็นเปาโล หรืออปอลโล หรือเคฟาส หรือโลก หรือชีวิต หรือความตาย หรือปัจจุบัน หรืออนาคต ทุกสิ่งนั้นล้วนเป็นของท่าน และท่านทั้งหลายเป็นของพระคริสต์ และพระคริสต์ทรงเป็นของพระเจ้า" 2 โครินธ์ 4 ข้อที่ 15; 1 โครินธ์ 3 ข้อที่ 22, 23 พระเจ้าประทานพระบัญญัติสิบประการซึ่งมีบัญญัติวันสะบาโตรวมอยู่ด้วยนั้นแก่มนุษย์เพื่อเป็นพระพร โมเสสกล่าวไว้ว่า "พระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้เราทำตามกฎเกณฑ์เหล่านี้ทั้งสิ้น คือให้ยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราเพื่อเป็นผลดีแก่เราเสมอ เพื่อจะทรงรักษาชีวิตของเราไว้ให้คงอยู่จนทุกวันนี้" เฉลยธรรมบัญญัติ 6 ข้อที่ 24 และพระเจ้าประทานข่าวต่อไปนี้ให้แก่อิสราเอลโดยผ่านผู้ประพันธ์สดุดีว่า "จงปรนนิบัติพระยาห์เวห์ด้วยความยินดี จงเข้ามาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยการร้องเพลง จงรู้เถิดว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าคือพระองค์เองที่ทรงสร้างเราทั้งหลาย และเราก็เป็นของพระองค์ เราเป็นประชากรของพระองค์ เป็นแกะแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์ จงเข้าประตูของพระองค์ด้วยการขอบพระคุณ และเข้าบริเวณพระนิเวศของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ" สดุดี 100 ข้อที่ 2-4 และพระเจ้าตรัสกับคนทั้งหมดที่ “รักษาวันสะบาโต ไม่ทำให้วันนั้นเสื่อมเสีย” ว่า "เราจะนำพวกเขามายังภูเขาบริสุทธิ์ของเรา และทำให้เขาชื่นบานอยู่ในนิเวศอธิษฐานของเรา" อิสยาห์ 56 ข้อที่ 6, 7 {DA 288.1}
"บุตรมนุษย์เป็นเจ้าเป็นนายเหนือวันสะบาโตด้วย” เป็นพระวจนะอันเปี่ยมด้วยคำสอนและคำปลอบประโลมใจ เนื่องจากว่าวันสะบาโตทรงโปรดสร้างไว้ให้แก่มนุษย์ จึงเป็นวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นวันของพระคริสต์ เพราะ "พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่เป็นอยู่นอกเหนือพระวาทะ" ยอห์น 1 ข้อที่ 3 เนื่องจากว่าพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง พระองค์จึงทรงเป็นผู้สร้างวันสะบาโตด้วย โดยพระองค์เองทรงเป็นผู้จัดตั้งวันสะบาโตไว้เป็นอนุสรณ์ของพระราชกิจแห่งการทรงสร้าง วันสะบาโตชี้ไปที่พระองค์ว่าทรงเป็นพระผู้สร้างและทรงเป็นพระผู้ชำระให้บริสุทธิ์ เป็นวันที่ประกาศว่าพระองค์ผู้ทรงสร้างสิ่งสารพัดในสวรรค์และบนแผ่นดินโลกและโดยพระองค์ทุกสิ่งในโลกเข้าประสานเข้าด้วยกันนั้น ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร และโดยอำนาจของพระองค์เราทั้งหลายจึงคืนดีกับพระเจ้าได้ พระองค์ตรัสถึงชนชาติอิสราเอลว่า "เราให้สะบาโตของเราแก่เขาทั้งหลาย เป็นหมายสำคัญระหว่างเราและเขา เพื่อเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์ เป็นผู้ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์" เอเสเคียล 20 ข้อที่ 12 ดังนั้นวันสะบาโตเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจการชำระให้บริสุทธิ์ พระเจ้าจึงทรงโปรดประทานวันสะบาโตแก่ทุกคนที่พระคริสต์ทรงชำระให้บริสุทธิ์เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งอำนาจการชำระให้บริสุทธิ์ของพระองค์ โดยทางพระคริสต์วันสะบาโตประทานให้กับทุกคนที่มาเป็นส่วนหนึ่งของชนชาติอิสราเอลของพระเจ้า {DA 288.2}
และพระยาห์เวห์ตรัสว่า "ถ้าเจ้าหันเท้าจากการเหยียบย่ำวันสะบาโตคือจากการทำตามใจของเจ้าในวันบริสุทธิ์ของเราและเรียกสะบาโตว่าวันปีติยินดี และเรียกวันบริสุทธิ์ของพระยาห์เวห์ว่าวันมีเกียรติ . . . ..แล้วเจ้าจะปีติยินดีในพระยาห์เวห์" อิสยาห์ 58 ข้อที่ 13-14 สำหรับทุกคนที่รับวันสะบาโตเป็นหมายสำคัญของอำนาจแห่งการทรงสร้างและการไถ่แล้ว เขาจะได้รับความปีติยินดี เมื่อเขาเห็นพระคริสต์ในวันสะบาโตเขาจะมีความชื่นชมยินดีในพระองค์ วันสะบาโตนำให้เขาเห็นว่าผลงานแห่งการทรงสร้างเป็นหลักฐานอำนาจยิ่งใหญ่แห่งการทรงช่วยให้รอด ในขณะที่วันสะบาโตเตือนสติให้คิดถึงสันติสุขของสวนเอเดนที่สูญไป แต่ก็บอกให้ทราบถึงสันติสุขที่จะได้กลับคืนมาโดยทางพระผู้ช่วยให้รอด และทุกสิ่งในธรรมชาติประกาศย้ำเน้นถึงคำเชิญชวนที่ว่า "บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก" มัทธิว 11 ข้อที่ 28 {DA 289.1}
**************