เครื่องยิงจรวด บี.๔๐ (RPG - 2)
เครื่องยิงจรวด บี.๔๐ (RPG - 2)
คุณลักษณะและการใช้
เครื่องยิงจรวจขนาด ๔๐ มม. หรือ อาร์พีจี. ๒ ขนาดกว้างปากลำกล้อง ๔๐ มม. เป็นอาวุธที่มีอำนาจร้ายแรง สำหรับหมู่ปืนเล็กทหารราบ ใช้สำหรับยิงทำลายรถยานเกราะ ปืนใหญ่ นอกจากนั้นยังใช้ทำลายป้อมสนามถาวรของฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย เครื่องยิงจรวดชนิดนี้ ใช้ยิงลูกจรวดต่อสู้รถถังซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าลำกล้อง และมีแรงระเบิดและอำนาจในการเจาะสูง
รายการทั่วไป
ก. น้ำหนักของเครื่องยิง ..........................................................๒.๗๕ กก.
น้ำหนักของลูกจรวจไม่รวมดินขับ ................................... ๑.๖๖ กก.
น้ำหนักหลอดดินขับ ........................................................๐.๒๒ กก.
ข. ความยาว
ความยาวของลำกล้อง ....................................................๙๕๐ มม.
ความยาวของลูกจรวดไม่รวมดินขับ ..................................๕๐๐ มม.
ความยาวของลูกจรวดรวมดินขับ ......................................๖๗๐ มม.
หลอดดินขับยาว .............................................................๑๗๐ มม.
ค. ความกว้าง
กว้างปากลำกล้อง ..............................................................๔๐ มม.
ขนาดของลูกจรวด ..............................................................๘๐ มม.
ง. ระยะยิง
ความเร็วต้น ......................................................................๘๔ ม./วินาที
อัตราการยิง .....................................................................๔ - ๖ นัด/นาที
ระยะยิงไกลสุด ...................................................................๒๔๐ ม.
ระยะยิงหวังผลไกลสุด.........................................................๑๕๐ ม.
จ. ขีดความสามารถ
เจาะเกราะได้หนา (เหล็กกล้า).................................................๑๘ ม.
เจาะเกราะคอนกรีต............................................................๖๐ - ๘๐ ซม.
เจาะดิน ......................................................................๑๒๐ - ๑๘๐ ซม.
ฉ. เปลวท้ายเครื่องยิง เป็นรูปกรวย ทำมุม ๖๐ องศา ที่ท้ายเครื่องยิง ไกล ๑๐ เมตร
ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่ามีพื้นที่อันตรายประมาณ ๖๐ ตาราเมตร
ส่วนประกอบเครื่องยิง
เครื่องยิงจรวดขนาด ๔๐ มม. ประกอบด้วย ๔ ส่วน ได้แก่
๑. ส่วนลำกล้อง
๒. ส่วนเครื่องลั่นไก
๓. ส่วนเครื่องเล็ง (ศูนย์หน้าหลัง)
๔. ส่วนเข็มแทงชนวน
๑. ส่วนลำกล้อง เป็นส่วนที่ช่วยในการเล็ง และระบายแก๊สในการยิงที่ปากลำกล้องตอนบนมีบากบังคับลูกจรวด ส่วนกลางของลำกล้องมีฝาประกับลำกล้องทำด้วยไม้ รัดด้วยปลอกสวมเพื่อกันความร้อน
๒. ส่วนเครื่องลั่นไก เรือนเครื่องลั่นไก มีหน้าที่ปล่อยลูกจรวด ประกอบด้วย
- โครงเครื่องลั่นไก
- นกปืน
- แผ่นเหล็กกับนกปืน
- คันส่งนกปืน (แกนแหนบนกปืน)
- แหนบนกปืน
เครื่องนิรภัย ประกอบด้วย
- สลักนิรภัย
- แหนบสลักนิรภัย
- ฝาครอบแหนบสลักนิรภัย
ในการห้ามไก จะต้องกดสลักนิรภัยจากด้านซ้ายจนกระทั่งแหวนสีแดงจมหายไป
การทำงานของเครื่องลั่นไก การทำงานของเครื่องลั่นไกนั้น เพื่อความสะดวกในการศึกษา จำเป็นต้องแบ่งออกเป็น ๓ ขั้นตอน
๑. ตอนขึ้นนก
๒. ตอนลั่นไก
๓. การทำงานของเครื่องนิรภัย (ห้ามไก)
๑) ขณะขึ้นนก เมื่อขึ้นนกปืน จะทำให้แหนบและแกนแหนบนกปืนยุบตัวต่ำลง แกนแหนบบนนกปืนจะถูกอัดตัวให้แง่หน้าของนกปืนขัดกับแง่ล่างของแผ่นเหล็กกับนกปืน
๒) ขณะลั่นไก เมื่อเหนี่ยวไกมาข้างหลัง เครื่องลั่นไกจะทำงานดังต่อไปนี้ ไกเคลื่อนที่มาข้างหลังทำให้ส่วนบนของไกปืนไปกับแผ่นเหล็กกับนกปืนให้ลอยตัวสูงขึ้นให้แง่ส่วนล่างของแผ่นเหล็กกับนกปืนพ้นจากแง่หน้าของนกปืน แหนบและแกนแหนบนกปืนจะขยายตัวตามแรงอัดของแหนบ จะทำให้นกปืนไปตีท้ายเข็มแทงชนวน และส่วนโค้งด้านสั้นของแกนแหนบนกปืนจะบังคับให้นกปืนกลับมาอยู่ที่เดิม
๓) การทำงานของเครื่องนิรภัย เมื่อกดห้ามไกจะทำให้แง่ล่างของไกหลุดออกจากแง่ของห้ามไก จะทำให้แง่ล่างของห้ามไกสามารถผ่านเข้าไปในบากของห้ามไก ทำให้เหนี่ยวไกมาข้างหลังได้
๓. ส่วนเครื่องเล็ง ประกอบด้วย ศูนย์หน้า และศูนย์หลัง ศูนย์หลังมีบากเล็งอยู่ ๓ ตำแหน่ง ในระยะ ๕๐ , ๑๐๐ และ ๑๕๐ ตามลำดับ ใช้เล็งได้ ๓ ระยะ ในการเล็งศูนย์หน้า และศูนย์หลังขึ้นตั้งฉากกับลำกล้องปืน
๔. ส่วนเข็มแทงชนวน ส่วนเข็มแทงชนวนมีหน้าที่ตีจอกกระทบแตกของลูกจรวด เพื่อจุดดินขับจรวด ติดตั้งที่แท่นใต้ลำกล้อง ส่วนเข็มแทงชนวนประกอบด้วย เข็มแทงชนวน แหวนป้องกันแก๊ส แหนบเข็มแทงชนวน แหวนบังคับแหนบเข็มแทงชนวน สลักยึดแหวนบังคับแหนบเข็มแทงชนวน ส่วนหล่อลื่นและช่องชุดเข็มแทงชนวน
การทำงานของส่วนเข็มแทงชนวน ก่อนนกปืนจะตีเข็มแทงชนวน ตำแหน่งที่อยู่ของชิ้นส่วนต่าง ๆ ของส่วนเข็มแทงชนวนจะอยู่ในลักษณะฝาเกลียวครอบชุดเข็มแทงชนวนจะหมุนกดให้แหวนป้องกันแก๊สติดอยู่กับแง่ในช่องฐานของส่วนเข็มแทงชนวนซึ่งอยู่ติดกับลำกล้อง เข็มแทงชนวนจะถูกแหนบเข็มแทงชนวนกดไว้ และอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุด และส่วนที่เป็นแป้นของเข็มแทงชนวนจะแนบสนิทอยู่กับแหวนป้องกันแก๊ส ปลายเข็มแทงชนวนจะอยู่ในช่องเข็มแทงชนวน แต่จะไม่ยื่นโผล่พ้นเข้าไปในลำกล้อง
เมื่อนกปืนตีเข็มแทงชนวน จะทำให้แหนบเข็มแทงชนวนพ้นการบังคับของแหวนบังคับแหนบและสลักยึดแหวนกดตัวลง เข็มแทงชนวนจะโผล่กระแทกจอกกระทบแตกของลูกจรวดเพื่อจุดดินขับจรวด
เมื่อนกปืนตีท้ายเข็มแทงชนวนแล้วจะถอยตัวออกด้วยแง่ของคันส่งนกปืน ทำให้แหนบเข็มแทงชนวนสามารถคลายตัวลง ปล่อยเข็มแทงชนวนลดตัวต่ำในลักษณะเดิม
การถอดประกอบ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ
๑. การถอดคุมปกติ (ถอดคุมเพื่อทำความสะอาด) ได้แก่ การถอดคุมที่จำเป็นต้องกระทำอยู่เสมอในการปฏิบัติการยิง เพื่อแก้ไขเหตุติดขัดในขณะที่ทำการยิงและเพื่อบำรุงรักษาความสะอาด การถอดคุมชนิดนี้ พลประจำปืนต้องได้รับการฝึกฝนกระทำได้เองตามลำพัง สำหรับการถอดคุมปกตินี้ ถอดได้ ๓ ส่วน คือ
- ส่วนเข็มแทงชนวน
- ส่วนเครื่องลั่นไก
- ส่วนลำกล้อง
วางเครื่องยิงจรวดให้ปากลำกล้องไปทางซ้าย ให้เครื่องลั่นไกหันเข้าหาตัวใช้มือขวาจับที่ด้ามเครื่องยิง เพื่อแก้ไขเหตุการณ์ติดขัดแล้วขึ้นนก โดยใช้นิ้วหัวแม่มือขวากดปืนลง เสร็จแล้วห้ามไก
ถอดส่วนเข็มแทงชนวน ใช้มือขวาจับกุญแจปากตายหมุนสกรูครอบเข็มแทงชนวนเข็มนาฬิกาจนส่วนเข็มแทงชนวนเป็นอิสระ
ถอดเครื่องลั่นไก โดยการปลดห้ามไกแล้วใช้นิ้วขวาเหนี่ยวไกพร้อมกับหัวแม่มือขวาค่อย ๆ ผ่อนนกปืนจนสุด
ถอดหมุนเกลียวยึดโครงลั่นไกตัวหน้าและหลังโดยใช้ไขควงหมุนทวนเข็มนาฬิกา ๓ - ๔ รอบ โดยใช้ฆ้อนเคาะเบา ๆ จนหมุนเกลียวยึดโครงเครื่องลั่นไกตัวหน้า หลัง หลุดจากแท่นยึดโครงเครื่องลั่นไก
๒. การถอดคุมพิเศษ ได้แก่ การถอดคุมที่ไม่จำเป็นจะต้องกระทำอยู่เสมอจะกระทำได้ต่อเมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้นจริง ๆ และให้กระทำต่อหน้านายทหารสัญญาบัตรเท่านั้นยกเว้นในกรณีฉุกเฉินการถอดคุมพิเศษไม่จำเป็นต้องทราบวิธีถอด โดยไม่ต้องถอดก็ได้เพราะการถอดคุมประเภทนี้ถ้ากระทำอยู่เสมออาจเป็นเหตุให้เกิดการชำรุดของเครื่องกลไกได้
การถอดคุมนอกจากที่กล่าวมาทั้งสองประเภทนี้เป็นหน้าที่เฉพาะของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสรรพวุธ หรือ ผู้ที่ได้รับให้กระทำการซ่อม ซึ่งจะถอดได้เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นจะต้องกระทำเนื่องในการซ่อมเท่านั้น
การถอดเข็มแทงชนวน จับส่วนเข็มแทงชนวนด้วยมือซ้ายให้ปลายเข็มแทงชนวนอยู่ด้านล่าง
- ยกสกรูเข็มแทงชนวนออก ให้หัวแม่มือกดแหวนบังคับแหนบเข็มแทงชนวนให้ยุบตัวลงแล้วดึงสลักเข็มแทงชนวนออก ยกแหวนบังคับแหนบเข็มแทงชนวนออก
- นำแหนบเข็มแทงชนวนออก แล้วเอาแหวนป้องกันแก๊สออกจากเข็มแทงชนวน
การถอดเครื่องลั่นไก วางเครื่องลั่นไกแบนราบ ให้โกร่งไกหันไปทางซ้าย
- ถอดหมุนเกลียวยึดฝาครอบเครื่องลั่นไกทั้ง ๓ ตัวออก แล้วยกฝาครอบเครื่องลั่นไกออก
- ยกเครื่องลั่นไกด้วยมือขวาใช้นิ้วหัวแม่มือขวาลดปืนลง ๑/๓ จนเห็นรูที่แกนแหนบด้านล่างใช้เหล็กสอดด้วยมือซ้าย สอดไปในรูแกนแหนบ
- เหนี่ยวไกเล็กน้อย เพื่อให้นกปืนพ้นจากบากแผ่นกันนกปืน แล้วนำนกปืนออก
- ถอดแหนบและแกนแหนบบนปืนออกโดยใช้ชุดเครื่องมือถอดประกอบโดยให้ส่วนโค้งด้านสั้นหันเข้าหาตัวให้เหล็กสอดอยู่ทางซ้ายใช้ด้ามกุญแจปากตายกดลงบนเครื่องมือถอดประกอบจนเหล็กสอดเป็นอิสระ ใช้มือซ้ายดึงเหล็กสอดออก
- ถอดห้ามไกออก โดยถือเครื่องลั่นไกออกจากช่องห้ามไกโดยระมัดระวังดึงแหนบและครอบแหนบออก
- ใช้ไขควงคลายหมุดเกลียวแผ่นเหล็กกันนกปืนทวนเข็มนาฬิกาแผ่นเดียวกันนกปืนออก
การประกอบ ให้การกระทำตรงกันข้ามกับการถอดชิ้นส่วนใดถอดทีหลังสุดให้ประกอบเข้าก่อน
การประกอบเครื่องลั่นไก
- ถือโครงลั่นไกด้วยมือซ้ายให้โกร่งไกหันไปทางซ้ายมือ ใส่ไกจากด้านบนใส่สลักไก
- ใส่แผ่นเหล็กกันนกปืน โดยให้ส่วนบนอยู่ด้านบนใส่หมุดเกลียวยึดแผ่นเหล็กกันนกปืนแล้วขันให้แน่น
- ใส่แหนบและครอบแหวนห้ามไกเข้าที่ใช้หัวแม่มือกดแหนบและครอบแหนบห้ามไกแล้วประกอบห้ามไกเข้าที่ โดยให้บากอยู่ด้านบน และด้านที่มีสีแดงอยู่บนเข้าหาตัว
- ประกอบแหนบและแกนแหนบนกปืนโดยใช้เครื่องมือถอดประกอบโดยให้ส่วนโค้งด้านสั้นเข้าหาตัวโดยสวมกุญแจปากตายกดจนสามารถใส่เหล็กสอดลงในรูแกนแหนบนกปืนใส่แหนบและแกนแหนบเข้าที่
- ใส่นกปืน โดยให้หัวแม่มือซ้ายกดที่ไกเล็กน้อย เพื่อให้แผ่นเหล็กกับนกปืนเผยอขึ้น
- ใช้มือขวาจับเครื่องลั่นไก ให้หัวแม่มือกดปืนลง ๑/๓ แล้วดึงเหล็กสอดออก
- ปิดฝาครอบเครื่องลั่นไกใส่หมุดเกลียมขัดฝาครอบ เครื่องลั่นไกหมุนตามเข็มนาฬิกาให้แน่น
การประกอบเข็มแทงชนวน
- จับเข็มแทงชนวนด้วยมือซ้ายให้ปลายเข็มแทงชนวนอยู่ด้านล่างใส่แหนบป้องกันแก๊สโดยให้ส่วนนั้นอยู่ด้านบน
- ใส่สลักเข็มแทงชนวนใส่แหนบบังคับแหนบเข็มแทงชนวนโดยให้ส่วนนั้นอยู่ด้านล่าง
- ใส่สลักเข็มแทงชนวนโดยใช้นิ้วหัวแม่มือกดจนเห็นรูสลัก
- ใส่สกรูครอบเข็มแทงชนวน
การประกอบเข็มแทงชนวนเข้ากับฐานยึดเข็มแทงชนวน
- ขึ้นนก ห้ามไก นำส่วนเข็มแทงชนวนเข้าที่ โดยหมุนตามเข็มนาฬิกาให้แน่นด้วยกุญแจปากตาย
- การตรวจสอบหลังการประกอบ
- ปลดห้ามไก แล้วลั่นไก ๒ - ๓ ครั้ง
- ขึ้นนกปืน ใช้หัวแม่มือถอดที่ท้ายเข็มแทงชนวนด้วยการมองดูภายในลำกล้อง
การประกอบเครื่องลั่นไกเข้ากับลำกล้องปืน
- นำเครื่องลั่นไกประกอบเข้ากับแท่นยึดเครื่องลั่นไก
- ใส่หมุดเกลียวยึดเครื่องลั่นไกตัวหน้า โดยใช้หมุดเกลียวที่มีลักษณะนูนอยู่ด้านหน้าและหมุดเกลียวตัวหลัง โดยหมุนให้แน่น
ข้อควรระมัดระวังในการประกอบ
- ถ้าขัดหมุนเกลียวยึดแผ่นกันนกปืนไม่แน่น จะห้ามไกไม่ได้
- การประกอบส่วนเข็มแทงชนวนถ้าใส่แหนบป้องกันแก๊สหรือแหวนบังคับแหนบเข็มแทงชนวนผิด จะทำให้บรรจุลูกจรวดไม่เข้าที่
- ประกอบห้ามไกผิด จะลั่นไกไม่ได้
- การประกอบนกปืน ถ้าห้ามไกอยู่ในลักษณะห้ามไกจะทำให้ประกอบนกปืนไม่เข้าที่
ลูกจรวด
ลูกจรวดสำหรับยิงเครื่องยิงจรวด ขนาด ๔๐ มม. เป็นลูกจรวดชนิดที่ใหญ่กว่าลำกล้องมีแรงระเบิดสูง ชนิดต่อสู้รถถัง แรงระเบิดสูงนี้ ใช้ทำลายรถถังเคลื่อนที่หรือหยุดอยู่กับที่ในระยะไม่เกิน ๑๕๐ เมตร อำนาจทะลุทะลวงนี้จะเกิดจากการที่บรรจุดินระเบิดให้เป็นรูปกรวยที่มีว่างอยู่ด้านหน้าเมื่อลูกจรวดวิ่งเข้าชนเป้าความร้อนที่เกิดจากการรวมเข้สู่จุดกลางเดียวกันจะละลายเกราะเหล็กเข้าไป และระเบิดขึ้น ทำลายพลประจำรถ สิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ และเกิดเพลิงไหม้ขึ้น
ลูกจรวดประกอบด้วยส่วนใหญ่ ๆ ๔ ส่วน ได้แก่
๑. ตัวจรวด
๒. ชุดหางนำทิศ
๓. หลอดดินส่ง
๔. ส่วนชนวนระเบิด
- ส่วนลำตัวของลูกจรวด มีหัวเป็นรูปกรวยยาวทำด้วยโลหะเพื่อไม่ให้ต้านลมบรรจุดินระเบิด T.N.T. ผสมไฮโดรเจน ฝารองรับจะมีห้องชุดหลอดจุดระเบิดและมีเกลียวต่อระหว่างลำตัวของลูกจรวดกับชุดหางนำทิศ
- ส่วนในชุดทางนำทิศ มีหน้าที่ ทรงตัวจรวจที่พุ่งไปข้างหน้า - ให้ตรงทางประกอบด้วยท่อต่อหลอดดินส่งทางนำทิศมี ๖ ครีบ ต่อกับจอกกระทบแตกและดินระเบิดนำเมื่อต้องการที่จะบรรจุลูกจรวดหรือบรรทุก หรือการนำพาหาทางนำทิศจะต้องพับแนบติดกัน และรัดด้วยห่วงเหล็ก ตลับจอกกระทบแตกท่อดินขยายการระเบิดทางขวางซึ่งมีดินดำบรรจุอยู่ในท่อดินขยายการระเบิดทางตั้งจะมีจอกกระทบแตกอยู่ด้วยและในท่อขยายดินระเบิดทางขวางจะหุ้มห่อด้วยวัตถุกันความชื้น ส่วนล่างของจอกกระทบแตกจะมีเกลียวต่อกับหลอดขยายดินระเบิดจะต้องชะโลมน้ำมันและปิดฝาพลาสติกไว้ก่อนต่อหลอดดินส่งจะต้องถอดฝาปิดออกก่อน ส่วนหางนำทิศจะมีสลักซึ่งเมื่อบรรจุลูกจรวดเข้ากับเครื่องยิงแล้ว สลักนี้จะต้องเข้าไปอยู่ในร่องบากลำกล้องหลอดดินส่งมีหน้าที่ขับให้ลูกจรวดวิ่งออกจากลำกล้องดินดำมีแผ่นกระดาษกั้นอยู่ด้วยกัน ๕ แผ่น เพื่อเพิ่มแรงที่ตัวลูกจรวด
- ส่วนชนวนระเบิด ทำหน้าที่เป็นเครื่องจุดระเบิดแล้วทำให้เกิดการระเบิดของลูกจรวดเมื่อวิ่งไปกระทบเป้า คุณสมบัติของชนวนซึ่งบรรจุอยู่ที่ท้ายลูกจรวดนี้เป็นชนวนไวหมายถึงเมื่อยิงออกไปกระทบจุดใดก็จะระเบิดทันที
- ระบบการทำงานของชนวน ก่อนทำการยิงจรวดจะอยู่ในสภาพนิรภัย เนื่องจากฐานสลักฐานเข็มจะหลบอยู่ข้างในหลอดยึดสปริง เมื่อลั่นไก เข็มแทงจะไปกระแทกกับชนวนท้าย (แก๊ป) ซึ่งติดอยู่กับส่วนหางลูกจรวดเกิดประกายไฟไปจุดดินส่งกระสุนให้ระเบิดจะเกิดแรงดันทำให้จรวดวิ่งออกไปทางปากลำกล้องจากแรงดันของดินส่งและจรวดวิ่งออกไปนั้นจะเกิด แรงซุน ทำให้สปริงถอยทรุดตัวไปข้างหลังจนถึงที่แล้วหัวสลักฐานเข็มจะหลุดออกมาอยู่ในร่องเล็ก (ของหลอดยึดสปริง) ทำให้เข็มแทงเป็นอิสระ (พ้นสภาพนิรภัย) เข็มแทงชนวนพร้อมที่จะทำงานขณะจรวดพ้นปากลำกล้องออกไปในระยะ ๑.๕ - ๑.๘ เมตร สปริงจะแกว่งไป - มา และด้วยการขยายตัวของสปริงจะพาเข็มแทงพุงออกไปข้างหน้าด้วยขณะนี้เข็มแทงพร้อมที่จะชนแก๊ป (เชื้อปะทุ) แต่ยังไม่ชนเพราะที่หัวเข็มแทงมีสปริงนิรภัยไว้เมื่อจรวดกระทบเป้าจะเกิดแรงเฉื่อย ทำให้สปริงยุบตัวไปข้างหลังแต่ตัวเข็มแทงจะไม่ถอยตามไปเพราะตัวเลื่อนคันท้ายเข็มแทงไว้ ทำให้หัวเข็มแทงกระแทกแก๊ป (จอกกระทบแตก) เพื่อจุดดินระเบิดนำแล้วทำให้ดินระเบิดแรงสูงส่วนใหญ่ในหัวจรวดเกิดระเบิดตามไปด้วย
การประกอบลูกจรวด ในการประกอบลูกจรวด เพื่อใช้งานนั้น ให้ปฏิบัติดังนี้
๑. สวมแหวนรัดหางนำทิศเข้ากับเครื่องมือ พับครีบหางนำทิศ
๒. ถอดฝาครอบท้ายลูกจรวดออก
๓. ใช้เครื่องมือพับครีบหางนำทิศ พับหางนำทิศทาง
๔. ใช้เครื่องมือกด แหวนรัดลง รัดครีบหางนำทิศ
การบรรทุกหรือการนำพา
๑. ในการขนย้ายจะต้องนำลูกจรวดและหลอดดินขับใส่ลังให้เรียบร้อย
๒. ถ้าจะต้องแบกติดหลังไปเป็นบุคคลจะต้องจัดหาถุงย่ามโดยเฉพาะใน ๑ ถุง จะมีลูกจรวด ๓ ลูก และหลอดดินขับ ๓ หลอด
๓. ในฤดูร้อน ควรเก็บลูกจรวดและหลอดดินส่งไว้ในที่ร่มในหลุมบุคคล อย่าปล่อยทิ้งไว้กลางแดดที่ร้อนจัด
๔. อย่าเก็บลูกจรวดและหลอดดินขับไว้ในที่ชื้นแฉะ
๕. อย่าแกะกล่องกันความชื้นที่ห่อหุ้มหลอดดินขับอยู่ จนกว่าจะใช้ยิง
การเตรียมเครื่องยิง ก่อนทำการยิง ต้องทำความสะอาดลำกล้องด้วยผ้าสะอาดและตรวจการทำงานของเครื่องลั่นไก และสลักนิรภัย
ตรวจลูกระเบิดและประกอบหลอดดินขับเข้าด้วยกันจะต้องไม่มีรอยบุแตกบนหัวจรวดและครีบหางนำทิศ แต่อาจมีรอยบุบที่หัวจรวดได้บ้าง แต่ลึกไม่เกิน ๑.๕ มม.
ตรวจเกลียวต่อระหว่างท้ายจรวดกับท่อต่อหลอดดินขับอย่างละเอียด เกลียวต้องแน่น
ในการต่อหลอดดินขับเข้ากับตัวจรวดและกล่องดินขับเปิดฝากันฝุ่นให้ลูกจรวดออกก่อนจึงต่อเข้าด้วยกัน
การบรรจุและยิง
ในการบรรจุให้ถือลูกจรวดซึ่งพร้อมใช้ยิงด้วยมือซ้าย และบรรจุหลอดดินส่งและท่อต่อหลอดดินส่งของลูกจรวดเข้าทางปลายลำกล้องจนกระทั่งสลักบนลูกจรวดเข้าไปยังปากลำกล้องให้สนิทในขณะนี้จอกกระทบแตกของลูกจรวดจะตรงกับช่องของเข็มแทงของเครื่องยิงพอดีในการบรรจุจะต้องหันปากลำกล้องไปยังทิศที่จะยิง
ในการบรรจุแหวนรัดครีบหางนำทิศจะหลุดออกมาและติดอยู่ท่อต่อหลอดดินส่งของหัวจรวดถ้าไม่สามารถบรรจุลูกจรวดได้สะดวกให้หมุนลูกจรวดตามเข็มนาฬิกา
ภายหลังจากการบรรจุกดปุ่มห้ามไกจากด้านขวาด้วยนิ้วชี้มือขวาเพื่อปลดห้ามไกและรั้งนกปืนลงข้างล่างให้มีเสียงดังคลิ๊ก
เมื่อไม่มีแหวนรัดครีบทางนำทิศให้ใช้มือกำหางนำทิศและบรรจุดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
เล็งผ่านศูนย์ ตามระยะยิง และยอดศูนย์หน้าบีบไกปืนช้า ๆ ห้ามยิงด้วยการพาดเครื่องยิงบนไหล่ซ้าย ระวังอย่าให้เท้าอยู่ท้ายเครื่องยิง
เมื่อลั่นไกแล้วเครื่องยิงไม่ทำงานอย่าเปลี่ยนท่ายิงแต่ให้ขึ้นนกปืนใหม่แล้วยิงซ้ำถ้าไม่ทำงานเป็นครั้งที่ ๒ ให้เลิกบรรจุและเปลี่ยนลูกจรวดใหม่เมื่อจบการยิงถ้ามีเศษดินปืนอยู่ในลำกล้องไม่ต้องทำความสะอาดลำกล้องเพราะจะไม่มีผลต่อการบรรจุใหม่แต่ถึงอย่างไรก็ตามการบรรจุจะยากขึ้นเมื่อยิงไปแล้ว ๗ - ๑๐ นัด ก็ให้ทำความสะอาดลำกล้องด้วยเศษผ้าที่สะอาด
การเลิกบรรจุจะต้อง ปฏิบัติดังนี้
๑. กดสลักนิรภัยให้อยู่ในลักษณะห้ามไกโดยกดจากซ้าย
๒. ถอดลูกจรวดออกจากเครื่องยิง
๓. ถอดหลอดดินส่ง
๔. พับครีบทางนำทิศด้วยมือและพับไว้
๕. เก็บหลอดดินส่งและลูกจรวดใส่ถุงย่ามและปิดฝา
๖. ถ้านกปืนไม่ถอยกลับภายหลังเลิกบรรจุให้กดสลักนิรภัยจากด้านขวาของเรือนเครื่องยิงเพื่อปลดห้ามไก กดนกปืนลง และลั่นไก นกปืนก็จะกลับที่เดิม
๗. พับศูนย์หน้า ศูนย์หลัง
๘. ปิดฝาลำกล้องข้างหน้าและหลัง
การปรนนิบัติบำรุง
การตรวจเครื่องยิง
๑. ตรวจสอบภายนอกของเครื่องยิงจรวด
- ตรวจสอบทั่วไป ความชำรุด ฝุ่น สนิม
- ตรวจศูนย์หน้า หลัง ไม่คด ไม่โก่งงอ แหนบศูนย์หน้า - หลังใช้ได้หรือไม่
๒. ตรวจลำกล้อง
- ลำกล้องต้องแห้ง
- ตรวจรอยร้าว สนิม รอยบุบ
๓. ตรวจเรือนเครื่องลั่นไก และเข็มแทงชนวน
- ง้างนกปืนแล้วค่อย ๆ ลั่นไกตรวจดูว่านกปืนมีแรงกระแทกหรือไม่จะได้ยิงเสียงนกปืนเข็มแทงชนวนดังคลิ๊ก เมื่อบีบและคลายไกปืนจะต้องเข้าออกได้สะดวก
- ตรวจดูว่าเข็มแทงชนวนโผล่เข้าไปในลำกล้องเมื่อสับนกปืนหรือไม่
๔. ตรวจการทำงานของเครื่องห้ามไก
- ง้างนกปืนกดห้ามไกจากด้านซ้ายของเรือนเครื่องลั่นไกให้อยู่ในลักษณะห้ามไกเมื่อบีบไกแล้วเครื่องลั่นไกจะไม่ทำงานนกปืนจะไม่สับเข็มแทงชนวน
การทำความสะอาดและหล่อลื่น
ในการทำความสะอาดเครื่องยิงจรวดให้ใช้วัสดุต่อไปนี้
- เศษผ้าสะอาดสำหรับทำความสะอาดลำกล้อง
- น้ำมันหล่อลื่น
- ผ้าสะอาด
- ยาขัดหนังเพื่อขัดเครื่องกันความร้อนและสายสะพาย
- น้ำด่างหรือน้ำสบู่
- แส้ทำความสะอาด
วิธีทำความสะอาดและหล่อลื่น
ทำความสะอาดภายนอกด้วยผ้าสะอาดและแห้ง ถอดเครื่องลั่นไกออกจากลำกล้อง ถอดเข็มแทงชนวน ถอดประกับกันความร้อน ออกจากลำกล้องงอ และทำความสะอาดภายนอกในการทำความสะอาดภายในลำกล้องให้ทำด้วยเศษผ้าปลายแส้ถ้าเป็นการทำความสะอาดภายหลังการยิงจะต้องเอาเศษผ้าชุบน้ำสบู่ด้วย จากนั้นใช้ผ้าแห้งเช็ด
ตรวจดูความสะอาดบริเวณเข็มแทงชนวนบนลำกล้อง เมื่อทำความสะอาดเช็ดแห้งแล้วชโลมด้วยน้ำมันชโลม ประกอบด้วยเครื่องยิง และเก็บในที่เหมาะสม
การเก็บบำรุงรักษา
๑. ที่เก็บควรเก็บไว้ที่ปลอดภัย อากาศถ่ายเทได้สะดวกห้องที่อับชื้นไม่เหมาะในการเก็บรักษาห้ามตากแดดหรือย่างไฟ พันศูนย์ ห้ามไก ห้ามขึ้นนกปืน
๒. เมื่อยังไม่ใช้ปิดฝาท้ายลูกจรวดได้ตลอดเวลาหลอดดินส่งยังไม่ตัดออกไปเมื่อยังไม่ใช้
๓. ก่อนนำไปใช้ทำความสะอาด ตรวจเข็มแทงชนวน ลูกจรวดแก๊ปส่งต่อ เรียบร้อยหรือเปล่า
๔. การเก็บรักษาความสะอาดต้องทำความสะอาดเสมอ แต่ไม่ต้องถอดชิ้นส่วนออกมา
เหตุติดขัดและวิธีแก้ไข
เมื่อลั่นไกเครื่องยิงลูกจรวดไม่ออกจากลำกล้องให้ขึ้นนกใหม่แล้วยิงซ้ำถ้ายิงไม่ออกอีกให้ถอดลูกจรวดออกแล้วหาสาเหตุที่ติดขัดแล้วดำเนินการแก้ไข
สาเหตุติดขัดและการแก้ไข มี ๒ ประการ
๑. บรรจุลูกจรวดไม่ถึงที่
- ลำกล้องสกปรก - ทำความสะอาด
- แก๊ปส่งต่อโผล่ขึ้นมาจากรู - เปลี่ยนลูกจรวดใหม่
- สปริงเข็มแทงชนวนหักหรืออ่อนเกินไป - เปลี่ยนเข็มแทงชนวน
๒. ลูกจรวดไม่ลั่น
- บรรจุลูกไม่ถึงที่ (รูปแก๊ปกับเข็มแทงชนวนไม่ตรงกัน) บรรจุใหม่ (ไม่มีรอยเข็มแทงชนวนที่แก๊ป)
- แก๊ปส่งต่อไม่ทำงานเสื่อม (มีรอยเข็มแทงชนวน) - เปลี่ยนลูกจรวดใหม่
- เข็มแทงชนวนลึกหรือหัก - เปลี่ยนเข็มแทงชนวนใหม่
การเลือกมาตราระยะยิง
ขณะที่ลูกจรวดวิ่งไปในอากาศจะเกิดแรงต้านทานจากอากาศและแรงดึงดูดของโลกวิถีกระสุนยิงเป็นเส้นโค้งทำให้ความสูงของวิถีไม่เท่ากันยิ่งไปกว่านั้นความเร็วต้นของลูกจรวดน้อยคือ ๗๕ เมตร/วินาที (สามารถมองเห็นลูกจรวดวิ่งในอากาศ) จึงทำให้กระสุนวิถีเป็นเส้นโค้งดังกล่าวมาแล้ว
ฉะนั้น ขณะทำการยิงและต้องการเล็งให้ถูกเป้าหมายจะต้องเลือกมาตราระยะยิงให้เหมาะและถูกต้องใกล้เคียงกับระยะที่เป็นจริงโดยพิจารณาดูว่าเป้าหมายที่จะทำการยิงใหญ่หรือเล็ก (มาตราระยะ ๑๕๐, ๑๐๐ และ ๕๐)
การเลือกมาตราระยะยิง กระทำได้ ๒ วิธี คือ
๑. ถ้าเป้าหมายอยู่ที่ระยะ ๑๕๐, ๑๐๐ และ ๕๐ เมตร ก็ให้ใช้ตามมาตราระยะยิงแล้วทำการเล็งตรงไปที่จุดกึ่งกลางเป้าหมาย (ไม่ใช่เล็งนั่งแท่น)
๒. ถ้ากะระยะเป้าหมายได้ว่าอยู่สูง หรือต่ำกว่ามาตราระยะยิงที่ใช้ก็ให้ใช้วิธีเล็งสูงหรือต่ำลงมา (เป็นเมตร) ตามตารางยิงที่กำหนดไว้
๓. เช่น เป้าหมายอยู่ที่ระยะ ๙๐ เมตร ต้องเล็งต่ำลงมาจากมาตราระยะ ๑๐๐ เท่ากับ ๐.๘ เมตร
- เป้าหมายที่อยู่ระยะ ๑๒๐ เมตร ต้องเล็งสูงขึ้นไปจากมาตราระยะ ๑๐๐ เท่ากับ ๑.๗ เมตร
ข้อสังเกตในการเล็ง
- การเล็งที่ถูกต้องคือเล็งศูนย์พอดี (ศูนย์หน้าอยู่กึ่งกลางช่องบากศูนย์หลังและเสมอกับศูนย์หลัง) แล้วจึงหันเข้าหาจุดเล็ง (กึ่งกลางเป้าหมาย)
- การใช้สายตาที่ถูกต้องคือ ๕ - ๘ วินาที อย่าเล็งนานเกินไป
ตารางยิง
หมายเหตุ เครื่องหมาย ลบ (-) ต้องเล็งสูงขึ้นไปข้างหลังเป้า
การเล็งดัก
- สำหรับการเล็งดักนั้น ระยะที่แม่นยำคือ ๑๐๐ เมตร
- การเล็งดักรถถังเคลื่อนที่เข้าหาตัว ต้องเล็งที่จุดเล็งต่ำสุดและถ้าเคลื่อนที่ออกจากตัวเราต้องเล็งจุดที่สูงที่สุด
- ถ้ารถถังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ๓๐ กม./ชม. ควรเล็งดัก ๑.๕ ช่วงความยาวของตัวรถ
การเลือกที่ตั้งยิง
- เป็นที่ที่สามารถใช้กำบังตนเองได้มาตรการซ่อนพรางดี
- สามารถเสริมอำนาจจากการยิงของเรา
นอกจากนี้ ควรจะเลือกที่ตั้งยิงตามสภาพของข้าศึกภูมิประเทศและตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เช่น เลือกที่ตั้งยิงตามริมเส้นทางที่รถถังข้าศึกจะผ่านมาสามารถตรวจการณ์เห็นได้ดีสะดวกต่อการยิงโดยไม่มีสิ่งกีดขวางบังลำกล้องในระยะ ๒๐ เมตร และเมื่อทำการยิงแล้วจะต้องมีเส้นทางเคลื่อนที่เพื่อหลบหนีโดยมิให้ข้าศึกตรวจพบได้โดยง่าย อย่าเลือกสถานที่ที่เป็นจุดเด่นขณะทำการยิงปากลำกล้องต้องอยู่สูงจากพื้นดินอย่างน้อย ๒๐ ซม. บริเวณท้ายลำกล้องอย่าให้มีสิ่งไวไฟ กระสุน หญ้าแห้งหรือบุคคล
การเลือกที่ตั้งยิงควรเลือกไว้หลาย ๆ แห่ง เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเราเอง เพราะหากข้าศึกรู้ว่าเรามีอาวุธต่อสู้รถถัง เขาจะรวมอำนาจการยิงมาที่เราได้
การใช้เครื่องยิงทางยุทธวิธีนั้นใน ๑ หมู่ทหารราบ จะมีเครื่องยิง ๑ กระบอก แต่ถ้าจะรวมอำนาจการยิงแล้วก็รวมเครื่องยิงประมาณ ๔ - ๕ กระบอก เข้าทำการต่อสู้กับข้าศึกในแนวหน้า ใน ๑ หมู่เครื่องยิงประกอบด้วย พลยิงและพลยิงผู้ช่วยแต่ละนายมีลูกจรวดติดตัวไป ๓ นัด และบรรจุที่ลำกล้องอีก ๑ นัด รวม ๗ นัด สำหรับในภารกิจลาดตระเวนค้นหานั้น ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องยิง เพราะไม่คุ้มค่าในการที่เราจะนำอาวุธชนิดนี้ไปยิงข้าศึก