Post date: Sep 17, 2012 2:20:29 PM
การแต่งงานของคริสเตียนกับผู้ไม่เชื่อ—ในโลกของคริสเตียนมีคนไม่เอาใจใส่อย่างน่าประหลาดใจและน่าตื่นตะนกในคาสอนของพระเจ้าอันเกี่ยวกับการแต่งงานของคริสเตียนกับผู้ไม่เชื่อ คนมากมายที่อ้างตนว่ารักและยาเกรงพระเจ้าเลือกที่จะปฏิบัติตามความตั้งใจของตนเองมากกกว่าที่จะฟังคาแนะนาของพระปัญญาของพระเจ้า ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกันอย่างมากยิ่งกับความสุขและความผาสุกของทั้งสองฝ่ายสาหรับโลกนี้และโลกหน้านั้น เหตุผล การตัดสินใจและความยาเกรงพระเจ้าถูกปัดวางไว้และความหุนหันใจอย่างลืมหูลืมตา ความดื้ออย่างตั้งใจถูกปล่อยให้ควบคุม {AH61.1}
ชายและหญิงที่มีสติและสานึกในคลองธรรมได้ดีในเรื่องอื่นจะปิดตาให้กับคาแนะนาและปิดหูให้กับคาขอร้องและคาวิงวอนของมิตรและญาติพี่น้องและผู้รับใช้พระเจ้า พวกเขาถือว่าคาพูดที่ให้ระวังและคาตักเตือนเป็นการเข้าไปยุ่งอย่างไม่ได้เรื่อง และมิตรสหายที่มีความภักดีพอที่จะทัดทานจะกลับถูกปฏิบัติราวกับเป็นศัตรู ทั้งหมดนี้เป็นตามที่ซาตานต้องการจะให้เป็น มันสานมนตร์คาถารอบจิตวิญญาณและจิตวิญญาณนี้ก็เคลิบเคลิ้มหลงเสน่ห์ไป ความมีเหตุผลปล่อยบังเหียนของการควบคุมตนตกลงบนคอของราคะตัณหา กิเลสความหลงใหลที่ไม่ผ่านการชาระเข้าครอบครองจนสายเกิน เหยื่อตื่นขึ้นมาสู่ชีวิตของความระทมทุกข์และการถูกผูกมัด นี่ไม่ใช่ภาพที่วาดขึ้นมาด้วยการจินตนาการแต่เป็นการบรรยายข้อเท็จความจริง พระเจ้ามิได้ทรงเห็นชอบกับการเข้าร่วมกันเป็นหนึ่งในสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสห้ามไว้แล้วอย่างชัดเจน {AH61.2}
พระบัญชาของพระเจ้านั้นกระจ่างชัด—พระเจ้าทรงบัญชาอิสราเอลในสมัยโบราณอย่าไปแต่งงานกับชนชาติรอบข้างที่กราบไหว้รูปเคารพ “พวกท่านอย่าสัมพันธ์กับเขาโดยการแต่งงาน อย่ายกบุตรีของท่านให้แก่บุตรชายของเขา หรือรับบุตรหญิงของเขามาให้แก่บุตรชายของท่าน” ได้ทรงประทานเหตุผลมาให้ไว้ ด้วยพระปัญญาของพระเจ้า พระองค์ทรงเปิดเผยให้เห็นถึงผลของการแต่งงานนี้ว่า “เพราะว่าจะทาให้บุตรชายของพวกเจ้าหันเห ไปจากเราไปปฏิบัติพระอื่นๆ พระเจ้าจะทรงพระพิโรธต่อท่านทั้งหลาย และจะทรงทาลายท่านเสียโดยเร็ว” “เพราะว่าพวกท่านเป็นชนชาติบริสุทธิ์สาหรับพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่าน พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกท่านออกจากชนชาติ ทั้งหลายที่อยู่บนพื้นโลก ให้มาเป็นชนชาติในกรรมสิทธิ์ของพระองค์” (เฉลยธรรมบัญญัติ 7:3,4,6)... {AH61.3}
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่มีคาสั่งห้ามในลักษณะเดียวกันเรื่องของการแต่งงานระหว่างคริสเตียนและผู้ไม่เชื่อ อัครทูตเปาโลเปิดเผยในจดหมายฉบับแรกที่เขียนถึงชาวโครินธ์ไว้ว่า “ตราบใดที่สามียังมีชีวิตอยู่ภรรยาก็ต้องอยู่กับสามี ถ้าสามีตาย นางก็เป็นอิสระจะแต่งงานกับชายใดก็ได้ตามใจ แต่ต้องแต่งงานกับผู้ที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า” อีกครั้งหนึ่งในจดหมายฉบับที่สองท่านได้เขียนไว้ว่า “ท่านอย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีหุ้นส่วนอะไรกับความอธรรม และความสว่างจะเข้าสนิทกับความมืดได้อย่างไร พระคริสต์กับเบลีอัลจะลงรอยกันอย่างไรได้ หรือคนที่เชื่อจะมีส่วนอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ วิหารของพระเจ้าจะตกลงอะไรกับรูปเคารพได้ เพราะว่าเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงดารงพระชนม์ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า เราจะอยู่ในเขาทั้งหลายและจะดาเนินในหมู่พวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นชนชาติของเรา พระเจ้าตรัสว่า เหตุฉะนั้น เจ้าจงออกจากหมู่พวกเขาเหล่านั้น และจงแยกตัวออกจากเขาทั้งหลาย อย่าแตะต้องสิ่งซึ่งไม่สะอาด แล้วเราจึงจะรับพวกเจ้าทั้งหลาย เราจะเป็นดังบิดาของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นบุตรชายบุตรหญิงของเรา" พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้นได้ตรัสดังนั้น” (1 โครินธ์ 7:39; 2 โครินธ์ 6: 14-18) {AH62.1}
คาสาปแช่งของพระเจ้าตกลงมายังคนมากมายที่ไปเชื่อมสัมพันธ์กันอย่างผิดกาลเทศะและอย่างไม่เหมาะสมในยุคของโลกนี้ หากพระคัมภีร์ปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้ไปอยู่ในแสงที่คลุมเครือและไม่แน่นอน วิถีที่เยาวชนมากมายในวันนี้กาลังเดินอยู่ด้วยการผูกพันระหว่างกันนั้นก็น่าจะยังพอที่หาข้อแก้ตัวได้ แต่ข้อกาหนดของพระคัมภีร์ไม่ได้เป็นคาสั่งครึ่งครึ่งกลางกลาง เป็นพระบัญชาที่ต้องการความคิดที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ ทั้งในการพูดและการกระทา เราขอขอบคุณพระเจ้าที่พระคาของพระองค์นั้นเป็นโคมสาหรับเท้าของเรา และไม่มีผู้ใดที่จะต้องเดินผิดพลาดในหน้าที เยาวชนต้องลงแรงปรึกษาคาสอนเหล่านี้และทาตามคาแนะนา เพราะจะทาผิดอย่างน่าเศร้าใจเมื่อเดินออกไปจากคาสอนเหล่านี้ {AH62.2}
พระเจ้าทรงห้ามผู้เชื่อแต่งงานกับผู้ไม่เชื่อ—ประชากรของพระเจ้าจะต้องไม่ไปย่าในดินแดนต้องห้าม การแต่งงานระหว่างผู้เชื่อและผู้ไม่เชื่อเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงห้าม แต่บ่อยครั้งเพียงไร หัวใจที่ไม่ได้กลับใจทาตามความปรารถนาของตัวเองและมีการแต่งงานที่พระเจ้าไม่ได้ทรงโปรดอนุมัติ เนื่องด้วยการกระทานี้ ชายและหญิงมากมายเป็นคนที่ไม่มีความหวังและไม่มีพระเจ้าในโลกนี้ ความทะเยอทะยานอันประเสริฐของเขานั้นตายไป ด้วยโซ่ของสถานการณ์พวกเขาถูกล่ามไว้ในตาข่ายของซาตาน ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของความใคร่และความหุนหันใจจะเก็บเกี่ยวความขมขื่นในชีวิตนี้และทางเดินของเขาจะจบลงด้วยการสูญเสียจิตวิญญาณของเขาไป {AH63.1}
ผู้ที่แสดงตนว่ามีความจริงเหยียดหยามน้าพระทัยของพระเจ้าด้วยการแต่งงานกับผู้ไม่เชื่อ พวกเขาต้องสูญเสียความพึงพอพระทัยของพระองค์และต้องลงแรงอย่างขมขื่นในการกลับใจ ผู้ไม่เชื่ออาจมีคุณสมบัติทางศีลธรรมอย่างล้าเลิศ แต่ความจริงที่เขาหรือเธอไม่ได้รับผิดชอบต่อการอ้างสิทธิของพระเจ้าและได้ละเลยความรอดอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะต้องไม่ให้ทาการผูกพันเช่นนี้เกิดขึ้นได้ อุปนิสัยของผู้ไม่เชื่ออาจมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับชายหนุ่มที่พระเยซูตรัสพระดารัสนี้กับเขาก็ได้ "ท่านยังขาดอยู่สิ่งหนึ่ง” (มาระโก 10:21) สิ่งหนึ่งนั้นเป็นสิ่งที่จาเป็น {AH63.2}
แบบอย่างของกษัตริย์ซาโลมอน—ยังมีชายบางคนที่ยากจนและไม่มีชื่อเสียงโดยที่พระเจ้าทรงยอมรับชีวิตของเขาและใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ในโลกและถวายเกียตริในสวรรค์ แต่ซาตานทางานอย่างบาทบั่นเพื่อทาทาลายพระประสงค์ของพระองค์ไปและฉุดลากพวกเขาลงสู่นรกด้วยการแต่งงานกับคนที่มีอุปนิสัยที่ขัดขวางทางเดินสู่ชีวิตโดยตรง มีน้อยคนที่จะหลุดรอดออกจากบ่วงนี้อย่างผู้ที่ชัย {AH63.3}
ซาตานรู้ดีแก่ใจถึงผลที่จะได้จากการเชื่อฟังและในช่วงต้นของชีวิตของการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์ซาโลมอนเป็นช่วงสมัยแห่งความเจริญรุ่งเรืองเพราะพระปัญญาล้าเลิศ น้าพระทัยอันเปี่ยมล้นและความยุติธรรมของพระราชา พระองค์ได้ไปนาอิทธิพลที่เข้ามาลอบทาลายอย่างเงียบๆความภักดีของกษัตริย์ซาโลมอนต่อหลักการและทาให้เขาแยกตัวออกห่างจาดพระเจ้า และศ ตรูนั้นก็ทาการได้อย่างสาเร็จจากที่บันทึกไว้ “ซาโลมอนได้ทรงกระทาให้เป็นทองแผ่นเดียวกันกับฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ โดยได้ทรงรับราชธิดาของฟาโรห์ และทรงนาพระนางมาไว้ในนครของดาวิด” (1 พงษ์กษัตริย์ 3:1) {AH64.1}
ในการทาสัมพันธไมตรีกับประชาชาติที่ไม่เชื่อพระเจ้าและประทับตราด้วยการแต่งงานกับเจ้าหญิงที่กราบไหว้รูปเคารพ กษัตริย์ซาโลมอนได้ละเลยอย่างไม่รอบคอบข้อกาหนดที่เปี่ยมด้วยพระปัญญาของพระเจ้าที่จะคงรักษาประชากรขององค์ให้บริสุทธิ์ไป ความหวังที่มเหสีชาวอียิปต์นี้จะกลับใจนั้นเป็นเพียงคาแก้ตัวให้กับบาป การละเมิดพระบัญชาที่ให้แยกตัวออกจากประชาชาติอื่นๆ นั้น กษัตริย์ได้เอากาลังของพระองค์ไปทาสัมพันธ์ด้วยแขนของเนื้อหนัง {AH64.2}
ในช่วงเวลาหนึ่ง ด้วยพระเมตตาแห่งความสงสารพระเจ้า ทรงกลับคาพิพากษาความผิดมหันต์นี้ มเหสีของกษัตริย์ซาโลมอนกลับใจและพระราชาน่าใช้วิถีอันชาญฉลาดที่จะกระทาการได้มากเพื่อห้ามกาลังแห่งความชั่วที่ได้กระทาไปด้วยความประมาท แต่ซาโลมอนเริ่มมองไม่เห็นแหล่งอานาจและความมีชื่อเสียง ความโน้มเอียงเริ่มไต่ขึ้นเหนือความมีเหตุผล ขณะที่ความมั่นใจในตัวเองเพิ่มมากขึ้น พระราชาใช้วิธีการของตนเองเพื่อทาให้พระประสงค์ของพระเจ้าสาเร็จ.... {AH64.3}
ผู้ที่เป็นคริสเตียนมากมายคิดเหมือนกษัตริย์ซาโลมอนว่าเขาผูกสัมพันธ์กับผู้ไม่เป็นคนชอบธรรมได้เพราะอิทธิพลของเขาจะส่งผลที่ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ที่อยู่ในความผิดได้แต่บ่อยครั้งพวกเขาเองถูกดักจับและถูกเอาชนะไป ยอมทิ้งความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ไป สละทิ้งหลักการและแยกตัวเองออกไปจากพระเจ้า ก้าวผิดเดียวนาไปสู่ก้าวต่อไป จนในที่สุดพวกเขาเอาตัวเองไปตรงที่ที่เขาไม่อาจมีความหวังที่จะหักโซ่ตรวนที่ผู้มัดพวกเขาไว้ {AH64.4}
ข้อแก้ตัวว่า “เขาเห็นด้วยกับศาสนา”—บางครั้งจะมีการให้คาแก้ตัวว่าผู้ไม่เชื่อเห็นด้วยกับศาสนาเป็นอย่างดีและคุณสมบัติทั้งหมดที่ต้องการมีอยู่ในตัวเขานอกจากเรื่องเดียวที่เขาไม่ได้เป็นคริสเตียน ถึงแม้ลึก ๆ ในใจผู้เชื่อจะรู้ดีว่าการผูกความสัมพันธ์กันตลอดชีวิตกับผู้ไม่เชื่อเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่ถึงกระนั้น ในสิบรายจะมีเก้ารายที่จะปล่อยให้ความคิดโน้มเอียงได้ชัยชนะ ความตกต่าฝ่ายวิญญาณจิตเริ่มต้นขึ้นในวินาทีที่ปฏิญาณตนบนธรรมาสน์ ความศรัทธาแรงกล้าฝ่ายศาสนาจะลดลงไปและป้อมปราการแข็งแกร่งจะพังทลายไปทีละป้อม จะกระทั่งทั้งสองฝ่ายยืนเคียงข้างอยู่ใต้ร่มธงดาของซาตาน แม้ขณะอยู่ในการงานเลี้ยงฉลองสมรส วิญญาณของทางฝ่ายโลกมีชัยเหนือจิตใต้สานึก ความเชื่อ และความจริง ในบ้านใหม่ ช่วงเวลาของการอธิษฐานไม่ได้รับการเทิดทูลเกียรติ เจ้าสาวและเจ้าบ่าวได้เลือกซึ่งกันและกันและเชิญพระเยซูออกไป {AH 65.1}
การเปลี่ยนแปลงเกิดกับคนเชื่อ—ในช่วงแรก ผู้ที่ไม่เชื่อจะไม่แสดงออกถึงความต่อต้านในความสัมพันธ์ใหม่ แต่เมื่อมีการนาเสนอให้สนใจและพิจารณาถึงเรื่องความความจริงของพระคัมภีร์ขึ้น ก็จะเกิดความรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า “คุณแต่งงานกับเรา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเราเป็นคนแบบใด อย่ามากวนใจเราอีก จากนี้ไป ขอให้รู้ว่าเธอจะต้องหยุดพูดถึงความคิดประหลาดของเธอเสียที” หากผู้เชื่อจะแสดงออกถึงความจริงใจพิเศษต่อความเชื่อของเขาแล้ว ก็จะดูเสมือนหนึ่งว่าเขาแสดงตนอย่างไม่ปราณีต่อผู้หนึ่งที่ไม่สนใจประสบการณ์คริสเตียนเลย {AH65.2}
ผู้ที่เชื่อจะให้เหตุผลอธิบายว่า ด้วยความสัมพันธ์ใหม่ เขาจะต้องยอมคู่ชีวิตที่เขาเลือกมาเองบ้าง พวกเขาสนับสนุนความสนุกสนานในด้านสังคมและทางฝ่ายโลก ในช่วงแรกมีความรู้สึกไม่ค่อยอยากทาในสิ่งเหล่านี้ แต่ความสนใจเรื่องของความจริงลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ และความเชื่อก็จะแลกเปลี่ยนกับความสงสัยและความไม่เชื่อ ไม่มีผู้ใดจะสงสัยเลยว่าผู้เชื่อที่ครั้งหนึ่งที่เคยเป็นผู้ติดตามพระคริสต์อย่างมั่นคง เอาใจใส่และอุทิศตนจะกลายเป็นคนช่างสงสัย หวาดหวั่นได้ถึงขนาดนี้ โอ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการแต่งงานที่ไม่ฉลาดเลย {AH 66.1}
การผูกมิตรทางฝ่ายโลกเป็นเรื่องที่อันตราย ซาตานรู้ดีว่าในโมงของการร่วมเป็นพยานในพิธีสมรสนั้น ชายหนุ่งและหญิงสาวนั้นได้ปิดฉากประวัติศาสตร์ประสบการณ์ศาสนาและการกระทาที่เกิดประโยชน์ พวกเขาสูญหายไปจากพระคริสต์ ในระยะหนึ่งพวกเขาอาจพยายามดารงชีวิตแบบคริสเตียน แต่ความพยายามที่ดิ้นรนไปนั้นต้องต่อสู้กับอิทธิพลที่มาในทิศทางตรงข้าม ครั้งหนึ่ง การพูดถึงความเชื่อและความหวังเป็นสิทธิพิเศษและความสุขสาหรับพวกเขา แต่แล้วพวกเขากลายเป็นคนที่ไม่ยินดีแม้จะเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเพราะทราบดีว่าคนที่เขาไปเชื่อมสัมพันธ์ของชะตาชีวิตด้วยกันนั้นไม่สนใจถึงเรื่องนี้ ผลที่ตามมาคือ ความเชื่อในความจริงอันเป็นที่รักยิ่งตายจากหัวใจไป และซาตานได้สานใยแห่งความสงสัยอย่างเงียบรอบตัวเขาไว้ {AH 66.2} {AH66.2}
เอาความสุขเบิกบานของสวรรค์มาเสี่ยง—"สองคนจะเดินไปด้วยกันได้หรือ นอกจากทั้งสองจะได้ตกลงกันไว้ก่อน” “ถ้าในพวกท่านที่อยู่ในโลกสองคนจะร่วมใจกันขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ก็จะทรงกระทาให้ (อาโมส 3:3; มัทธิว 18:19) แต่ภาพนั้นแปลกตาจริง ในขณะที่คนหนึ่งใส่ใจอยู่กับการเฝ้าเดี่ยว อีกคนไม่ใส่ใจและปล่อยปละละเลย ในขณะที่คนหนึ่งแสวงหาทางไปสู่ชีวิตนิรันดร์ อีกคนกลับเดินอยู่บนทางหลวงแห่งความมรนา {AH 66.3}
คนนับร้อยได้สละทิ้งพระคริสต์และสวรรค์ไปอันเนื่องจากการแต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อ เป็นไปได้หรือไม่ว่าความรักและความสามัคคีธรรมร่วมกันกับพระคริสต์นั้นมีคุณค่าน้อยนิดต่อพวกเขาจนพวกเขาปรารถนาที่จะได้มนุษย์มตะที่น่าสงสารมาเป็นเพื่อนมากกว่า สวรรค์มีค่าน้อยนิดจนเขายินยอมเสี่ยงความสุขเพื่อคนหนึ่งที่ไม่มีความรักสาหรับพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงมีค่ายิ่ง {AH66.4}
การไปเชื่อมสัมพันธ์กับผู้ไม่เชื่อคือการเอาตัวเองไปอยู่ในดินแดนของซาตาน ท่านได้ทาให้พระวิญญาณของพระเจ้าเสียพระทัยและเสียสิทธิ์ที่จะได้รับการคุ้มครองของพระองค์ ท่านทาได้อย่างนั้นเชียวหรือถึงกับยอมที่จะเอาความเสียเปรียบเช่นนี้เข้ามาในสงครามชีวิตนิรันดร์ {AH67.1}
จงถามตัวเองว่า “สามีที่ไม่เชื่อจะนาความคิดของข้าพเจ้าออกห่างจากพระเยซูหรือไม่ เขาเป็นผู้ที่รักความสนุกสนานมากกว่ารักพระเจ้า เขาจะไม่นาข้าพเจ้าไปสนุกกับสิ่งที่เขาชื่นชอบหรือไง” ทางเดินไปยังชีวิตนิรันดร์นั้นชันและขรุขระ อย่าเอาน้าหนักภาระเพิ่มเข้าไปจนทาให้ความก้าวหน้าช้าลง {AH67.2}
ครอบครัวหนึ่งที่เงาจะไม่เคยถูกยกทิ้งไป—หัวใจนั้นร้องหาความรักของมนุษย์ แต่ความรักนี้ไม่แข็งแรงพอหรือบริสุทธิ์พอหรือมีค่าเพียงพอที่จะไปแทนที่ความรักของพระเยซู ภรรยาจะพบปัญญา กาลังและพระคุณในพระผู้ช่วยให้รอดของเธอเท่านั้นเพื่อที่จะรับมือกับความกังวล หน้าที่รับผิดชอบและความเศร้าเสียใจในชีวิต เธอจะต้องให้พระองค์ทรงเป็นพระกาลังของเธอและผู้นาของเธอ ให้สตรีมอบชีวิตถวายพระคริสต์ก่อนเอาตัวเธอไปให้มิตรคนใดในโลกและอย่าเข้าไปผูกความสัมพันธ์กับสิ่งที่จะขัดแย้งกับเรื่องนี้ ผู้ที่จะได้ความสุขที่แท้จริงจะต้องมีพระพรของสวรรค์อยู่กับทุกสิ่งที่เขาเป็นเจ้าของและในทุกสิ่งที่เขาทา การไม่เชื่อฟังพระเจ้าที่ทาให้หัวใจและบ้านมากมายมีความทุกข์ระทม น้องสาวของข้าพเจ้า คุณมีบ้านที่มีเงาปกคลุมที่ไม่เคยถูกยกขึ้นเลย อย่าไปเอาตัวเองเข้าไปผูกกับคนหนึ่งที่เป็นศัตรูกับพระเจ้า {AH67.3}
การให้เหตุผลของผู้ที่เป็นคริสเตียน—คริสเตียนทุกคนควรทาเช่นไรเมื่อตกอยู่ในสภาพของการทดสอบซึ่งจะพิสูจน์ความมั่นคงของหลักการทางศาสนาด้วยความแน่วแน่เหมาะแก่การปฏิบัติตาม เขาควรพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าพเจ้าเป็นคริสเตียนที่มีธรรมะอยู่ในใจ ข้าพเจ้าเชื่อว่าวันที่เจ็ดของสัปดาห์เป็นวันสะบาโตของพระคัมภีร์ ความเชื่อและหลักการของพวกเรานั้นมีลักษณะที่จะนาไปสู่ทางตรงข้ามกัน เราจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขไม่ได้เพราะเมื่อข้าพเจ้าดาเนินตามที่จะให้มีความรู้ในน้าพระทัยพระเจ้าให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าจะไม่เหมือนโลกมากยิ่งขึ้นและจะรับการซึมซับให้เหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้น หากคุณยังมองไม่เห็นความน่ารักของพระคริสต์ต่อไปอีก ไม่สนใจเรื่องของความจริง คุณจะรักโลกที่ฉันรักไม่ได้ ในขณะที่ฉันรักสิ่งของของพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณไม่รัก สิ่งของทางวิญญาณจะต้องมองด้วยสายตาทางวิญญาณ เมื่อปราศจากการมองด้วยสายตาทางวิญญาณ คุณก็จะมองไม่เห็นสิ่งที่พระเจ้าทรงอ้างเป็นเจ้าของในตัวคุณ หรือตระหนักถึงข้อผูกพันของข้าพเจ้าที่มีค่อพระอาจารย์ผู้เป็นนายของข้าพเจ้า ฉะนั้นคุณก็จะรู้สึกว่าฉันทอดทิ้งคุณไปทาหน้าที่ทางศาสนา คุณจะไม่มีความสุกขเพราะคุณจะอิจฉาฉันอันเนื่องจากความรักที่ฉันถวายให้พระเจ้า และฉันก็จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวในความเชื่อทางศาสนาของฉัน เมื่อความคิดเห็นของคุณจะได้เปลี่ยนแปลงไป เมื่อดวงใจของคุณจะได้ตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระเจ้าและคุณจะได้เรียนรู้ความรักของพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว เมื่อนั้นความสัมพันธ์ของเราทั้งสองอาจมีขึ้นใหม่ได้” {AH 67.4}
ผู้เชื่อคนนี้จึงได้เสียสละเพื่อพระคริสต์ซึ่งเป็นสิ่งที่จิตใต้สานึกเห็นดีด้วยและซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาให้คุณค่าแก่ชีวิตนิรันดร์อย่างสูงจนไม่ยอมเสี่ยงกับการสูญเสียชีวิตนิรันดร์ เขามีความรู้สึกว่าการคงอยู่โดยไม่แต่งงานจะดีกว่าที่จะเอาผลประโยชน์ของเขาไปเชื่อมสันพันธ์กับคนที่เลือกโลกแทนการเลือกพระเยซูและผู้ที่จะนาเขาออกห่างจากกางเขนของพระคริสต์ {AH 68.1}
ความสัมพันธ์ของการแต่งงานที่ปลอดภัย—ในพระคริสต์เท่านั้นที่ความสัมพันธ์ในการแต่งงานจะทาได้อย่างปลอดภัย ความรักของมนุษย์จะต้องได้จากความสัมพันธ์อันใกล้ชิดที่ได้จากความรักของพระเจ้า ความรักที่แท้จริงและเป็นความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวและสุดซาบซึ้งใจจะได้จากหัวใจที่มีพระคริสต์ทรงเข้าครอบครองเท่านั้น {AH 68.2}
เมื่อคนหนึ่งกลับใจหลังการแต่งงาน—ผู้ที่แต่งงานเมื่อยังไม่กลับใจมาหาพระเจ้าจะต้องยิ่งซื่อสัตย์ต่อคู่ของเขาหลังจากการกลับใจแล้ว ไม่ว่าเขาจะมีความแตกต่างอย่างมากยิ่งเพียงไรในเรื่องของความเชื่อทางศาสนา แต่กระนั้นสิ่งที่พระเจ้าทรงอ้างสิทธิในตัวเขาจะต้องมาอยู่เหนือทุกความสัมพันธ์ในโลก ถึงแม้อาจเกิดความทุกข์ยากและการกดขี่ก็ตาม ด้วยวิญญาณแห่งความรักและความถ่อมใจ ความจงรักภักดีจะส่งผลที่จะเอาชนะคนที่ยังไม่เชื่อพระเจ้าได้ {AH69.1}