Post date: Sep 12, 2013 5:42:08 AM
พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตและความสว่างและความสุขของจักรวาล เช่นเดียวกับแสงสว่างที่มาจากดวงอาทิตย์และเช่นเดียวกับสายธารน้าที่พุ่งออกมาจากบ่อน้าพุแห่งชีวิต พระพรของพระเจ้าจะไหลออกจากพระองค์ไปยังสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง เมื่อจิตใจของมนุษย์คนใดมีชีวิตของพระเจ้าร่วมสถิตอยู่ด้วย ความรักและพระพรของพระองค์จะไหลผ่านคนนั้นไปยังผู้อื่นด้วย {SC 77.1}
การไถ่มนุษย์ที่ล้มลงในบาปให้รอดและฉุดเขาขึ้นมาเป็นสิ่งที่นาความสุขมายังพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เพื่อทำการนี้ให้สำเร็จ พระองค์ไม่ได้ทะนุถนอมชีวิตของพระองค์เองไว้ แต่ทรงยอมทนต่อกางเขนโดยไม่ใส่ใจต่อความละอาย ทูตสวรรค์ก็มีส่วนที่ทำให้ผู้อื่นมีความสุขอยู่เสมอเช่นเดียวกัน นี่คือความชื่นชมยินดีของพวกเขา สำหรับผู้ที่มีจิตใจที่เห็นแก่ตัวนั้น พวกเขาจะถือว่าการปรนนิบัติผู้ยากไร้ที่มีสภาพและฐานะที่ด้อยกว่าในทุกๆด้านเป็นงานที่ตกต่ำ แต่การปรนนิบัติเช่นนี้เป็นงานที่ทูตสวรรค์ผู้ไม่มีบาปกระทำอยู่ วิญญาณแห่งการรับใช้อย่างไม่เห็นแก่ตัวของพระคริสต์จะแทรกซึมไปทั่วทั้งสวรรค์ เป็นหัวใจของความสุขที่แท้จริงของที่นั่น ผู้ติดตามพระคริสต์จะต้องมีวิญญาณเช่นนี้ เป็นภารกิจที่พวกเขาจะต้องทำ {SC 77.2}
เมื่อมีความรักของพระคริสต์ตั้งอยู่ในจิตใจของเรา ความรักนั้นจะเป็นเหมือนกลิ่นอันหอมหวานซึ่งเราจะเก็บซ่อนไว้ไม่ได้ ทุกคนที่เข้ามาสัมผัสกับเราจะรู้สึกได้ถึงอิทธิพลอันศักดิ์สิทธิ์นี้ พระวิญญาณของพระคริสต์ที่ทรงร่วมสถิตอยู่ในจิตใจจะเป็นเหมือนบ่อน้ำพุกลางทะเลทราย ซึ่งมีน้ำไหลรินออกมาสร้างความชุ่มชื่นและดับกระหายให้ผู้ที่กำลังใกล้จะพินาศที่ปรารถนาจะดื่มน้ำแห่งชีวิต {SC 77.3}
ความรักที่เรามีให้กับพระคริสต์จะแสดงออกให้เห็นเป็นความปรารถนาที่จะทำงานรับใช้เหมือนพระองค์เพื่อเป็นพระพรและยกชูมนุษยชาติให้สูงขึ้น การรับใช้นี้จะทำให้เกิดความรัก ความอ่อนโยน และความเห็นใจต่อสรรพสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นมาซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของพระบิดาของเราในสวรรค์ {SC 77.4}
ชีวิตของพระผู้ช่วยให้รอดในโลกนี้ไม่ใช่ชีวิตที่สะดวกสบายและไม่ใช่ชีวิตที่อุทิศเวลาเพื่อพระองค์เอง แต่พระองค์ทรงทำงานด้วยความหนักแน่น จริงใจ และด้วยความเพียรที่ไม่เคยย่อท้อเพื่อนำความรอดมาให้แก่มนุษยชาติที่หลงหาย จากรางหญ้าไปจนถึงกางเขนคาล์วารี พระองค์ทรงดำเนินไปตามทางที่ไม่มีการตามใจตนเองและไม่เคยหาทางหลีกหนีจากภารกิจที่ยากลำบาก จากการเดินทางอันแสนเจ็บปวด และไม่เคยหลีกหนีจากการใส่ใจและงานที่ทำให้หมดสิ้นเรี่ยวแรง พระองค์ตรัสว่า “บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อให้เขาปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก” (มัทธิว 20:28) นี่คือเป้าหมายเดียวที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของพระองค์ ทุกสิ่งนอกเหนือจากนั้นเป็นเรื่องรองและไม่มีความสำคัญเท่า อาหารและเครื่องดื่มของพระองค์คือ การทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและทำพระราชกิจของพระองค์ให้สำเร็จ การทำเพื่อตัวเองและหาผลประโยชน์ให้กับตนเองไม่มีส่วนในพระราชกิจของพระองค์ {SC 78.1}
ดังนั้น ผู้ที่มีส่วนในพระคุณของพระเจ้าจะมีความพร้อมที่จะเสียสละบางอย่างเพื่อคนอื่นที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ เพื่อพวกเขาจะได้มีส่วนร่วมในของประทานจากสวรรค์ พวกเขาจะทำทุกสิ่งเท่าที่จะทำได้เพื่อทำให้โลกที่เขาอาศัยอยู่นั้นดีขึ้น ความตั้งใจเช่นนี้เป็นผลที่เกิดขึ้นในจิตวิญญาณที่ได้กลับใจอย่างแท้จริง ในทันทีที่มีคนหนึ่งได้เข้ามาหาพระคริสต์ ความปรารถนาที่จะบอกให้ผู้อื่นทราบถึงพระสหายล้ำค่าที่เขาพบในองค์พระเยซูก็จะเกิดขึ้นในจิตใจของเขา เขาจะเก็บความจริงที่ช่วยให้รอดและชำระให้พ้นจากบาปไว้ในใจของเขาอย่างเงียบไม่ได้ หากเราสวมใส่ความชอบธรรมของพระคริสต์ไว้และเต็มล้นด้วยความสุขจากการมีพระวิญญาณของพระคริสต์ทรงร่วมสถิตอยู่ด้วย เราจะเก็บสันติสุขไว้อยู่กับตัวไม่ได้ หากเราเคยลิ้มรสและรู้ว่าพระเจ้าประเสริฐ เราจะมีเรื่องเล่าให้ผู้อื่นฟัง เช่นเดียวกับฟิลิปเมื่อพบพระผู้ช่วยให้รอด เราจะเชิญชวนผู้อื่นให้เข้ามายังเบื้องพระพักตร์พระองค์ เราจะคอยบอกให้ทุกคนได้ทราบถึงความน่าประทับใจของพระคริสต์และสภาพที่แท้จริงของโลกที่กำลังจะมาถึงซึ่งตามองไม่เห็น จะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะติดตามทางที่พระคริสต์ได้ดำเนินไปแล้ว จะมีความต้องการให้คนรอบข้างของเราได้หันไป “ดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย” (ยอห์น 1:29) {SC 78.2}
เมื่อเราทำให้ตัวของเราเป็นพระพรแก่ผู้อื่น พระพรนั้นก็จะย้อนกลับมาหาเรา นี่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้เรามีส่วนร่วมในแผนการแห่งการไถ่ให้รอด พระเจ้าทรงเปิดโอกาสให้มนุษย์มีส่วนในธรรมชาติของพระองค์ และเพื่อให้มนุษย์กระจายพระพรไปให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน นี่เป็นเกียรติสูงสุดและเป็นความสุขยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าจะทรงประทานให้แก่มนุษย์ได้ ผู้ที่เข้ามาร่วมทำงานแห่งรักนี้ จะเข้ามาอยู่ใกล้ชิดพระผู้สร้างของเขาได้มากที่สุด {SC 79.1}
พระเจ้าอาจมอบหมายให้ทูตสวรรค์เป็นผู้ประกาศข่าวสารแห่งพระกิตติคุณและเป็นผู้รับภาระการรับใช้ด้วยรักทั้งหมด พระองค์อาจใช้วิธีอื่นๆเพื่อทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ แต่ด้วยความรักที่ไม่มีขอบเขตจำกัดของพระองค์ พระเจ้าทรงเลือกเราให้เป็นผู้ร่วมงานกับพระองค์ กับพระคริสต์และกับทูตสวรรค์ เพื่อเราจะมีส่วนร่วมในพระพร ในความสุข และยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลที่ได้จากงานของการรับใช้ที่ไม่เห็นแก่ตัว {SC 79.2}
โดยการร่วมทุกข์กับพระคริสต์ เราจะเข้าใจความทุกข์ยากของพระองค์ การยอมสละตนเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นจะทำให้วิญญาณแห่งการรู้จักแบ่งปันที่มีอยู่ในจิตใจของผู้ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น “พระองค์มั่งคั่ง พระองค์ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งมีเนื่องจากความยากจนของพระองค์” (2 โครินธ์ 8:9) และนี่คือวิธีที่พระเจ้าจะใช้เพื่อให้เราทำตามพระประสงค์ของพระองค์ในการสร้างเราขึ้นมาสำเร็จ เพื่อจะได้มีชีวิตที่เป็นพระพรสำหรับเราเอง {SC 79.3}
หากท่านจะออกไปทำงานรับใช้ตามที่พระคริสต์ทรงวางแผนให้สาวกของพระองค์ทำและนำจิตวิญญาณกลับมาหาพระองค์แล้ว ท่านก็จะรู้สึกถึงความต้องการที่จะมีประสบการณ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้นและความต้องการที่จะมีความรอบรู้เรื่องของพระเจ้ามากขึ้นกว่าเดิม และท่านก็จะรู้สึกหิวและกระหายความชอบธรรม ท่านจะอ้อนวอนกับพระเจ้าและความเชื่อของท่านจะเข้มแข็งขึ้นและจิตวิญญาณของท่านจะดื่มน้ำที่ได้จากบ่อแห่งความรอดที่ลึกกว่าเดิม เมื่อท่านต้องเผชิญหน้ากับการต่อต้านและการทดลอง ท่านจะถูกผลักดันให้ไปศึกษาพระคัมภีร์และอธิษฐาน ท่านจะเจริญขึ้นในพระคุณและความรอบรู้ในพระคริสต์และจะได้รับประสบการณ์ที่มีค่า {SC 80.1}
วิญญาณแห่งการรับใช้ผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัวจะสร้างอุปนิสัยให้ลึกล้ำ มั่นคง และน่ารักอย่างพระคริสต์ และนำสันติสุขและความผาสุกมาให้แก่ผู้ที่มีอุปนิสัยเช่นนี้ ความใฝ่ฝันนี้จะถูกปรับให้ยิ่งสูงขึ้นไป จะไม่มีช่องว่างสำหรับความเกียจคร้านหรือความเห็นแก่ตัว ผู้ที่ดำรงชีวิตด้วยคุณความดีของคริสเตียนจะเจริญเติบใหญ่ขึ้นและจะเป็นคนเข้มแข็งที่จะทำงานรับใช้พระเจ้าได้ พวกเขาจะมีสายตาทางฝ่ายวิญญาณที่ชัดเจน ความเชื่อที่เติบใหญ่ขึ้นอย่างมั่นคง และการอธิษฐานของเขาจะมีอำนาจเพิ่มขึ้น พระวิญญาณของพระเจ้าที่เคลื่อนไหวในเขาจะชักนำวิญญาณจิตของเขาให้สนองตอบต่อการสัมผัสของพระเจ้า ทำให้ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอันศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นได้ ผู้ที่อุทิศตนเองอย่างไม่เห็นแก่ตัว เพื่อสร้างประโยชน์แก่ผู้อื่นกำลังจัดการกับการสร้างความรอดของเขาเองอย่างแน่นอน {SC 80.2}
วิธีเดียวที่จะเจริญขึ้นในพระคุณคือ การทำงานทุกอย่างที่พระคริสต์ทรงมอบหมายให้เราทำอย่างไม่คิดถึงประโยชน์ส่วนตน ลงมือทำงานอย่างสุดความสามารถของเราเพื่อให้ความช่วยเหลือและเป็นพระพรให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือซึ่งเราช่วยเขาได้ กำลังฝ่ายกายจะได้มาด้วยการออกกำลังกาย กิจกรรมแห่งการรับใช้เป็นส่วนสำคัญของชีวิต ผู้ที่พยายามรักษาชีวิตคริสเตียนด้วยการคอยแต่จะรับพระพรที่ได้มาโดยพระคุณและไม่ทำอะไรเพื่อพระคริสต์เลย ก็เปรียบเหมือนคนที่มีชีวิตที่คอยแต่จะกินโดยไม่ทำงาน และผลจากการทำเช่นนี้ของชีวิตฝ่ายวิญญาณก็มีความคล้ายคลึงกับชีวิตในโลกธรรมชาติ นั่นคือ มักจะนำไปสู่ความเสื่อมโทรมและหมดสภาพ ผู้ที่ไม่ยอมใช้แขนขา ในไม่ช้าก็จะสูญเสียความสามารถไปจนหมด ดังนั้น คริสเตียนที่ไม่ยอมนำพละกำลังที่พระเจ้าทรงประทานให้ออกมาใช้ เขาไม่เพียงแต่จะไม่เติบใหญ่ขึ้นในพระคริสต์เท่านั้น แต่จะสูญเสียพละกำลังที่เขามีอยู่แล้วไปด้วย {SC 80.3}
คริสตจักรของพระคริสต์เป็นตัวแทนที่พระเจ้าทรงจัดตั้งไว้เพื่อความรอดของมนุษย์ พันธกิจของเขาคือการประกาศพระกิตติคุณออกไปทั่วโลก หน้าที่นี้ถูกจัดไว้ให้คริสเตียนทุกคน ทุกคนต้องทำหน้าที่ตามพระบัญชาของพระผู้ช่วยให้รอดตามแต่ขนาดความสามารถและโอกาสที่เขามี ความรักของพระคริสต์ที่ทรงเปิดไว้ให้แก่เรา ทำให้เราเป็นหนี้คนทั้งหลายที่ยังไม่รู้จักพระองค์ พระเจ้าทรงประทานแสงสว่างให้แก่เรา ไม่ใช่มีไว้สำหรับตัวเราเองเท่านั้น แต่เพื่อให้เราส่องแสงสว่างนั้นไปให้แก่ผู้อื่น {SC 81.1}
หากผู้ติดตามของพระคริสต์จะตื่นตัวในหน้าที่ของเขาแล้ว จะมีคนนับเป็นพันๆ ออกไปประกาศพระกิตติคุณในดินแดนที่ยังไม่มีผู้เชื่อพระเจ้า แทนที่จะมีคนประกาศอยู่เพียงคนเดียวอย่างเช่นในทุกวันนี้ และทุกคนที่ไม่สามารถลงมือทำงานเหล่านี้ด้วยตัวเองได้ ก็จะสนับสนุนงานเหล่านั้นด้วยทรัพย์ของเขา ความเห็นใจและคำอธิษฐานของเขา และในประเทศที่มีคริสเตียนจะมีการทำงานเพื่อจิตวิญญาณด้วยความจริงใจมากยิ่งขึ้น {SC 81.2}
เราไม่จำเป็นต้องไปยังดินแดนที่ห่างไกลหรือแม้แต่ออกไปจากสังคมวงแคบของบ้าน หากมีหน้าที่ที่เราต้องทำเพื่อพระคริสต์ที่นั่น เราทำงานเช่นนี้ได้ในแวดวงของบ้าน ในคริสตจักร กับผู้ที่เราคบหาสมาคมด้วย และกับผู้ที่เราทำธุรกิจด้วย {SC 81.3}
เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดของเรามีชีวิตอยู่ในโลก พระองค์ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานอย่างอดทนภายในร้านช่างไม้ที่เมืองนาซาเร็ธ ทูตสวรรค์ผู้รับใช้คอยเฝ้าติดตามพระเจ้าแห่งชีวิตในขณะที่ทรงดำเนินอยู่เคียงข้างคนยากจนและผู้ที่ใช้แรงงาน ระองค์ไม่ได้รับการยอมรับและไม่ได้รับพระเกียรติ พระองค์ทรงทำหน้าที่ของพระองค์อย่างสัตย์ซื่อทั้งในขณะที่ทรงประกอบธุรกิจอันต่ำต้อย พอๆกับในขณะที่ทรงรักษาผู้ป่วยหรือดำเนินอยู่ท่ามกลางคลื่นลมอันปั่นป่วนของทะเลกาลิลี ดังนั้น เราก็จะดำเนินและทำงานร่วมกับพระเยซูได้ในหน้าที่และตำแหน่งที่ต่ำต้อยที่สุดของชีวิต {SC 81.4}
อัครทูตกล่าวว่า ให้ “ทุกคนดำรงอยู่ในฐานะอันใดเมื่อพระเจ้าทรงเรียกก็ให้ผู้นั้นอยู่กับพระเจ้าในฐานะนั้น” (1 โครินธ์ 7:24) นักธุรกิจจะประกอบธุรกิจของเขาด้วยความซื่อตรงเพื่อถวายเกียรติแด่พระอาจารย์ของเขา หากเขาเป็นผู้ติดตามที่แท้จริงของพระคริสต์ เขาก็จะนำศาสนาของเขาเข้าไปในทุกที่และแสดงให้มนุษย์เห็นวิญญาณของพระคริสต์ นายช่างที่ขยันขันแข็งและสัตย์ซื่อก็จะเป็นตัวแทนของพระองค์ผู้ทรงทำงานท่ามกลางผู้ที่ต่ำต้อย ณ.กลางหุบเขาแห่งกาลิลี ทุกคนที่นำพระนามของพระคริสต์มาใช้ จะทำตามหน้าที่ของเขา จนเมื่อผู้อื่นมองเห็นการงานที่ดีของเขาแล้วจะสรรเสริญพระผู้สร้างและพระผู้ไถ่ของเขา {SC 82.1}
มีคนจำนวนมากแก้ตัวกับการไม่ยอมนำของประทานที่เขามีอยู่มาถวายรับใช้พระคริสต์ด้วยการให้เหตุผลว่า มีผู้อื่นที่มีของประทานที่ดีกว่าและมีความสามารถที่เหนือกว่า มักมีความคิดเห็นที่แพร่หลายว่า ผู้ที่มีความสามารถพิเศษเท่านั้นที่ต้องนำความสามารถของเขามามอบถวายรับใช้พระเจ้า คนมากมายเข้าใจว่าความสามารถพิเศษนั้นทรงโปรดประทานให้แก่กลุ่มคนที่ได้รับความโปรดปรานเป็นพิเศษเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้ามาแบ่งรับภาระหรือการตอบแทน แต่ในคำอุปมามิได้สอนไว้เช่นนี้ เมื่อเจ้าของบ้านเรียกบ่าวของท่านเข้ามาพบ ท่านได้มอบหมายงานให้ทุกคนทำ {SC 82.2}
ด้วยจิตวิญญาณแห่งรัก เราจะทำหน้าที่ที่ต่ำต้อยที่สุดในชีวิตเพื่อ “ทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า” (โคโลสี 3:23) หากความรักของพระเจ้าอยู่ในจิตใจแล้ว ชีวิตนั้นก็จะแสดงความรักนั้นออกมา กลิ่นอันหอมหวานของพระคริสต์จะอยู่รอบตัวเรา และอิทธิพลของเราจะเด่นขึ้นมาและทำให้ผู้อื่นได้รับพระพร {SC 82.3}
ท่านไม่ต้องคอยโอกาสที่ยิ่งใหญ่หรือหวังให้มีความสามารถพิเศษก่อนแล้วจึงค่อยออกไปทำงานรับใช้พระเจ้า ท่านต้องไม่คิดว่า โลกจะคิดอย่างไรกับท่าน หากชีวิตประจำวันของท่านเป็นพยานถึงความเชื่อของท่านที่บริสุทธิ์และสัตย์จริง และคนอื่นๆ ก็มั่นใจว่าท่านต้องการให้พวกเขาได้รับประโยชน์ ความพยายามของท่านก็จะไม่สูญเปล่า {SC 83.1}
สาวกที่ต่าต้อยและเลวที่สุดของพระเยซูยังทำตัวให้เป็นพระพรแก่ผู้อื่นได้ พวกเขาอาจจะไม่เคยตระหนักว่าได้ทำอะไรที่ดีเป็นพิเศษ แต่จากอิทธิพลที่เขาทำไปโดยไม่รู้ตัวนั้น ทำให้เกิดคลื่นแห่งพระพรที่จะขยายออกเป็นวงกว้างและฝังลึกยิ่งขึ้น และพวกเขาก็ไม่เคยรับรู้ถึงผลลัพธ์ที่เป็นพระพรนั้นเลยจนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่การกระทำของเขาจะได้รับผลตอบแทน พวกเขาไม่ได้รู้สึกหรือไม่ได้คิดว่า สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นยิ่งใหญ่เพียงไร พวกเขาไม่เคยกังวลใจถึงเรื่องความสำเร็จ เขาเพียงแต่ต้องมุ่งไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ ทำงานที่พระเจ้าทรงกำหนดให้อย่างซื่อสัตย์ และชีวิตของเขาก็จะไม่สูญเปล่า จิตวิญญาณของเขาจะเติบใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆจนคล้ายคลึงกับของพระคริสต์ ขณะที่พวกเขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ พวกเขาเป็นคนทำงานร่วมกับพระเจ้า และด้วยเหตุนี้ ในชีวิตที่จะมาถึงนั้น พวกเขาจึงเหมาะที่จะทำงานที่สูงส่งกว่าและได้รับความสุขที่ไม่มีเงามืดมาบดบัง {SC 83.2}