Post date: Sep 17, 2012 10:26:26 AM
บ้านเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทั้งหมด สังคมประกอบด้วยครอบครัว และครอบครัวจะเป็นไปตามที่หัวหน้าครอบครัวจะทาให้เป็น “ชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ” และหัวใจของสังคม ของคริสตจักรและของประเทศคือครอบครัว ความเป็นอยู่ของสังคม ความสาเร็จของคริสตจักร และความรุ่งเรืองของประเทศขึ้นกับอิทธิพลที่ได้จากครอบครัว {AH 15.1}
ความเจริญหรือความเสื่อมของสังคมในอนาคตจะขึ้นกับมารยาทและศีลธรรมของเยาวชนที่เติบโตขึ้นรอบตัวเรา ในขณะที่เยาวชนรับการศึกษาและการหล่อหลอมอุปนิสัยในวัยเด็กให้มีนิสัยงดงาม ควบคุมตนและดาเนินชีวิตอย่างพอเหมาะ เขาก็จะมีอิทธิพลเช่นนั้นต่อสังคม หากพวกเขาถูกปล่อยประละเลยโดยไม่ได้รับการสั่งสอนหรือไม่อยู่ภายใต้การบังคับแล้ว พวกเขาจะกลายเป็นคนดื้อเอาแต่ใจตัว ไม่รู้จักประมาณตนในเรื่องของความอยากอาหารและไม่รู้จักเหนี่ยวรั้งจิตใจตัวเอง อิทธิพลของเขาในอนาคตจะส่งผลต่อการสร้างสังคม เพื่อนฝูงที่เยาวชนคบหาอยู่ในขณะนี้ นิสัยที่เขาปลูกสร้างขึ้นมาในเวลานี้และหลักการที่เขารับมาจะเป็นดัชนีบ่งชี้ถึงสภาพของสังคมสาหรับวันเวลาที่จะมาในอนาคต {AH 15.2}
เป็นสวรรค์อันหวานชื่นที่สุด ครอบครัวจะต้องสร้างขึ้นมาให้สมกับความหมายของคาว่าบ้าน บ้านเป็นสวรรค์น้อยๆ บนโลก เป็นสถานที่ที่สาหรับบ่มเพาะความรัก แทนที่จะตั้งใจระงับไว้ ความสุขของเราขึ้นกับการปลูกฝังความรัก ความเห็นอกเห็นใจและการแสดงความสุภาพอ่อนโยนอย่างจริงใจต่อกัน {AH 15.3}
บ้านที่มีพระวิญญาณของพระคริสต์สถิตร่วมอยู่ด้วยเป็นสวรรค์ที่หวานชื่นที่สุด เมื่อพระทัยของพระเจ้าสาเร็จตามพระประสงค์แล้ว สามีและภรรยาก็จะเคารพซึ่งกันและกัน เขาจะปลูกฝังความรักและความไว้วางใจต่อกัน {AH 15.4}
ความสาคัญของบรรยากาศในบ้าน บรรยากาศที่ห้อมล้อมจิตวิญญาณของพ่อแม่จะแผ่ไปอยู่ทั่วทั้งบ้าน และสัมผัสได้ในทุกมุมของบ้าน {AH 16.1}
ส่วนใหญ่แล้ว พ่อแม่จะเป็นผู้กาหนดบรรยากาศภายในแวดวงของบ้านและเมื่อมีความขัดแย้งระหว่างพ่อแม่ ลูกๆ ก็จะมีส่วนร่วมในความรู้สึกอย่างเดียวกัน จงสร้างบรรยากาศภายในบ้านของท่านให้มีกลิ่นหอมอ่อนหวานของการเอาใจใส่ต่อกัน หากท่านเหินห่างจากจุดนี้และล้มเหลวในการเป็นคริสเตียนตามแบบฉบับของพระคัมภีร์ จงกลับใจใหม่ เพราะอุปนิสัยที่ท่านมีในช่วงเวลาแห่งการทดสอบจะเป็นอุปนิสัยของท่านในเวลาที่พระเยซูเสด็จกลับมา หากท่านปรารถนาจะเป็นธรรมิกชนในสวรรค์ ท่านต้องเป็นธรรมิกชนในแผ่นดินโลกก่อน ความตายหรือการฟื้นคืนชีพจะไม่เปลี่ยนอุปนิสัยที่ติดตัวมากับท่าน ท่านจะฟื้นขึ้นจากหลุมฝังศพด้วยอารมณ์เดียวกับที่ท่านแสดงในบ้านและในสังคมของท่าน เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา พระองค์จะไม่ทรงเปลี่ยนอุปนิสัย งานของการเปลี่ยนอุปนิสัยจะต้องทาให้เสร็จในเวลานี้ ชีวิตประจาวันของเราจะกาหนดชะตาชีวิตของเรา {AH 16.2}
การสร้างบรรยากาศที่บริสุทธิ์ ครอบครัวคริสเตียนทุกๆ ครอบครัวควรวางกฎข้อบังคับไว้ ด้วยคาพูดและการปฏิบัติต่อกัน พ่อแม่ควรวางแบบอย่างของการดาเนินชีวิตอย่างล้าค่าให้ลูกในลักษณะที่ต้องการให้เขาเป็นได้ ด้วยคาพูดที่บริสุทธิ์และมารยาทที่ดีต่อกันตามแบบฉบับของคริสเตียนที่จริงใจจะต้องปฏิบัติอยู่อย่างสม่าเสมอ จงสอนลูกและเยาวชนให้เคารพตัวเอง ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า จริงใจต่อหลักการ สอนเขาให้เคารพและปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า หลักการเหล่านี้จะควบคุมชีวิตชองเขาและเขาจะปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้ในการคบหาผู้อื่น เขาจะสร้างบรรยากาศที่บริสุทธิ์—เป็นบรรยากาศที่มีอิทธิพลชักจูงจิตวิญญาณที่อ่อนแรงให้ดาเนินไปตามทางมุ่งสู่เบื้องบนที่จะนาไปสู่ความบริสุทธิ์และสวรรค์ จงให้ทุกบทเรียนมีลักษณะที่ช่วยส่งเสริมให้จิตใจสูงส่งและมีความประพฤติดีและสิ่งที่จดบันทึกไว้ในสมุดทะเบียนของสวรรค์จะมีแต่สิ่งที่ท่านจะไม่ละอายเมื่อไปพบในวันพิพากษา {AH 16.3}
เด็กๆ ที่สอนไว้เช่นนี้......จะเป็นผู้ที่เตรียมพร้อมเพื่อเข้ารับตาแหน่งรับผิดชอบต่างๆ และจะช่วยคนอื่นทาในสิ่งที่ถูกอยู่เสมอด้วยการสอนและแบบอย่าง ผู้ที่มีความรู้สึกทางศีลธรรมที่ยังไม่มัวหมองจะซาบซึ้งในหลักการที่ถูก เขาจะประเมินคุณสมบัติฝ่ายธรรมชาติได้อย่างถูกต้อง และจะใช้กาลังฝ่ายร่างกาย สมองและศีลธรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุด จิตวิญญาณเช่นนี้ได้รับการปกป้องอย่างเข้มแข็งจากการทดลอง มีกาแพงซึ่งจะไม่พังทลายลงได้ง่ายๆห้อมล้อมเขาไว้ {AH 17.1}
พระเจ้าทรงปรารถนาให้ครอบครัวของเราเป็นแบบของครอบครัวในสวรรค์ จงในพ่อแม่และลูกจดจาเรื่องนี้ไว้ในใจทุกวัน ให้ต่างคนมีความสัมพันธ์ต่อกันเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า แล้วชีวิตของพวกเขาจะมีลักษณะที่แสดงให้โลกเห็นถึงแบบอย่างว่าครอบครัวที่รักพระเจ้าและถือรักษาพระบัญญัติของพระองค์ควรจะเป็นเช่นไร พระคริสต์จะได้รับการเทอดทูลสรรเสริญ ความสงบสุขและพระคุณและความรักของพระองค์จะแผ่ซ่านไปทั่วแวดวงของครอบครัวดั่งน้าหอมอันมีค่า {AH 17.2}
เป็นเรื่องที่ขึ้นกับพ่อและแม่อยู่มาก พวกเขาจะต้องแน่วแน่และมีใจเมตตาในการอบรมสั่งสอนและจะต้องทางานอย่างจริงใจที่สุดเพื่อให้คนทั้งครอบครัวมีระเบียบและเหมาะสม เพื่อชักชวนทูตสวรรค์มามอบสันติสุขและอิทธิพลที่มีกลิ่นหอม {AH 17.3}
จงทาให้บ้านร่าเริงและมีความสุข จงอย่าลืมว่าท่านเป็นผู้ที่จะทาให้บ้านร่าเริงและมีความสุขสาหรับตัวท่านเองและลูกๆ ของท่านด้วยการยึดมั่นในคุณความดีของพระผู้ช่วยให้รอด หากท่านเชิญพระคริสต์เข้ามาประทับอยู่ในบ้าน ท่านจะแยกความดีออกจากความชั่วได้ ท่านจะช่วยลูกของท่านให้เป็นต้นไม้แห่งความชอบธรรมที่ออกผลของพระวิญญาณ {AH 17.4}
ความทุกข์ยากจะแทรกเข้ามา แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของมนุษยชาติ จงให้ความอดทน ความซาบซึ้งในพระคุณและความรักทาให้แสงอาทิตย์ส่องสว่างในหัวใจ แม้ว่าจะเป็นวันที่มีเมฆปกคลุมอย่างมืดก็ตามที {AH 18.1}
เราอาจมีบ้านที่เรียบง่าย แต่บ้านจะเป็นสถานที่ที่มีการพูดคาที่ร่าเริง และมีการกระทาที่เมตตา เป็นที่ๆ มีความสุภาพและความรักเป็นแขกอยู่ประจาบ้านได้เสมอ {AH 18.2}
จงบริหารกฎระเบียบของบ้านด้วยสติปัญญาและความรัก ไม่ใช่ด้วยคทาเหล็ก เด็กๆจะตอบสนองต่อระเบียบแห่งความรักด้วยการเชื่อฟังด้วยความยินดี เมื่อใดที่ทาได้ให้พูดคาชมต่อลูกๆของท่าน จงทาให้ชีวิตของเขามีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะทาได้.......จงรักษาเนื้อดินของหัวใจให้ชื่นฉ่าด้วยการแสดงออกของความรักและความชื่นชอบ การทาเช่นนี้จะเตรียมหัวใจไว้สาหรับเมล็ดแห่งความจริง จงจดจาไว้ว่าพระเจ้าทรงประทานให้โลกไม่เพียงแต่เมฆและน้าฝน แต่ทรงประทานแสงแดดที่อบอุ่นส่องสว่างทาให้เมล็ดงอกและดอกไม้ให้บาน จงจดจาไว้ว่าเด็กๆ ไม่ใช่เพียงแต่ต้องการคาตักเตือนและการแก้ไข แต่ต้องการกาลังใจและคาสรรเสริญด้วย แสงอาทิตย์สดใสของคาพูดที่เมตตา {AH 18.3}
ท่านจะต้องไม่ให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในบ้านของท่าน “แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึงเป็นความสงบสุข สุภาพและว่าง่าย เปี่ยมด้วยความเมตตาและผลที่ดี ไม่ลาเอียง ไม่หน้าซื่อใจคด ผู้สร้างสันติสุข หว่านอย่างสันติ จึงได้เกี่ยวความชอบธรรม” (ยากอบ 3: 17,18) ความอ่อนโยนและสันติสุขในบ้านเป็นสิ่งที่เราต้องการ {AH 18.4}
ความสัมพันธ์อย่างรักใคร่ที่ผูกมัดไว้ด้วยกัน ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุด มีความรักใคร่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุด มากยิ่งกว่าความสัมพันธ์อื่นใดในโลก เป็นความสัมพันธ์ที่ได้จัดวางไว้เพื่อเป็นพระพรแก่มนุษย์และเป็นพระพรทุกครั้งที่มีการเข้าร่วมทาสัญญาในพิธีมงคลสมรสอย่างมีสติ ภายใต้ความยาเกรงพระเจ้า ด้วยการคานึงถึงความรับผิดชอบที่จะต้องติดตามมา {AH 18.5}
ทุกบ้านจะต้องเป็นสถานที่มีความรัก เป็นที่ๆ ทูตสวรรค์ของพระเจ้าอยู่ร่วมด้วย เพื่อกระทากิจอันนิ่มนวล อ่อนโยน มีอิทธิพลต่อหัวใจของพ่อแม่และลูก {AH 18.6}
เราต้องทาให้บ้านของเราเป็นเมืองเบธเอล (บ้านของพระเจ้า-ผู้แปล)และหัวใจของเราเป็นแท่นบูชา ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด เมื่อความรักของพระเจ้าได้รับการถนอมไว้ในจิตวิญญาณแล้ว ที่นั่นจะมีสันติสุข มีแสงสว่างและความสุข จงเปิดพระคาของพระเจ้าต่อหน้าคนในครอบครัวด้วยความรัก และถามว่า “พระเจ้าตรัสไว้เช่นใด” {AH 19.1}
การทรงร่วมสถิตอยู่ของพระคริสต์ทาให้เป็นบ้านคริสเตียน บ้านที่ตบแต่งให้งดงามด้วยความรัก ความเห็นอกเห็นใจและความละมุนละไม เป็นสถานที่ทูตสวรรค์ชื่นชอบที่จะเยี่ยมและพระเจ้าได้รับการถวายเกียรติ อิทธิพลของบ้านคริสเตียนที่ให้การดูแลเอาใจใส่อย่างดีต่อเด็กและเยาวชนเป็นวิธีแน่นอนที่สุดเพื่อปกป้องความเสื่อมโทรมของโลกที่ ในบรรยากาศของบ้านเช่นนี้ เด็กๆ จะเรียนรู้ที่จะรักทั้งพ่อแม่ในโลกนี้และพระบิดาบนสวรรค์ {AH 19.2}
ตั้งแต่ช่วงวัยทารก เยาวชนจะต้องมีสิ่งกั้นขวางที่มั่นคงสร้างขึ้นระหว่างเขาและโลก เพื่อไม่ให้อิทธิพลชั่วมีผลต่อพวกเขา {AH 19.3}
ครอบครัวคริสเตียนทุกครอบครัวจะต้องแสดงให้โลกเห็นถึงอานาจและความเป็นเลิศของอิทธิพลของคริสเตียน…….พ่อแม่จะต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบที่จะรักษาบ้านของเขาให้ปลอดจากมลทินแห่งความชั่วทางศีลธรรม {AH 19.4}
ความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์จะต้องแผ่ไปทั่วบ้าน…….พ่อแม่และลูกจะต้องฝึกฝนตนเองให้ร่วมมือกับพระเจ้า พวกเขาต้องนานิสัยและกิจวัตรที่ทาอยู่ประจาเข้าประสานกับแผนการของพระเจ้า {AH 19.5}
ความสัมพันธ์ของครอบครัวจะต้องมีอิทธิพลของการทาให้ชีวิตบริสุทธิ์ บ้านคริสเตียนที่ก่อตั้งขึ้นและดาเนินไปตามแผนการของพระเจ้าจะมีส่วนช่วยในการสร้างอุปนิสัยแบบคริสเตียน…….พ่อแม่และลูกต้องร่วมมือกันถวายพระองค์ด้วยการรับใช้แห่งรัก พระผู้ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวที่จะรักษาความรักของมนุษย์ให้บริสุทธิ์และประเสริฐ {AH 19.6}
งานชิ้นแรกที่จะต้องทาให้บ้านของคริสเตียนคือคอยเฝ้าดูว่าพระวิญญาณของพระคริสต์ร่วมสถิตอยู่ที่นั่น เพื่อให้สมาชิกทุกคนของในบ้านแบกกางเขนของตนเองและติดตามพระเยซูไปทุกแห่งที่พระองค์ทรงนา {AH 20.1}