การถอดคุม

การถอดคุม


ก. กล่าวทั่วไป

         ๑. การถอดคุม ปก.๙๓ นั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ใช้ปืนจะต้องได้รับการฝึกทันทีหลังจากได้รับปืนแล้วจะต้อง ได้รับการฝึกจนมีความชำนาญดีพอเสียก่อน จึงจะยอมให้ยิงปืนได้

         ๒. การถอดคุมปืนนั้น ถ้าหากเป็นการถอดคุมที่ถูกวิธีแล้วไม่จำเป็นต้องใช้แรงมาก ฉะนั้นในการถอดคุม ใด ๆ ถ้าหากต้องใช้แรงมากเกินควรหรือใช้ของแข็งตอกเอา  โดยที่คำแนะนะในคู่มือนี้มิได้บ่งไว้แล้วจะต้อง คำนึงไว้เสมอว่าการถอดคุมนั้น ๆ อาจผิดวิธี

         ๓. ในการถอดคุม เมื่อได้ถอดชิ้นส่วนใดออกมาแล้ว ให้วางเรียงจากซ้ายไปขวาตามลำดับเพื่อให้ทราบว่าได้ถอดชิ้นส่วนใดออกมาก่อน เพราะเหตุว่าการถอดคุมนั้นมีหลักสำคัญอยู่ว่า "ให้ทำกลับกับการถอด ชิ้นใดถอดออกมาทีหลังให้คุมเข้าไปก่อน"

         ๔. ก่อนที่จะถอดชิ้นส่วนใดออกจากปืน ควรจะพิจารณาและจดจำไว้ให้แน่ชัดว่าชิ้นส่วนนั้น ๆ ประกอบติดอยู่ในปืนอย่างไร ส่วนใดอยู่ทางซ้ายหรือขวา อยู่บนหรืออยู่ล่างทั้งนี้เพื่อช่วยให้การคุมเป็นไปอย่างรวดเร็วแน่นอน ไม่ลังเล

ข. ประเภทของการถอดคุม

         การถอดคุม ปก.๙๓ แบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภท คือ

              - การถอดคุมปกติ

              - การถอดคุมพิเศษ

การถอดคุมปกติ

         การถอดคุมปกติได้แก่ การถอดคุมซึ่งต้องกระทำอยู่เสมอ เพื่อบำรุงรักษาความสะอาด แก้ไขเหตุขัดข้องและสับเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุด การถอดคุมปกตินี้ในด้านการซ่อมบำรุงแบ่งออกได้เป็น ๒ ขั้น คือ

         ๑. การถอดคุมปกติขั้นที่ ๑ ได้แก่การถอดคุมซึ่งพลประจำปืนจะต้องได้รับการฝึกให้ทำการถอดคุมด้วยตัวเองเพื่อบำรุงรักษาความสะอาด แก้ไขเหตุขัดข้อง และสับเปลี่ยนชิ้นส่วนตามอัตราที่จ่ายประจำปืน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือการถอดคุมเพื่อซ่อมบำรุงขั้นที่ ๑ นั่นเอง

            ๒. การถอดคุมขั้นที่ ๒ ได้แก่การถอดคุมเพื่อปรับสภาพของปืนสับเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุด การถอดคุมปกติขั้นที่ ๒ นี้เป็นหน้าที่ของช่างสรรพาวุธ ซึ่งจะทำการถอดคุมได้ เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องสับเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดเท่านั้น

         การถอดคุมขั้นนี้ ถ้าหากจะต้องการฝึกให้พลประจำปืนสามารถทำการถอดคุมได้ด้วยแล้วก็ให้กระทำได้ภายใต้ความควบคุมของนายทหารสสัญญาบัตรเท่านั้น ยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน การถอดคุมปกติในขั้นที่ ๒ นี้ ไม่จำเป็นจะต้องกระทำในการสอนอาวุธศึกษาเพราะอาจสอนโดยใช้ภาพประกอบการสอนหรือภาพช่วยการฝึกได้ทั้งนี้เป็นเพราะเหตุว่าการถอดคุมขั้นนี้ถ้าหากกระทำอยู่เสมอแล้วอาจทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ หลวมคลอนได้

การถอดคุมพิเศษ

         การถอดคุมนอกเหนือไปจากที่กล่าวมาแล้ว เป็นการถอดคุมเพื่อการซ่อมขั้นที่ ๓ และ ๔ ซึ่งหน่วยรบไม่มีหน้าที่และเครื่องมือเครื่องใช้พอที่จะทำได้ การถอดคุมพิเศษนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยซ่อมบำรุงขั้นที่ ๓และขั้นที่ ๔ เท่านั้น และจะทำการถอดคุมได้เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นในการซ่อมเท่านั้น

         ๓. การถอดคุมปกติ

              ก) การถอดคุมปกติขั้นที่ ๑  ได้แก่การถอดคุมดังต่อไปนี้

                  ๑) ถอดแยกชิ้นส่วนใหญ่ ๆ ของปืนออกเป็น ๗ ส่วนคือ

                       (ก) ลำกล้อง

                       (ข) ห้องลูกเลื่อน

                       (ค) แผ่นปิดท้ายห้องลูกเลื่อน

                       (ง) ลูกเลื่อนและแหนบส่งลูกเลื่อน

                       (จ) โครงต่อท้ายลำกล้อง

                       (ช) เรือนเครื่องรับแรงสะท้อนถอยหลังของลำกล้อง (ผ่อนแรงกระแทก)

                       (ซ) เครื่องผ่อนแรงกระแทก (รับแรงสะท้อนถอยหลังของลำกล้อง)

                  ๒) ถอดแยกชิ้นส่วนของลูกเลื่อน

                  ๓) ถอดแยกชิ้นส่วนของเรือนเครื่องผ่อนแรงกระแทก

                  ๔) ถอดแยกชิ้นส่วนโครงต่อท้ายลำกล้อง

                  ๕) ถอดแยกชิ้นส่วนของฝาปิดห้องลูกเลื่อน

                  ๖) การถอดแยกชิ้นส่วนของห้องลูกเลื่อน

                  ๗) ถอดแยกชิ้นส่วนของเครื่องขึ้นนก

                  ๘) ถอดแยกชิ้นส่วนของเหล็กปิดท้ายลูกเลื่อน

              ข) การถอดคุมปกติขั้นที่ ๒  ได้แก่การถอดคุมดังต่อไปนี้

                  ๑) ถอดแหนบส่งลูกเลื่อน

                  ๒) ถอดแหนบเข็มส่งลูกเลื่อน

                  ๓) ถอดแหนบลำกล้องกลับเข้าที่

                  ๔) ถอดศูนย์หลัง

         ๔. วิธีถอดปกติขั้นที่ ๑

              ก) ถอดแยกปืนออกเป็นส่วนใหญ่ ๆ

                  ๑) ถอดลำกล้องปืน (ดูรูปที่ ๒) ให้ดันส่วนถอยหลังไปข้างหลัง จนกระทั่งสลักบนแหนบยึดลำกล้องตรงพอดีกับรูซึ่งอยู่ทางด้านขวา คลายลำกล้องออกโดยหมุนทวนเข็มนาฬิกา

ข้อควรระวัง หลังจากประกอบลำกล้องแล้ว อย่าทำการยิงจนกระทั่งได้ปรับหน้าลูกเลื่อน และตรวจปรับจังหวะการยิงแล้ว

รูปที่ 2 การถอดลำกล้อง

         ๒) ถอดเหล็กปิดท้ายห้องลูกเลื่อน (ดูรูปที่ ๓)

                       (ก) มือทั้งสองกุมรอบด้ามปืน

                      (ข) ใช้ปลายนิ้วนางมือซ้ายซ้ายดันเหล็กบังคับกลอนยึดเหล็กปิดท้ายห้องลูกเลื่อนออกไปทางหลัง พร้อมกับใช้นิ้วกลางมือขวายกกลอนยึดเหล็กปิดท้ายห้องลูกเลื่อนขึ้นข้างบน ในขณะเดียวกันยกแผ่นปิดท้ายห้องลูกเลื่อนขึ้นข้างบน

 รูปที่ 3 การถอดลำกล้อง

        ๓) ถอดแหนบส่งลูกเลื่อนและแกนแหนบส่งลูกเลื่อน (ดูรูปที่ ๔) กดแกนแหนบส่งลูกเลื่อนไปข้างหน้าและหมุนไปทางซ้ายจนกระทั่งปุ่มแกนแหนบส่งลูกเลื่อน พ้นจากช่องในพนังขวาของห้องลูกเลื่อน แล้วดึงออกมาข้างหลัง


รูปที่ ๔  การถอดแหนบส่งลูกเลื่อนและแกนแหนบส่งลูกเลื่อน


๔) ถอดปุ่มคันรั้งลูกเลื่อน (ดูรูปที่ ๕)

                       (ก) ดึงปุ่มคันรั้งลูกเลื่อนมาข้างหลังจนกระทั่งปุ่มคันรั้งลูกเลื่อนถอยมาอยู่ตรงกับช่องเว้าในรอยทางเดินของปุ่มคันรั้งลูกเลื่อน

                       (ข) ดึงปุ่มคันรั้งลูกเลื่อนออกมาทางข้าง


รูปที่ ๕  การถอดปุ่มคันรั้งลูกเลื่อน


         ๕) ถอดลูกเลื่อน (ดูรูปที่ ๖, ๗) ผลักลูกเลื่อนให้หลุดออกมาข้างหลัง จนกระทั่งหลุดออกมาจากห้องลูกเลื่อน  แล้วใช้มือซ้าย ดึงออกจากห้องลูกเลื่อน (ถ้าหากผลักลูกเลื่อนไม่ออกให้ยกกระเดื่องยึดลูกเลื่อนขึ้นเล็กน้อย)


รูปที่ ๖, ๗  การถอดลูกเลื่อน


๖) ถอดโครงต่อท้ายลำกล้องและเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง (ดูรูปที่ ๘, ๙, ๑๐, ๑๑)

                       (ก) ใช้ปลายลูกกระสุนหรือปลายเหล็กไขควง กดลงไปที่รูด้านท้ายของพนังขวาห้อง ลูกเลื่อนกดปลายแหนบยึดเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังเข้าไปข้างใน ในขณะเดียวกันผลักโครงต่อท้ายลำกล้องปืนและเรือนเครื่องผ่อนแรงกระแทกจะหลุดออกมาทางด้านหลังของห้องลูกเลื่อน

                       (ข) ถอดแยกโครงต่อท้ายลำกล้องออกจากเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง โดยใช้หัวแม่มือดันบานพับหัวโครงเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังไปข้างหน้า

                       (ค) ถอดแยกเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังออกจากเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง โดยใช้มือกดหัวก้านสูบแล้วดึงเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังออกข้างหลัง


รูปที่ ๘, ๙, ๑๐, ๑๑  การถอดโครงต่อท้ายลำกล้องและเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง


หมายเหตุ  เมื่อได้ถอดมาถึงขั้นนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นการถอดคุมแยกส่วนใหญ่ ๆ ของปืนออกเป็น ๗ ส่วนคือ

         - ลำกล้อง

         - ห้องลูกเลื่อน

         - เหล็กปิดท้ายห้องลูกเลื่อน

         - ลูกเลื่อนและแหนบส่งลูกเลื่อน

         - โครงต่อท้ายลำกล้อง

         - เรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง

         - เครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง

         การถอดแยกชิ้นส่วนใหญ่ ๆ นี้เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำอยู่เสมอเพื่อทำความสะอาดปืน ฉะนั้นก่อนที่จะหัดถอดคุมขั้นอื่นต่อไป ให้หัดถอดคุมส่วนใหญ่ ๆ ของปืนให้ชำนาญดีเสียก่อน (การควบคุมให้ทำกลับกันกับการถอด)

              ข) ถอดแยกชิ้นส่วนของลูกเลื่อน

                  ๑) ถอดขอรั้งกระสุน (ดูรูปที่ ๑๒, ๑๓) หมุนขอรั้งกระสุนขึ้นข้างบนแล้วดึงออกทางซ้าย


รูปที่ ๑๒

รูปที่ ๑๓

การถอดขอรั้งกระสุน และแผ่นบังคับทางป้อน

 

                  ๒) ถอดเหล็กคัดปลอกกระสุน ตอกสลักเหล็ก คัดปลอกกระสุน (ตอกทางด้านเว้า)

                  หมายเหตุ การถอดเหล็กคัดปลอกกระสุนต้องถอดเมื่อมีความจำเป็นในการสับเปลี่ยนเท่านั้น ในการทำความ สะอาดธรรมดาห้ามถอด

                  ๓) ถอดแผ่นบังคับทางป้อน (ดูรูปที่ ๑๒)

                       (ก) ยกแผ่นบังคับทางป้อนขึ้นข้างบน

                       (ข) ดึงสลักแผ่นบังคับทางป้อนออกจากลูกเลื่อน

                  ๔) ถอดคันขึ้นนก (ดูรูปที่ ๑๔, ๑๕)

                       (ก) หมุนคันขึ้นนกมาข้างหลัง

                       (ข) ใช้เหล็กตอกสลัก หรือปลายกระสุนกดปลายสลักคันขึ้นนก  ดันให้สลักคันขึ้นนกขยับออก มาทางข้างของลูกเลื่อนแล้วดึงสลักคันขึ้นนกออก


รูปที่ ๑๔

รูปที่ ๑๕

การถอดคันขึ้นนก

 

                  ๕) ถอดแผ่นบังคับกระเดื่องไก (ดูรูปที่ ๑๖, ๑๗, ๑๘)

                       (ก) กดกระเดื่องไกลงไปข้างล่าง จนกระทั่งเข็มแทงชนวนวิ่งไปข้างหน้า (ลั่นไก)

                       (ข) ใช้ปลายไขควงกดร่องบากของแผ่นบังคับกระเดื่องไกลงไปข้างล่างแล้วหมุนให้แผ่น บังคับกระเดื่องไกออกมาตรงกลางช่องบากของลูกเลื่อน

                       (ค) พลิกลูกเลื่อนกลับขึ้นข้างบน ใช้เหล็กตอกสลักกดสลักแผ่นบังคับกระเดื่องไกให้หลุดจาก ช่องเข็มแทงชนวน

                       (ง) พลิกลูกเลื่อนกลับตามเดิม แล้วดึงแผ่นบังคับกระเดื่องไกออก


รูปที่ ๑๖

รูปที่ ๑๗   รูปที่ ๑๘

การถอดแผ่นบังคับกระเดื่องไก


๖) ถอดกระเดื่องไก (ดูรูปที่ ๑๙, ๒๐)

                       (ก) มือขวากดกระเดื่องไกข้างล่าง  จนกระทั่งแง่สามเหลี่ยมของกระเดื่องไกหลุดพ้นออก จากรอยบากบนแผ่นยึดกระเดื่องไก

                       (ข) มือซ้ายดึงแผ่นยึดกระเดื่องไกออกทางซ้าย  แล้วดึงกระเดื่องไกและแหนบกระเดื่อง ไกออก


รูปที่ ๑๙

รูปที่ ๒๐

การถอดกระเดื่องไก

๗) ถอดเข็มแทงชนวน (ดูรูปที่ ๒๑, ๒๒)

                       (ก) ใช้มือซ้ายยกหัวลูกเลื่อนขึ้นข้างบน เข็มแทงชนวนหลอดต่อท้ายเข็มแทงชนวนออกมา จากทางท้ายของลูกเลื่อน

                       (ข) ถอดแยกหลอดต่อท้ายเข็มแทงชนวน โดยดึงออกทางข้าง


รูปที่ ๒๑

รูปที่ ๒๒

การถอดเข็มแทงชนวน

 

              ค) ถอดแหนบยึดเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง

                  ๑) ถอดแหนบยึดเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง

                       (ก) จับเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังไว้ในมือซ้าย หัวแม่มือยันบานพับหัวโครง เครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังไว้(ข) ใช้ปลายไขควงสอดเข้าไปกดปุ่มแหนบยึดเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังให้อ้าออกไป ประมาณ ๑ ซม.แล้วผลักบานพับหัวเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังไปข้างหน้าแหนบยึดเครื่องผ่อนแรง สะท้อนถอยหลังหลุดออกจากเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง

         หมายเหตุ  การถอดแหนบยึดเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังนี้อาจกระทำอีกวิธีหนึ่งคือ

                       - วางเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังหงายลงบนโต๊ะพื้นที่ราบ

                       - ผลักบานพับหัวเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังมาข้างหน้าพร้อมกับใช้นิ้วชี้ซ้ายยกแง่ของบานพับหัวเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังไว้ ในขณะเดียวกันใช้หัวแม่มือข้างซ้ายกดแหนบยึดเครื่องผ่อนแรงสะท้อน ถอยหลังไว้ เพื่อป้องกันมิให้แหนบยึดเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังดีดหลุดออกมาโดยแรง

                                - ใช้ปลายเหล็กไขควงสอดเข้าไปใต้หัวแหนบยึดเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังด้วยเหล็กไขควงยก ปลายแหนบยึดเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังขึ้นข้างบนประมาณ ๑  ซม.แล้วขยับบานพับหัวเรือนเครื่องผ่อนแรง สะท้อนถอยหลังมาข้างหลังเล็กน้อย แหนบยึดเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังจะหลุดออกมา

                       - ถอดบานพับหัวเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง

                       - ใช้เหล็กตอกสลักหรือปลายลูกกระสุน ดันสลักบานพับหัวเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง แล้วขยับบานพับหัวเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังออก

              ง) ถอดแยกชิ้นส่วนโครงต่อท้ายลำกล้อง

                  ๑) ถอดกลอนลูกเลื่อน

                       (ก) ใช้เหล็กตอกสลักหรือปลายลูกกระสุนดันสลักกลอนลูกเลื่อนออก

                       (ข) ขยับกลอนลูกเลื่อนออกจากโครงต่อท้ายลำกล้อง

                  ๒) ถอดแหนบยึดลำกล้อง

                       ผลักแหนบยึดลำกล้องปืนออกไปข้างหน้า

              จ) ถอดแยกชิ้นส่วนของฝาปิดห้องลูกเลื่อน

                  ๑) ถอดฝาปิดห้องลูกเลื่อนออกจากตัวปืน

                       (ก) ถอดสลักยึดแกนฝาปิดห้องลูกเลื่อน

                       (ข) ถอดแกนฝาปิดห้องลูกเลื่อนออก

                       (ค) ดึงฝาปิดห้องลูกเลื่อนออก

                  ๒) ถอดคันเลื่อนสายกระสุน

                       (ก) ถอดแหนบหยุดคันเลื่อนสายกระสุน

                       (ข) ยกคันเลื่อนสายกระสุนขึ้นข้างบนกระเดื่องคันเลื่อนสายกระสุนและแหนบกระเดื่องคันเลื่อนสายกระสุนาจะหลุดตามออกมาด้วย (ระวังจะหลุดหาย)

                  ๓) ถอดโครงเลื่อนสายกระสุน

                       ดึงโครงเลื่อนสายกระสุนออก

                  ๔) ถอดเหล็กเลื่อนสายกระสุน

                       (ก) ใช้เหล็กตอกสลักดันสลักเหล็กเลื่อนสายกระสุนออก

                       (ข) ขยับเหล็กเลื่อนสายกระสุนและแหนบเหล็กเลื่อนสายกระสุนออก

                       (ค) ถอดเหล็กผลักกระสุน  ดึงเหล็กผลักกระสุนออกจากเหล็กเลื่อนสายกระสุน

                  ๕) ถอดแหนบกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อน

                       (ก)ใช้ปลายไขควงงัดปลายแหนบกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อนให้พ้นร่องบากบนฝาปิดห้องลูกเลื่อน

                      (ข) ใช้ปลายไขควงกดตรงร่องงอของแหนบกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อน แล้วดันให้แหนบกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อนถอดมาข้างหลังกระทั่งช่องใหญ่ในแหนบกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อน อยู่ตรงกับปุ่มยึดแหนบกลอนฝา ปิดห้องลูกเลื่อน แล้วยกแหนบกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อน

                     ๖) ถอดแหนบบังคับขอรั้งกระสุน ใช้ปลายไขควงสอดเข้าไปในช่องเว้าของลาดบังคับขอรั้งกระสุน แล้วงัดปลายให้ปลาย กดขอรั้งกระสุนหลุดออกมาจากลาดบังคับขอรั้งปลอกกระสุน (ระวังแหนบนี้แข็งมากอาจจะดีดออกมาโดยแรง ทำให้เกิดบาดเจ็บได้)

หมายเหตุ การถอดฝาปิดห้องลูกเลื่อนออกจากตัวปืน และถอดแยกชิ้นส่วนของฝาปิดห้องลูกเลื่อนนั้นให้กระทำต่อ เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องสับเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดเท่านั้น นอกจากนั้นการสับเปลี่ยนคันเลื่อนสายกระสุนยัง สามารถทำได้โดยไม่ต้องถอดฝาห้องลูกเลื่อนออกจากตัวปืนอีกด้วย

              ฉ) ถอดแยกชิ้นส่วนของห้องลูกเลื่อน

                  ๑) ถอดเหล็กยึดสายกระสุน

                       (ก) กดเหล็กยึดตับกระสุนลงให้ราบแล้วดึงสลักเหล็กยึดสายกระสุนออกไปทางหลัง

                       (ข) ขยับเหล็กยึดสายกระสุนและแหนบเหล็กยึดสายกระสุนออก

                  ๒) ถอดเหล็กกันกระสุนและเหล็กแยกข้อต่อสายกระสุน

                       (ก) ดึงสลักเหล็กกันกระสุนออก

                       (ข) หยิบเหล็กกันกระสุนและเหล็กแยกข้อต่อสายกระสุนออก

                  ๓) ถอดสะพานไก ในมือซ้ายหมุนสลักสะพานไกลงข้างล่างประมาณ ๙๐ จนกระทั่งลิ่มของสลักสะพานไกอยู่ตรงกับร่องลิ่มบนพนังของห้องลูกเลื่อน แล้วใช้มือขวาจับสะพานไกไว้ แล้วใช้มือซ้ายดึงสลักสะพานไกออกจากห้อง ลูกเลื่อน

              ช) ถอดเครื่องขึ้นนก

                  ๑) ถอดสลักแป้นเกลียวแกนคันรั้งลูกเลื่อน

                  ๒) ถอดแป้นเกลียวแกนคันรั้งลูกเลื่อนและแหวนแป้นเกลียวคันรั้งลูกเลื่อน

                  ๓) ถอดคันรั้งลูกเลื่อน

                  ๔) ถอดสลักแป้นเกลียวควงยึดโครงเครื่องขึ้นนก

                  ๕) ถอดแป้นเกลียวควงยึดโครงเครื่องขึ้นนก

                  ๖) ถอดควงยึดโครงเครื่องขึ้นนก

                  ๗) ถอดหมุดเกลียวยึดโครงเครื่องขึ้นนก (อันหลัง)

                  ๘) ถอดหมุดเกลียวยึดโครงเครื่องขึ้นนก (อันหน้า)

                  ๙) ยกโครงเครื่องขึ้นนกออกจากห้องลูกเลื่อน

                  ๑๐) ถอดเลื่อนผลักปุ่มลูกเลื่อน

              หมายเหตุ การถอดเครื่องขึ้นนกนี้อาจถอดจากตัวปืนได้โดยไม่ต้องถอดคันขึ้นนกออกจากเครื่องขึ้นนก  วิธีถอดให้ กระทำดังนี้คือ 

                  - ถอดควงยึดโครงขึ้นนกออก

                  - ถอดหมุดเกลียวยึดโครงเครื่องขึ้นนกออก

                  - ยกเครื่องขึ้นนกออกจากปืน

              ซ) ถอดแผ่นปิดท้ายห้องลูกเลื่อน

                  ๑) ใช้ไขควงปรับเครื่องรับแรงกระแทก ระวังอย่าทำให้กระเดื่องบังคับควงเครื่องรับแรง กระแทกหาย

                  ๒) ยกแผ่นปิดท้ายห้องลูกเลื่อน เทจานผ่อนแรงกระแทกและแท่นรับแรงกระแทกออกทางหลัง

                  ๓) ถอดสลักแกนเหล็กบังคับกลอนแผ่นปิดท้ายห้องลูกเลื่อนแล้วถอดแผ่นบังคับกลอนลูกเลื่อนและแหนบแผ่นบังคับกลอนแผ่นปิดท้ายห้องลูกเลื่อนออก

                  ๔) ตอกสลักกลอนแผ่นปิดท้ายห้องลูกเลื่อนออกและหยิบกลอนแผ่นปิดท้ายห้องลูกเลื่อน และแหนบ กลอนแผ่นปิดท้ายห้องลูกเลื่อนออก

                  ๕) ตอกสลักไกออก

                  ๖) ถอดปลอกเก็บคันบังคับการยิง โดยดึงออกมาทางหลังโดยตรงๆ

         ๕. วิธีถอดปกติขั้นที่ ๒

              ก) ถอดแหนบส่งลูกเลื่อน

                  ๑) ใช้ตะไบ ๆ ปลายสลักกันครอบแหนบส่งลูกเลื่อนเล็กน้อย

                      ๒) ใช้เหล็กตอกสลักกันครอบแหนบส่งลูกเลื่อนออก ในขณะเดียวกับกดครอบแหนบส่งลูกเลื่อนลงไปข้างล่าง เมื่อสลักกันครอบแหนบส่งลูกเลื่อนหลุดออกไปแล้ว ค่อย ๆ ผ่อนปลอกแหนบออก

              ข) ถอดแหนบเข็มแทงชนวน

                  ๑) คาบหลอดต่อท้ายเข็มแทงชนวนไว้ในปากกาให้ด้านที่มีสลักแหนบเข็มแทงชนวนหันออกข้างนอก

                  ๒) สวมกุญแจสำหรับถอดแหนบเข็มแทงชนวนเข้าไปบนหลอดต่อท้ายเข็มแทงชนวนให้สลักแหนบ เข็มแทงชนวนอยู่ตรงช่องบากของหัวกุญแจถอดแหนบเข็มแทงชนวน

                  ๓) กดกุญแจแหนบเข็มแทงชนวนเข้าไปข้างใน แล้วตอกสลักแหนบเข็มแทงชนวนออก

หมายเหตุ ถ้าหากไม่มีกุญแจถอดแหนบให้คาบหลอดต่อท้ายเข็มแทงชนวนไว้ในปากกาแล้วใช้เหล็กตอกสลักแหนบ เข็มแทงชนวนออก ในการตอกระวังอย่าทำให้หลอดต่อท้ายเข็มแทงชนวนคด

              ค) ถอดแหนบเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง

                  ๑) เปิดปากกาออกให้กว้างพอที่จะสอดหัวลูกสูบเข้าไปในปากกาได้ สอดหัวลูกสูบเข้าไปในปาก กา จนกระทั่งแหวนแหนบส่งลำกล้องกลับเข้าไปยันกับด้านข้างของปากกา

                  ๒) กดท้ายเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังเข้าไปจนกระทั่งสลักก้านสูบลอยพ้นจากรอยเว้าบน แหวนแหนบส่งลำกล้องกลับเข้าที่

                  ๓) หมุนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังประมาณ ๙๐ องศา ในทางด้านใดด้านหนึ่ง  จนกระทั่ง สลักก้านสูบตรงกับช่องบากในแหวนแหนบก้านสูบ ค่อย ๆ ผ่อนแรงออกทางหลัง

หมายเหตุ  การถอดแหนบเครื่องรับแรงนี้ถอดได้เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นในการสับเปลี่ยนแหนบเท่านั้น

              ง) ถอดศูนย์หน้า

                  ๑) คลายหมุดเกลียวยึดแท่นศูนย์หลังออกแล้วยกศูนย์หลังออกจากห้องลูกเลื่อน ในการไขหมุด เกลียวยึดแท่นศูนย์หลังนั้น จะไขหมุดเกลียวตัวที่ ๔ ออก ได้จะต้องยกไขศูนย์หลังขึ้นเสียก่อนแล้วสอดไขควงเข้าไปในรูแหนบศูนย์หลัง แล้วไขควงตัวที่ ๔ ออก

                  ๒) ตอกสลักควงแก้ทิศออก แล้วถอดแกนควงแก้ทิศระวังอย่าให้กระเดื่องบังคับควงแก้ทิศและ แหนบกระเดื่องควงแก้ทิศหาย คลายแกนควงแก้ทิศ ยกแผ่นศูนย์หลังออก

                  ๓) ผลักแหนบศูนย์หลังออกมาข้างหลัง แล้วยกแผ่นศูนย์หลังออก

                  ๔) ตอกสลักควงมุมสูงออก แล้วถอดแกนควงมุมสูงออก

                  ๕) ถอดสลักแกนควงเลื่อนมุมสูงออก

                  ๖) ถอดสลักควงเลื่อนเดือยยึดกล้องเล็งออก

         ๖. วิธีคุม

              ก) คุมศูนย์หลัง คุมชิ้นส่วนของศูนย์หลังเข้าไปโดยทำกลับกับการถอดถ้าหากถอดเดือยยึดกล้องเล็ง ให้รวมแหนบเข้ากับเดือยยึดกล้องเล็ง แล้วใส่เดือยยึดเครื่องเล็งเข้าไปที่ใต้แท่นศูนย์หลัง  ใส่แหนบควงเลื่อนเดือยยึดกล้องเล็งเข้าไปบนควงเลื่อนเดือยยึดกล้องเล็ง ประกอบควงเดือยยึดกล้องเล็งกับเดือยยึดกล้องเล็งใส่สลักควงเลื่อนเดือยยึดกล้องเล็ง

              ข) คุมแหนบส่งลำกล้องกับเข้าที่

                  ๑) ดึงก้านสูบไปข้างหน้าจนสุด

                  ๒) สอดก้านสูบเข้าไปในแหนบส่งลำกล้องกลับเข้าที่ ใส่แหวนแหนบส่งลำกล้องกลับเข้าที่

                  ๓) ยกเครื่องผ่อนแรงกระแทกไปที่ปากกา  เอาแหวนแหนบส่งลำกล้องกลับเข้าที่ยันเข้าที่ด้าน ข้างของปากกา ดังได้อธิบายมาในวิธีถอด

                      ๔) จัดสลักก้านสูบให้ตรงกับรอยบากของแหวนแหนบส่งลำกล้องกลับเข้าที่ กดเครื่องผ่อนแรง กระแทกไปข้างหน้าจนกระทั่งสลักก้านสูบโผล่พ้นออกไปจากแหวนแหนบส่งลำกล้อง กลับเข้าที่หมุนเครื่องผ่อนแรง กระแทกจนกระทั่งสลักก้านสูบอยู่ตรงกับรอยเว้าครึ่งวงกลมบนแหวนแหนบส่งลำกล้องกลับเข้าที่

              ค) คุมแหนบเข็มแทงชนวน การคุมแหนบเข็มแทงชนวนกลับกับการถอดทุกประการ เมื่อใส่สลักแกนแหนบเข็มแทงชนวนให้ ตรวจดูว่าปลายสลักแหนบเข็มแทงชนวนไม่ได้โผล่ยื่นออกไปนอกหลอดยึดเข็มแทงชนวน

              ง) คุมแกนแหนบส่งลูกเลื่อน

                  ๑) ใส่แหนบส่งลูกเลื่อนอันใน และอันนอก เข้าไปบนแกนส่งลูกเลื่อน

                  ๒) ใส่ครอบแหนบส่งลูกเลื่อน กดครอบแหนบลงไปให้ต่ำแล้วใส่สลักกันครอบแหนบส่งลูกเลื่อน  (ใช้สลักอันใหม่) แล้วย้ำปลายข้างเล็กน้อยสลักกันครอบแหนบส่งลูกเลื่อนให้แน่น

                  ๓) เมื่อใส่แล้วลองกดครอลแหนบส่งลูกเลื่อนลงข้างล่างแล้ว ปล่อยขึ้นข้างบนดูครอบแหนบส่ง ลูกเลื่อนและแหนบส่งลูกเลื่อนต้องเคลื่อนที่ขึ้นลงได้โดยสะดวกไม่ฝืด

              จ) คุมชิ้นส่วนของแผ่นปิดท้ายห้องลูกเลื่อน

                  ๑) คุมกลอนแผ่นปิดท้ายห้องลูกเลื่อนและเหล็กบังคับกลอนแผ่นปิดท้ายห้องลูกเลื่อน  โดยทำกลับ กับการถอด

                  ๒) คุมแท่นรับแรงกระแทก จานผ่อนแรงกระแทกและควงปรับเครื่องรับแรงกระแทก

                  ๓) ใส่ปลอกเก็บคันบังคับการยิง  ผลักเข้าไปจนกระทั่งปุ่มของปลอกเก็บเหล็กบังคับการยิงเข้า ฝังอยู่ในร่องบนหลอดเครื่องรับแรงกระแทก

                  ๔) ใส่คันบังคับการยิง และใส่ไกเข้าไปในช่องตอนบนของเหล็กปิดท้ายห้องลูกเลื่อน  ให้ปลาย คันบังคับการยิงอยู่ภายในระหว่างกลางของง่ามไก ใส่แหนบและแหนบบังคับการยิงลงไปในช่องรับแหนบบนเหล็กปิดท้ายห้องลูกเลื่อน ปลายอีกข้างหนึ่งอยู่ใต้ไกและคันบังคับการยิงจัดรูของไกและคันบังคับการยิงให้ตรงรูใน เหล็กปิดท้ายห้องลูกเลื่อน ปลายอีกข้างหนึ่งรองอยู่ใต้ไก และคันบังคับการยิงจัดรูของไกและคันบังคับการยิงให้ ตรงกับรูในเหล็กปิดท้ายห้องลูกเลื่อน ใส่สลักไก

              ฉ) เครื่องขึ้นนก

                  ๑) ใส่เลื่อนผลักปุ่มลูกเลื่อนไปในช่องทางเดินบนโครงเครื่องขึ้นนก  ให้กระเดื่องบังคับเลื่อน ผลักปุ่มลูกเลื่อนฝังตัวอยู่ในรอยบากรูปสามเหลี่ยมของช่องทางเดินเลื่อนผลักปุ่มลูกเลื่อน

                  ๒) คุมคันรั้งลูกเลื่อนเข้ากับแกนคันรั้งลูกเลื่อน จัดห่วงเล็กเข้าแหนบคันรั้งลูกเลื่อนให้สวมลงบน ปุ่มหยุดคันรั้งลูกเลื่อนและปลายงอสอดเข้าไปในรูที่คันรั้งลูกเลื่อน แล้วคุมชิ้นส่วนอื่นตามที่แสดงตำบลที่อยู่ของส่วนต่าง ๆสำหรับการติดเครื่องขึ้นนกทางขวา ถ้าหากติดเครื่องขึ้นนกทางขวาจะต้องใช้แหนบคันรั้งลูกเลื่อนสำหรับ ทางซ้าย

              หมายเหตุ เครื่องขึ้นนกรุ่นใหม่ได้ดัดแปลงเปลี่ยนแกนด้านคันรั้งลูกเลื่อน แหวนด้านคันรั้งลูกเลื่อนและปุ่มหยุดคัน รั้งลูกเลื่อนใหม่นอกจากนั้นยังดัดแปลงแหนบคันรั้งลูกเลื่อนใหม่ ใช้ได้ทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวาโดยลดจำนวน ของขดแหนบจาก ๒ ๑/๘ รอบลงมาเหลือเพียง ๑ ๕/๘ รอบในการนี้ได้ใช้เหล็กแหนบแข็งกว่าเดิม เพื่อเพิ่ม กำลังของแหนบ ด้วยเหตุนี้เองทำให้การคุมแหนบกระทำได้ยากกว่าเดิมฉะนั้นเพื่อความสะดวกในการคุม ให้ถอดปุ่มหยุดคันรั้งลูกเลื่อนออกเสียก่อน ใส่แหนบเข้าไปในคันรั้งลูกเลื่อนแล้วจัดให้เข้าที่ แล้วคุมคันรั้งลูกเลื่อนเกี่ยว ปลายอีกข้างหนึ่งของแหนบคันรั้งลูกเลื่อนไว้ทางขอบล่างของทางเดินของเลื่อนผลักปุ่มเลื่อนหมุนคันรั้งลูกเลื่อน จนกระทั่งมองเห็นรูรับปุ่มหยุดคันรั้งลูกเลื่อนคุมปุ่มหยุดคันรั้งลูกเลื่อนยกห่วงแหนบคันรั้งลูกเลื่อนขึ้นข้างบนและปลายให้สวมลงไปบนปุ่มคันรั้งลูกเลื่อน ในระหว่างที่หมุนคันรั้งลูกเลื่อนนั้น ต้องคอยระวังมิให้ปลายห่วงแหนบคัน รั้งลูกเลื่อนหลุดคอยระวังให้ห่วงแหนบคันรั้งลูกเลื่อนอยู่กับที่ โดยใช้หัวแม่มือซ้ายกดไว้ในขณะที่คุมเครื่องขึ้นนกนี้ ไว้ในที่เรียบ ๆ

                  ๓) คุมโครงเครื่องขึ้นนกเข้ากับพนังขวาห้องลูกเลื่อนใส่ควงยึดโครงเครื่องขึ้นนกให้ฝังอยู่ใน ช่องสี่เหลี่ยมของพนังห้องลูกเลื่อนโดยถูกต้องตรวจดูให้เป็นที่แน่นอนว่า   ด้านลาดของหัวควงยึดหน้า ใส่หมุด เกลียวยึดโครงเครื่องขึ้นนกตัวหลัง (ตัวสั้น) ใส่หมุดเกลียวยึดโครงเครื่องขึ้นนกตัวหน้า (ตัวยาว) ใส่แป้น เกลียวควงยึดโครงขึ้นนกและสลักแป้นเกลียวควงยึดโครงเครื่องขึ้นนก

              ช) คุมชิ้นส่วนของห้องลูกเลื่อน

                  ๑) คุมสะพานไก โดยสอดปลายสะพานไกเข้าไปในห้องลูกเลื่อนให้ปลายด้านยาวหันไปข้างหน้าและด้านโค้งอยู่ข้างบน  และสะพานไกอยู่ระหว่างช่องโครงเหล็กหยุดลูกเลื่อน  จับสะพานไกไว้อย่าให้เคลื่อนที่ ได้ใส่สลักสะพานไกอยู่ตรงกับร่องลิ่มในห้องลูกเลื่อนใส่สลักสะพานไกเข้าไปจนสุดแล้วหมุนสลักสะพานไกประมาณ ๙๐ องศา

                  ๒) คุมเหล็กกันกระสุน เหล็กแยกข้อต่อสายกระสุนและเหล็กยึดสายกระสุน การคุมเหล็กกัน กระสุนเหล็กแยกข้อต่อกระสุนละยึดสายกระสุนให้ทำกลับกันกับการถอด

              ซ) คุมชิ้นส่วนของฝาปิดห้องลูกเลื่อน

                  ๑) คุมกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อน ใส่กลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อนเข้าที่โดยให้ร่องลิ่มในกลอนฝาปิด ห้องลูกเลื่อนหันขึ้นข้างบน และปีกของกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อนวางอยู่ด้านล่างของฝาปิดห้องลูกเลื่อน การใส่แกนกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อนนั้น ใส่เข้าไปจากด้านในของห้องลูกเลื่อนก็ได้ แต่ทว่าทางที่ดีควรจะให้ด้านกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อนอยยู่ตรงกันข้ามกับเครื่องขึ้นนก ทั้งนี้เพื่อมิให้เกะกะมือในขณะดึงคันรั้งลูกเลื่อน ใส่แหวนแกนกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อนและสลักแกนกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อน การใส่สลักแกนกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อนให้ใส่โดยหันหัวสลักไปทางด้านหน้าของฝาปิดห้องลูกเลื่อนและพับปลายสลักผ่านลงข้างล่าง ให้แนบกับแกนฝาปิดห้องลูกเลื่อนเพื่อ ป้องกันมิให้เกะกะในขณะปิดฝาห้องลูกเลื่อน

                  ๒) ใส่แหนบกดขอรั้งกระสุน โดยวางด้านโค้งของแหนบกดขอรั้งกระสุนลงบนฝาปิดห้องลูกเลื่อนสอดปลายฝ่าาของแหนบกดขอรั้งกระสุนเข้าไปใต้ปุ่มยึ่ดแหนบกดขอรั้งกระสุนผลักให้แหนบกดขอรั้งกระสุนติดแน่น อยู่กับปุ่มยึดแหนบกดขอรั้งกระสุน กดปลายอีกข้างหนึ่งของแหนบกดขอรั้งกระสุนจนกระทั่งแนบลงไปบนฝาปิดห้อง ลูกเลื่อน แล้วเลื่อนแง่ของแหนบกดขอรั้งกระสุนให้เข้าไปขัดอยู่ภายใต้ลาดคันบังคับขอรั้งกระสุน

                  ๓) คุมแหนบกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อน โดยการวางแหนบกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อนลงบนฝาปิดห้องลูกเลื่อนให้ปลายงอหสันเข้ามาฝาปิดห้องลูกเลื่อน และรูใหญ่ของแหนบนกกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อนอยู่ตรงกบปุ่มยึดแหนบกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อน กดแหนบลงไปข้างล่างและในขณะเดียวกันเลื่อนไปข้างหน้าจนกระทั่งปลายตรง ของแหนบเกยทับขึ้นไปบนปิดกลอนฝาปิดห้องลูกเลื่อนกดปลายงอให้เข้าไปอยู่ในช่องบนฝาปิดห้องลูกเลื่อน

                  ๔) คุมเหล็กผลักกระสุนเข้าที่เหล็กเลื่อนสายกระสุน ในการคุมเหล็กผลักกระสุนกับเหล็กเลื่อน สายกระสุนนี้ไม่ว่าจะเป็นการป้อนกระสุนทางซ้ายหรือทางขวาจะต้องคุมให้อยู่ในลักษณะที่เมื่อคุมเหล็กสาย กระสุนเข้าที่โครงเลื่อนสายกระสุนและคุมโครงเลื่อนสายกระสุนเข้ากับตัวปืนแล้วแหล็กผลักกระสุนจะต้องอยู่ ทางด้านหลังเสมอ เพื่อป้องกันความผิดพลาดให้ถือหลักในการคุมดังนี้ หันเหล็กเลื่อนสายกระสุนด้านที่มีรูรับแหนบ เข้าหาตัวถ้าป้อนขวาให้ติดเหล็กผลักกระสุนเข้าไปทางขวาของเหล็กเลื่อนสายกระสุนถ้าป้อนซ้ายให้คุมเหล็ก ผลักกระสุนเข้าไปทางซ้ายของเหล็กเลื่อนสายกระสุน

                  ๕) คุมเหล็กเลื่อนสายกระสุนเข้ากับโครงเลื่อนสายกระสุนโดยสอดปลายแหนบข้างมีขดแหนบโตเข้าไปในรูบนเหล็กเลื่อนสายกระสุนและสวมปลายแหนบอีกข้างหนึ่งลงบนปุ่มปรับแหนบเหล็กเลื่อนสายกระสุนซึ่ง ติดอยู่บนโครงเหล็กเลื่อนสายกระสุน กดเหล็กเลื่อนสายกระสุนลงไปข้างล่างจนกระทั่งรูของเหล็กเลื่อน สายกระสุนตรงกับรูบนโครงเหล็กเสื่อนสายกระสุนแล้วใส่แหนบเหล็กเลื่อนกระสุน

                  ๖) ใส่โครงเหล็กเลื่อนสายกระสุนเข้าไปในช่องรับโครงเหล็กเลื่อนสายกระสุนในฝาปิดห้องลูก เลื่อนแล้วเลื่อนโครงเลื่อนสายกระสุนไปทางด้านที่จะป้อนกระสุน

                  ๗) ใส่แหนบกระเดื่องคันเลื่อนสายกระสุน และกระเดื่องคันเลื่อนสายกระสุนเข้าไปในรูคัน เลื่อนสายกระสุน ถ้าหากป้อนซ้ายให้ใส่เข้าไปในรูหลัง ถ้าหากป้อนขวาให้ใส่เข้าไปในรูหน้า แล้วจัดให้ร่องบากในโครงเหล็กเลื่อนสายกระสุนอยู่ตรงกับร่องในทางเดินของโครงเหล็กเลื่อนสายกระสุนใส่คันเลื่อนสายกระสุน ลงไปบนแกนคันเลื่อนสายกระสุนให้ด้านที่เป็นปุ่มอยู่ข้างบนและดันไปข้างหลังกดกระเดื่องคันเลื่อนสายกระสุนให้ จมเข้าไปในรูคันเลื่อนสายกระสุน จนกระทั่งสามารถกดคันเลื่อนสายกระสุนเข้าที่ได้ โดยกระเดื่องคันเลื่อน สายกระสุนไม่ติดฝาปิดห้องลูกเลื่อนกดคันเลื่อนสายกระสุนเข้าที่ แล้วลองหมุนคันเลื่อนสายกระสุนไปมา ๒-๓ ครั้ง ใส่สลักคันเลื่อนสายกระสุน

                         ๘) ใส่ฝาปิดห้องลูกเลื่อน ถ้าหากถอดกระเดื่องบังคับฝาปิดห้องลูกเลื่อนออกให้ใส่แหนบ กระเดื่องบังคับฝาปิดห้องลูกเลื่อนเสียก่อน แล้วจึงคุมฝาปิดห้องลูกเลื่อนการคุมฝาปิดห้องลูกเลื่อนให้ทำกลับกัสาบการถอดทุกประการ

              ฌ) คุมชิ้นส่วนของเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง

                  ๑) คุมแหนบยึดเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง โดยวางคว่ำเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอย หลังลงบนพื้นที่ราบ ให้ร่องรับแหนบยึดเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังหันขึ้นข้างบน วางแหนบยึดเครื่องผ่อนแรง สะท้อนถอยหลังลงบนร่องรับแหนบผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง ให้ส่วนโค้งอันหลังของแหนบยึดเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังอยู่ตรงกับร่องกลม กดแหนบยึดเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังให้เข้ากับที่แล้วเลื่อนไปข้างหลัง

                  ๒) คุมบานพับหัวเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง การคุมบานพับหัวเรือนเครื่องผ่อนแรง สะท้อนถอยหลังให้ทำกลับกับการถอด เมื่อคุมเสร็จแล้วปลายโค้งของบานพับหัวเรือนเครื่องผ่อนแรงสะท้อน ถอยหลังจะต้องหันมาข้างหลัง

                  ๓) คุมเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังแล้วผลักเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลังกลับเข้าที่

              ญ) คุมชิ้นส่วนของลูกเลื่อน

                  ๑) ต่อเข็มแทงชนวนเข้ากับหลอดต่อท้ายเข็มแทงชนวน แล้วใส่เข้าไปในลูกเลื่อน และให้ด้าม บากของท้ายเข็มแทงชนวนพันลงข้างล่าง ผลักหลอดต่อท้ายเข็มแทงชนวนไปข้างหน้าจนกระทั่งเข็มแทงชนวนโผล่ออกจากหน้าลูกเลื่อน

                  ๒) ใส่แหนบกระเดื่องไก แล้วสอดกระเดื่องไกเข้าไปในร่องของลูกเลื่อนและให้ด้านที่มีปุ่มสามเหลี่ยมหันมาข้างหลัง และอยู่ข้างล่าง กดกระเดื่องไกลงไปข้างล่างเล็กน้อย ถ้าหากแหนบกระเดื่องไกนั่งไม่ ถูกที่ดี ให้ใช้ปลายคันขึ้นนกสอดเข้าไป จัดให้ปลายทั้งสองของแหนบกระเดื่องไกให้นั่งถูกที่ กดกระเดื่องไกลง ไปข้างล่างอีกจนกระทั่งใส่แหนบยึดกระเดื่องไกให้ใส่แผ่นยึดกระเดื่องไก

                  ๓) ใส่แหนบบังคับกระเดื่องไก โดยกดลงไปข้างล่างจนสุดแล้วหมุนเข้าไปขัดในช่องของลูก เลื่อนระวังให้สลักอัดแหนบส่งเข็มแทงชนวนอยู่หลังแหนบส่งเข็มแทงชนวนอย่าให้สอดทะสุเข้าไปในระหว่างขด แหนบ

                  ๔) ใส่คันขึ้นนกเข้าไปในร่องของลูกเลื่อน ให้ปลายด้านโค้งหันมาข้างหลัง แล้วใส่สลักคันขึ้นนกเข้าไปด้านซ้ายของลูกเลื่อนผลักคันขึ้นนกไปข้างหน้าแล้วผลักคันขึ้นนกมาข้างหลังตามเดิมลองกดกระเดื่องไกลงข้างล่างถ้าหากเข็มแทงชนวนวิ่งไปข้างหน้าแสดงว่าการคุมนั้นถูกต้องแล้วผลักคันขึ้นนกกลับมาข้างหน้าอีก ตามเดิม

              ฏ) คุมส่วนใหญ่ ๆ เข้ากับตัวปืน เมื่อได้คุมชิ้นส่วนต่าง ๆ ของชิ้นส่วนใหญ่ ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วให้คุมชิ้นส่วนใหญ่ต่าง ๆเหล่า นี้เข้ากับตัวปืน การคุมให้ทำกลับกับการถอด และให้ปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้.-

                  ๑) ถ้าหากคุมลูกเลื่อนเข้าไปทีหลังเรือนเครื่องผ่อนแรงกระแทกแล้วต้องพยายามยกหัวลูกเลื่อนขึ้นเล็กน้อย เพื่อป้องกันมิให้ลูกเลื่อนปลายบานพับหัวเรือนเครื่องผ่อนแรงกระแทกให้วิ่งไปข้างหน้า

                  ๒) เมื่อสอดลูกเลื่อนเข้าที่ให้ใช้ยกเหล็กหยุดลูกเลื่อนขึ้นเล็กน้อยด้วยหัวแม่มือซ้าย

                  ๓) เมื่อจะใส่ลูกเลื่อนเข้าในห้องลูกเลื่อนระวังอย่าลืมผลักคันขึ้นนกไปข้างหน้าจนสุด

                         ๔) ถ้าหากกดเหล็กปิดท้ายห้องลูกเลื่อนลงจนสุดไม่ได้ให้ตรวจดูว่าใส่แหนบยึดเครื่องผ่อนแรง กระแทกเข้าที่เรียบร้อยหรือไม่

                  ๕) การคุมอาจจะคุมโครงต่อท้ายลำกล้อง เรือนเครื่องผ่อนแรงกระแทก เครื่องผ่อนแรงกระแทกและลูกเลื่อนเข้าที่ทีเดียวได้

         ๗. วิธีถอดคุมพิเศษ

              ก) วิธีถอด

                  ๑) ถอดด้ามหิ้วลำกล้องออกจากลำกล้อง

                       (ก) ดึงหูหิ้วลำกล้องที่งอคล้ายเบ็ด ออกจากร่องในลำกล้อง แล้วเลื่อนหูหิ้วลำกล้องออกจากปากลำกล้อง

                       (ข) ตอกสลักยึดหัวแกนหูหิ้วลำกล้องออก ตอกสลักยึดแกนหูหิ้วลำกล้องออก แล้วดึงแกนหูหิ้วลำกล้องและแหนบกลอนหูหิ้วลำกล้อง ออกจากปลอกแหนบแกนหูหิ้วลำกล้อง

                  ๒) ถอดรองลำกล้อง

                       (ก) ถอดลำกล้องออกจากปืนดังได้อธิบายมาแล้วในการถอดคุมพิเศษ

                       (ข) ดึงกลอนรองลำกล้องอยู่ทางด้านใต้ตอนหน้าของลูกเลื่อนมาข้างหลัง แล้วบิดไปทางหนึ่งประมาณ ๑/๔ รอบ เพื่อให้สลักกลอนรองลำกล้องขัดกับแง่ของแท่นรับรองลำกล้องซึ่งทำให้กลอนลำกล้องค้างอยู่ข้างหลังด้วย

                       (ค) การใช้กุญแจไขรองลำกล้องออก ถอดแหนบรองลำกล้องออก แล้วถอดสลักกลอนรองลำกล้องและกลอนรองลำกล้อง

                       (ง) ไขหมุดตัวเดียวยึดปลอกประคองลำกล้องออก แล้วไขปลอกประคองลำกล้องออกจาก แท่นรับรองลำกล้อง

                  ๓) ถอดศูนย์หน้าและครอบศูนย์หน้า ตอกสลักศูนย์หน้าและครอบศูนย์หน้าออก และยกครอบศูนย์หน้า และศูนย์หน้าออกจากห้อง ลูกเลื่อน

                  ๔) ถอดรางขอรั้งกระสุน

                       (ก) ถอดสลักแป้นเกลียวยึดรางขอรั้งกระสุน

                       (ข) ถอดแป้นเกลียวยึดรางขอรั้งกระสุน

                       (ค) ดึงรางขอรั้งกระสุน

                       (ง) ถอดแหนบรางขอรั้งกระสุน

                  ๕) ถอดแท่นบังคับกลอนลูกเลื่อน

                       (ก) ถอดสลักแป้นเกลียวควงยึดแท่นบังคับกลอนลูกเลื่อน

                       (ข) ถอดแป้นเกลียวควงยึดแท่นบังคับกลอนลูกเลื่อน

                       (ค) ยกแท่นบังคับกลอนลูกเลื่อนและควงยึดแท่นบังคับกลอนลูกเลื่อนออกจากห้องลูกเลื่อน

                  ๖) ถอดเหล็กหยุดลูกเลื่อน

                       (ก) เอื้อมมือลอดเข้าไปในห้องลูกเลื่อน ถอดสลักแป้นเกลียวยึดแกนแหนบเหล็กหยุด ลูกเลื่อนออกแล้ว ค่อย ๆ คลายแป้นเกลียวยึดแกนแหนบเหล็กหยุดลูกเลื่อนออก ในขณะเดียวกันใช้มือข้างหนึ่ง ยันเหล็กหยุดลูกเลื่อนไว้ ระวังอย่าให้กระเด็นหลุดออกมาข้างหลังโดยแรง เพราะอาจจะทำให้บาดเจ็บได้

                        (ข) เมื่อคลายแป้นเกลียวยึดแกนแหนบเหล็กหยุดลูกเลื่อนออกแล้ว ให้ค่อย ๆ ผ่อนเหล็ก หยุดลูกเลื่อนออกมาข้างหลัง ระวังอย่าให้กระเดื่องเหล็กหยุดลูกเลื่อนและแหนบกระเดื่องเหล็กหยุดลูกเลื่อนหลุด หาย

                       (ค) ถอดสลักแกนแหนบเหล็กหยุดลูกเลื่อน

                  ๗) ถอดแป้นปรับสะพานไก

                       (ก) คลายหมุดเกลียวยึดแท่นศูนย์หลัง ตัวหลังออก แท่นแป้นปรับสะพานไกจะหลุดออกมา

                       (ข) คลายแป้นปรับสะพานไก

                  ๘) ถอดเครื่องผ่อนแรงสะท้อนถอยหลัง

                       (ก) ถอดแหนบส่งลำกล้องกลับเข้าที่ ตามที่ได้อธิบายมาแล้วในการถอดคุมปกติ

                       (ข) ไขจุกเกลียวรูเติมน้ำมันออก

                       (ค) ใช้กุญแจไขจุกเกลียวหัวกระบอกสูบออก

              หมายเหตุ ถ้าหากจุดเกลียวหัวกระบอกสูบแน่น จำเป็นจะต้องใช้ปากกาจับกระบอกสูบ เพื่อไขจุกหัวกระบอก สูบออก แล้วให้ใช้ปากกาจับด้ามที่เป็นเหลี่ยม อย่าจับด้านกลม

                       (ง) ถอดสลักแป้นเกลียวยึดลูกสูบ

                       (จ) ถอดแป้นเกลียวยึดลูกสูบ

                       (ฉ) ถอดลิ้นระบายน้ำมัน

                       (ช) ถอดลูกสูบ

                       (ซ) ถอดแหวนอัดปลอกกันรั่ว

                       (ฌ) ถอดปลอกกันรั่ว

                       (ญ) ถอดปลอกเกลียวยึดลิ้นระบายน้ำมัน แหนบลิ้นระบายน้ำมันและลิ้นระบายน้ำมัน

              ข) วิธีถอดคุม

                  ๑) คุมเครื่องรับแรงสะท้อนถอยหลังของลำกล้อง

                       (ก) คุมชิ้นส่วนของก้านสูบ โดยทำกลับกับการถอดตามลำดับ แล้วคุมเข้าไปกับกระบอกสูบ ให้ลิ้นบน ลิ้นหัวกระบอกสูบ ตรงกับร่องลิ้นในกระบอกสูบ

                       (ข) ไขจุกเกลียวหัวกระบอกสูบเข้าที่

                       (ค) เติมน้ำมัน โดยใช้ปลายพวยกระป๋องน้ำ สอดเข้าไปในรูเติมน้ำมัน

                       (ง) ใส่จุกเกลียวรูเติมน้ำมัน

                       (จ) คุมแหนบเครื่องรับแรง

                  ๒) คุมแป้นปรับสะพานไก

                       (ก) ใส่สลักแกนแหนบเหล็กหยุดลูกเลื่อน

                       (ข) ใส่แหนบเหล็กหยุดลูกเลื่อนเข้าไปในรูรับแหนบ เหล็กหยุดลูกเลื่อนบนโครงเหล็กหยุด ลูกเลื่อนให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ โดยไม่ต้องดัดแหนบ ปล่อยให้เหล็กหยุดลูกเลื่อนห้อยอยู่ในห้องลูกเลื่อน

                       (ค) เอาปากลำกล้องยันไว้กับที่ ๆ แข็งแรง ใช้เศษไม้ขนาดยาว ๒ - ๔ นิ้ว ยันท้าย เหล็กหยุดลูกเลื่อนแล้ว ปลายแกนแหนบเหล็กหยุดลูกเลื่อน ใส่แป้นเกลียวแกนแหนบเหล็กหยุดลูกเลื่อน แล้วไข เข้ามาประมาณ ๒ รอบ แล้วยกไม้ออก

                       (ง) ใส่กระเดื่องเหล็กหยุดลูกเลื่อนและแหนบกระเดื่องหยุดลูกเลื่อน

                       (จ) ยกเหล็กหยุดลูกเลื่อนให้สูงขึ้นจนพ้นแง่ท้ายของโครงเหล็กหยุดลูกเลื่อนแล้ว ให้คลาย แป้นยึดแกนแหนบเหล็กหยุดลูกเลื่อนออกจนกระทั่งยกเหล็กหยุดลูกเลื่อนให้สูงขึ้นกว่าท้ายโครงเหล็กหยุดลูกเลื่อนได้

                       (ฉ) เมื่อยกเหล็กหยุดลูกเลื่อนขึ้นสูงกว่าแง่ท้ายโครงเหล็กหยุดลูกเลื่อนได้แล้ว ให้ใช้ไม้กดใหม่แล้วไขแป้นเกลียวยึดแกนแหนบเหล็กหยุดลูกเลื่อนให้แน่นแล้วใส่สลักแป้นแกลียวยึดแกนแหนบเหล็กหยุด ลูกเลื่อนเมื่อคุมแล้วจะต้องมีช่องว่างระหว่างแท่นบังคับกลอนลูกเลื่อนประมาณ ๑.๐๐๘ นิ้ว

                  ๓) คุมแท่นบังคับกลอนลูกเลื่อน

                       (ก) ใส่แท่นบังคับกลอนลูกเลื่อนลงไปในห้องลูกเลื่อน ให้ด้านลาดหันไปข้างหลัง

                       (ข) ใส่ควงยึดแท่นบังคับกลอนลูกเลื่อน

                       (ค) ใส่แป้นเกลียวและสลักแป้นเกลียวควงยึดแท่นบังคับกลอนลูกเลื่อน

                  ๔) คุมรางขอรั้งกระสุน

                       (ก) สอดปลายงอของแหนบรางขอรั้งกระสุนเข้าไปในรูของช่องรับรองขอรั้งกระสุน

                       (ข) วางท้ายขอรั้งกระสุนลงไปบนช่องรับรางกระสุน กดรางขอรั้งกระสุนให้แหนบติดกับ พนังซ้ายห้องลูกเลื่อน ให้ปุ่มท้ายรางขอรั้งกระสุนกดอยู่ที่แหนบรางขอรั้งกระสุน

                       (ค) กดให้ปุ่มที่ทำเกลียวขอรางขอรั้งกระสุนสอดเข้าไปในรูของพนังห้องลูกเลื่อนและใส่ แป้นเกลียวและสลักแป้นเกลียวยึดรางขอรั้งกระสุน

                  ๕) คุมรางลำกล้อง

                       (ก) ใส่ปลอกประคองลำกล้องและใช้เครื่องมือขันจนกระทั่งรูของปลอกประคองบลำกล้อง ตรงกับรูของแหนบรับรองลำกล้อง

                       (ข) ใส่หมุดเกลียวยึดปลอกประคองลำกล้อง

                       (ค) ใส่แหนบกลอนรองลำกล้องเข้ากับกลอนรองลำกล้องแล้วสอดกลอนลำกล้องเข้าไปจาก ด้านหน้าของแท่นรับรองลำกล้อง ให้ด้านที่มีรูอยู่ข้างหลัง

                       (ง) กดกลอนแหนบเข้าไปข้างใน แล้วใส่สลักกลอนแท่นรับรองลำกล้อง และหมุนกลอนรอง ลำกล้องประมาณ ๑/๔ รอบ จนกระทั่งสลักกลอนของลำกล้องขัดให้กลอนรองลำกล้องค้างอยู่ข้างหลัง

                       (จ) ใส่แหวนรองลำกล้อง

                       (ฉ) ไขรองลำกล้อง เข้าที่จนแน่น แล้วปล่อยให้กลอนรองลำกล้องเลื่อนไปข้างหน้าถ้า หากกลอนรองลำกล้องวิ่งเข้าที่ไม่สนิทแสดงว่ารูรองลำกล้องไม่ตรงกับกลอนรองลำกล้องให้เปลี่ยนแหวนรอง ลำกล้องที่มี่ความแน่นเหมาะพอที่จะทำให้รูของลำกล้องตรงกับกลอนรองลำกล้องได้

                  ๖) คุมด้ามหิ้วลำกล้อง

                       (ก) สวมปลอกแกนด้ามหิ้วลำกล้องเข้าไปกับลำกล้อง ให้ด้านที่มีรูโตหันไปทางรังเพลิงและจัดให้ปลอกแกนด้ามหิ้วลำกล้องอยู่ระหว่างรอยขวั้นทั้งสองบนลำกล้อง

                       (ข) รวมด้ามหิ้วลำกล้องเข้ากับปลอกแหนบด้ามหิ้วลำกล้องแล้วดกให้ปลายด้ามหิ้วลำกล้อง ด้านที่งอคล้ายคันเบ็ด ให้ฝังลงไปในรอยขวั้นทั้งสองของลำกล้อง