Post date: Sep 17, 2012 2:24:39 PM
หาคาแนะนาจากพระคัมภีร์—การแต่งงานเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงสถาปนา และจะต้องไม่เข้าไปสู่พิธีนี้ด้วยเจตนาของความเห็นแก่ตัว ผู้ที่ไตร่ตรองที่จะก้าวไปสู่เส้นทางนี้จะต้องพิจารณาด้วยความตั้งใจและการอธิษฐานถึงความสาคัญและแสวงหารคาแนะนาของพระเจ้า เพื่อให้พวกเขาได้รู้ว่ากาลังเดินไปสู่เส้นทางที่เข้าประสานกับน้าพระทัยของพระเจ้าได้หรือไม่ คาชี้แนะที่ประทานให้ในพระคาของพระเจ้าในเรื่องนี้จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ สวรรค์เฝ้ามองด้วยความพึงพอพระทัยกับการแต่งงานที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจทาตามแนวทางที่ให้ไว้ในพระคัมภีร์ {AB70.1}
หากมีเรื่องใดที่จะต้องพิจารณาด้วยเหตุผลที่มีอารมณ์อันสงบและการตัดสินใจที่ไม่ถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์แล้ว นั่นคือเรื่องของการแต่งงาน หากมีเวลาใดที่ต้องการพระคัมภีร์เป็นที่ปรึกษาแล้ว นั่นก็คือการจะก้าวไปสู้การผูกสองคนเข้าด้วยกันตลอดชีวิต แต่ทัศนคติที่ใช้กันทั่วไปในเรื่องนี้คือจะทาตามแนวทางของความรู้สึกและมีอยู่หลายๆ กรณีอารมณ์ของความหลงรักครองความเป็นใหญ่และนาไปสู่หายนะอย่างแน่นอน ในเรื่องนี้เองที่เยาวชนแสดงออกถึงความฉลาดน้อยไปกว่าเรื่องอื่นๆ ในเรื่องนี้ที่พวกเขาปฏิเสธที่มาปรึกษาหารือกัน ปัญหาของการแต่งงานดูเหมือนว่ามีอานาจทาให้พวกเขหลงเสน่ห์ พวกเขาไม่ยอมมอบถวายตัวเองให้พระเจ้า ประสาทสัมผัสของพวกเขาถูกใส่ตรวนไว้และมุ่งไปข้างหน้าอย่างลับๆ ทาราวกับว่ากลัวที่จะมีใครบางคนมารบกวนแผนการของพวกเขา {AB70.2}
คนมากมายกาลังแล่นเรืออยู่ในท่าเรือที่อันตราย พวกเขาต้องการผู้นาทาง แต่พวกเขาสบประมาทที่จะรับความช่วยเหลือที่พวกเขาต้องการอย่างมากยิ่ง มีความรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถที่จะนาสาเภาของตัวเองได้ และไม่ตระหนักว่าสาเภานี้กาลังจะชนหินโสโครกจนทาให้เรือแห่งความเชื่อและความสุขแตกสลายไป....พวกเขาจะทาผิดอย่างมหันต์นอกเสียจากว่าจะเป็นนักศึกษาพระคา (พระคัมภีร์)อย่างขยันขันแข็ง จนนาไปสู่ความผิดพลาดยิ่งใหญ่ที่จะไปทาลายความสุขของเขาและของผู้อื่นเสียหายทั้งในชีวิตนี้และชีวิตในภายภาคหน้า {AB70.3}
คาอธิษฐานเป็นสิ่งที่จาเป็นสาหรับการตัดสินใจ—หากชายและหญิงมีนิสัยของการอธิษฐานวันละสองครั้งก่อนคิดที่จะแต่งงาน พวกเขาจะต้องอธิษฐานวันละสี่ครั้งเมื่อจะก้าวไปยังจุดนี้ การแต่งงานเป็นเรื่องที่จะส่งอิทธิพลและส่งผลต่อชีวิตของท่านทั้งในโลกนี้และในโลกที่จะมาถึง... {AB71.1}
การแต่งงานส่วนใหญ่ในยุคของเรานี้และวิธีของการจัดงานทาให้เห็นถึงหมายสาคัญของยุคสุดท้าย ชายและหญิงแสดงออกถึงความดื้อแพ่งความดันทุรัง จนตัดเรื่องของพระเจ้าออกไป พวกเขาปัดทิ้งเรื่องของพระเจ้า ทาราวกับว่าไม่มีส่วนมาเกี่ยวข้อกับเรื่องเคร่งขรึมและสาคัญนี้ {AB71.2}
เมื่อความหลงเสน่ห์ปิดหูให้กับคาแนะนา—มีอยู่สองคนได้มาทาความรู้จักกัน ทั้งสองหลงซึ่งกันและกันและสนใจต่อกัน เหตุผลคือตาบอดและการตัดสินใจถูกปัดทิ้งไป พวกเขาจะไม่ยอมต่อคาแนะนาใดหรือการควบคุมใดเลยแต่ยืนยันที่จะทาตามใจของตัวเอง ไม่ว่าจะได้ผลลัพธ์อย่างไร ความลุ่มหลงของพวกเขามีลักษณะเหมือนโรคระบาดหรือเชื้อระบาดที่จะต้องดาเนินไปตามวิถีของโรคและดูประหนึ่งว่าไม่มีทางเลยที่จะหยุดยั้งมัน {AB71.3}
อาจเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ที่มีบางคนตระหนักได้ว่าหากทั้งสองฝ่ายที่สนใจจะแต่งงานกัน อาจนาไปสู่ชีวิตที่ไม่มีความสุขตลอดไป แต่การร้องขอและคาอ้อนวอนที่ให้ไปนั้นไม่เกิดผล อาจเป็นไปได้ที่การรวมตัวกันเช่นนี้ การทางานที่เกิดประโยชน์ของคนหนึ่งที่พระเจ้าอาจจะอวยพระพรในพระราชกิจแห่งการรับใช้พิการและถูกทาลายไป แต่การให้เหตุผลและคาอ้อนวอนก็ไม่เป็นที่สนใจเช่นกัน เรื่องทั้งหมดที่ชายและหญิงมีประสบการณ์พูดไว้ผ่านการพิสูจน์ว่าไม่เกิดผล ไม่มีพลังใดที่จะเปลี่ยนการตัดสินใจที่ความปรารถนาได้นามาถึงจุดนี้ พวกเขาสูญเสียความสนใจในประชุมอธิษฐานและในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนา พวกเขาหลงเสน่ห์ซึ่งกันและกันและละเลยหน้าที่ของชีวิต ทาราวกับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจ {AB71.4}
เยาวชนต้องการปัญญาของคนมีอายุและประสบการณ์—เมื่อมีความทุกข์มากมายเช่นนี้ที่เกิดจากการแต่งงาน ทาไมเยาวชนจึงไม่ยอมที่จะฉลาด ทาไมพวกเขาจึงยังคงรู้สึกว่าไม่ต้องการคาแนะนาของคนที่มีอายุและประสบการณ์ที่มากกว่าเล่า ในเรื่องของธุรกิจ ชายและหญิงแสดงออกถึงความระมัดระวัง ก่อนที่จะลงมือในธุรกิจสาคัญ พวกเขาจะเตรียมตัวเองเพื่องานของพวกเขา ใช้เวลา เงินทอง และการศึกษาอย่างเอาใจใส่กับเรื่องนี้ เกลือกว่าพวกเขาจะล้มเหลวในการลงมือทางานชิ้นนั้น {AB72.1}
พวกเขาควรจะต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งเพียงไรที่จะเข้าสู้ความสัมพันธ์ของการแต่งงาน เป็นความสัมพันธ์ที่ส่งผลต่อคนรุ่นต่อไปในอนาคตและชีวิตในอนาคต แทนที่จะทาเช่นนี้ บ่อยครั้งจะทากันอย่างเล่นๆและไม่เอาจริงเอาจัง ด้วยความหุนหันใจและด้วยความใคร่ ทากันอย่างหลับหูหลับตาและขาดการพิจารณาที่สงบนิ่ง มีอยู่คาอธิบายเดียวคือซาตานชื่นชอบที่จะมองดูความทุกข์ยากและความหายนะในโลก และมันสานตาข่ายไปพันรอบจิตวิญญาณ มันชื่นขอบที่จะทาให้คนที่ขาดความยั้งคิดสูญเสียความสุขในโลกนี้และบ้านในโลกหน้าที่กาลังจะมาถึง {AB72.2}
ควรเอาใจใส่คุณค่าของคาพิจารณาของผู้ใหญ่ในส่วนของพ่อแม่--ลูกควรเอาแต่ความเห็นตามความปรารถนาของตนเองและความโน้มเอียงของตนเองโดยไม่คานึงถึงคาแนะนาและคาพิจารณาของพ่อแม่อย่างนั้นเชียวหรือ ดูเสมือนหนึ่งว่าบางคนไม่เคยแม้แต่คิดถึงความหวังหรือสิ่งที่ชื่นชอบของพ่อแม่เลย หรือยังไม่สนใจคาพิจารณาแนะนา ของผู้ใหญ่ในส่วนขอพ่อแม่ ความเห็นแก่ตัวได้ปิดประตูของหัวใจต่อความรักของพ่อแม่ ความคิดของเยาวชนจะต้องถูกปลูกในตื่นในเรื่องนี้ พระบัญญัติข้อที่ห้าเป็นพระบัญญัติข้อเดียวที่มีพระสัญญาติดมาด้วยแต่ได้รับความเคารพอย่างไม่เอาใจใส่ และแม้กระทั่งผู้ที่อยู่ในความรักยังละเลยอย่างเอาจริงเอาจัง การดูแคลนความรักของคุณแม่ การไม่เคารพการเอาใจใส่ดูแลของคุณพ่อเป็นความบาปที่ลงบันทึกให้ไว้กับเยาวชนมากมาย {AB72.3}
ความผิดพลาดยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือการที่จะต้องไม่ไปรบกวนความรักของผู้เยาว์และไม่มีประสบการณ์ จะต้องไม่ไปขัดขวางประสบการณ์ความรักของพวกเขา หากมีเรื่องใดที่ต้องการพินิจพิจารณาในทุกแง่มุมแล้ว ก็จะต้องเป็นเรื่องนี้ การช่วยเหลือของผู้มีประสบการณ์และการชั่งน้าหนักด้วยความรอบคอบและอย่างใส่ใจของเรื่องจากทั้งสองด้านเป็นสิ่งที่จาเป็นอย่างยิ่ง เรื่องที่คนส่วนใหญ่จัดการน้อยเกินไป มิตรผู้เยาว์ทั้งหลาย ให้เชิญพ่อแม่ที่ยาเกรงพระเจ้าเข้ามาเป็นที่ปรึกษา อธิษฐานเผื่อเรื่องเหล่านี้ด้วย {AB73.1}
จงมอบความไว้วางใจให้กับพ่อแม่ที่เคร่งในธรรม—หากท่านได้รับพระพรของการมีพ่อแม่ที่ยาเกรงพระเจ้าแล้ว ให้ขอคาแนะนาจากพวกเขา เปิดเผยความหวังและแผนการให้พวกเขาฟัง รับบทเรียนที่ประสบการณ์ชีวิตของพวกเขาได้สอนไว้ {AB73.2}
หากลูกๆ จะคุ้นเคยกับพ่อแม่ของพวกเขาให้มากขึ้น หากพวกเขาจะมอบความไว้วางใจในพวกเขาและยกภาระของความสุขและความทุกข์ให้กับพวกเขา พวกเขาจะปกป้องตัวเองให้หลุดพ้นจากหัวใจปวดร้าวมากมายในอนาคตได้ เมื่อเกิดความงุนงงไม่ทราบที่จะเดินทางไปทิศทางใด ก็ขอให้พวกเขานาเรื่องตามความเป็นจริงไปวางไว้อยู่ต่อหน้าพ่อแม่และขอคาแนะนาจากพวกเขา มีผู้ใดเล่าที่จัดวางไว้เป็นอย่างดีแล้วที่จะชี้บอกถึงอันตรายได้เท่าพ่อแม่ที่เคร่งในธรรม มีผู้ใดเล่าที่เข้าใจอารมณ์ที่เฉพาะของพวกเขาได้ดีเท่าพวกเขา ลูกๆ ที่เป็นคริสเตียนจะให้ความเคารพความรักและการแนะนาของพ่อแม่ที่ยาเกรงพระเจ้ามากยิ่งกว่าทุกพระพรของทางโลก พ่อแม่ที่เห็นใจร่วมกับลูกและอธิษฐานเผื่อเขาและร่วมกันกับเขาเพื่อให้พระเจ้าทรงปกป้องและนาพาพวกเขา เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาจะชี้แนะให้หันไปหาพระเจ้าผู้ทรงเป็นมิตรสหายและที่ปรึกษาที่ไม่เคยทาให้พวกเขาผิดหวัง {AB73.3}
พ่อแม่จะแนะแนวความรักของเยาวชน—พ่อและแม่จะต้องตระหนักว่าพวกเขามีหน้าที่จะต้องแนะแนวความรักของเยาวชน เพื่อให้พวกเขาจัดวางไว้บนพวกเขาว่าผู้ใดเหมาะที่จะมาเป็นคู่ชีวิต พวกเขาจะต้องรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ด้วยการสอนและแบบอย่างประกอบกับการทรงช่วยของพระคุณของพระเจ้าที่จะปั้นอุปนิสัยของลูกตั้งแต่ช่วงเยาว์วัยที่สุดว่าจะต้องเป็นคนบริสุทธิ์และมีคุณค่าประเสริฐและจะต้องดึงดูดให้เข้าหาสิ่งที่ดีและสัตย์จริง สิ่งที่เหมือนกันจะดึงดูดเข้าหากัน สิ่งที่เหมือนกันจะชื่นชอบกับสิ่งที่เหมือนกัน จงให้ความรักความจริงและความบริสุทธิ์และคุณความดีได้ปลูกฝังในจิตวิญญาณตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มของชีวิตและเยาวชนจะแสวงหาที่จะเข้าร่วมกับผู้ที่มีลักษณะนิสัยเหล่านี้ {AB74.1}
แบบอย่างตามที่อิสอาคได้วางไว้—พ่อแม่จะต้องอย่ามองไม่เห็นหน้าที่ของตนเองเพื่อความสุขในอนาคตของลูกๆ อิสอาคแสดงความเคารพคุณพ่อเป็นผลเนื่องจากการอบรมสั่งสอนที่ได้สอนให้เขาชื่นชอบกับชีวิตของการเชื่อฟัง {AB74.2}
อิสอาคได้รับเกียรติจากพระเจ้าด้วยการเป็นผู้สืบทอดพระสัญญาที่จะทาให้โลกได้รับพระพร แต่กระนั้นเมื่อเขาอายุได้สี่สิบปี เขายอมฟังคาตัดสินของคุณพ่อด้วยการแต่งตั้งผู้รับใช้ที่มีประสบการณ์ผู้ยาเกรงพระเจ้าให้เลือกภรรยาให้เขา และผลของการแต่งงานนั้นตามที่พระคัมภีร์ได้นาเสนอเป็นภาพอันอ่อนโยนและสวยงามของความสุขในบ้าน “อิสอัคก็พาเธอเข้ามา ในเต็นท์ของซาราห์มารดาของท่านและรับเรเบคาห์ไว้ เธอก็เป็นภรรยาของท่าน และท่านก็รักเธอ อิสอัคก็ได้รับความเล้าโลม ภายหลังที่มารดาของท่านสิ้นชีวิตแล้ว”(ปฐมกาล 24:67) {AB74.3}
พ่อแม่ที่ฉลาดจะคิดอย่างรอบคอบ—ท่านอาจถามขึ้นมาว่า “ควรหรือที่พ่อแม่จะเลือกคู่ครองให้โดยไม่ต้องคานึงถึงความคิดหรือความรู้สึกของบุตรชายและบุตรสาว” ข้าพเจ้าขอถามท่านว่า ควรหรือที่ลูกชายและลูกสาวเลือกคู่โดยไม่ปรึกษาพ่อแม่ก่อน ในเมื่อย่างก้าวเช่นนี้จะยังผลต่อความสุขของพ่อแม่หากพวกเขามีความรักต่อลูก และควรหรือที่ลูกคนนั้นจะไม่คานึงถึงคาแนะนาและคาร้องขอของพ่อแม่ ยังขืนดาเนินต่อไปในทางของตนเอง ข้าพเจ้าตอบอย่างหนักแน่นว่า ไม่เลย หากเขาจะไม่แต่งงาน พระบัญญัติข้อที่ห้าห้ามการกระทาเช่นนี้ “จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า เพื่ออายุของเจ้าจะได้ยืนนานบนแผ่นดิน ซึ่งพระเจ้าของเจ้าประทานให้แก่เจ้า” (อพยพ 20:12) นี่คือพระบัญญัติที่มาพร้อมพระสัญญาที่พระเจ้าจะทรงประทานให้แก่ผู้ที่เชื่อปฏิบัติตาม พ่อแม่ที่ฉลาดจะไม่เลือกคู่ให้ลูกโดยไม่เคารพความเห็นชอบของพวกเขา {AB75.1}