ปลย.เอ็ม.๑๖ เอ ๒
คุณลักษณะและการทำงาน
๑. การทำงานและคุณลักษณะอาวุธ ปลย.เอ็ม.๑๖ เอ ๒ ขนาด ๕.๕๖ มม.บรรจุกระสุนด้วยแมกกาซีนทำงานด้วยแก๊ส ระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำการยิงด้วยการประทับบ่า
๒. รายการทั่วไป
ก. น้ำหนักปืนพร้อมบรรจุกระสุนในซองกระสุน ๓๐ นัด ๓.๙๙ กก. ๘.๗๔ ปอนด์
ข. ยาว
- ปืนและดาบปลายปืน เอ็ม.๗………………….………….๑๑๔.๐ ซม. ๔๙.๘๗ นิ้ว
- ปืนและปลอกลดแสง……………………………………..๑๐๐.๖ ซม. ๓๙.๖๒ นิ้ว
๓. ขีดความสามารถ เอ็ม.๑๖ เอ ๒
ก. อัตราการยิงสูงสุด……………………………………………๘๐๐ นัด/นาที
ข. อัตราการยิงเฉลี่ย…………………………………………….๑๐ - ๑๒ นัด/นาที
ค. อัตราการยิงต่อเนื่อง………………………………………….๑๒ - ๑๕ นัด/นาที
ง. ระยะยิงไกลสุด………………………………………………..๓,๕๓๔ เมตร
จ. ระยะยิงหวังผล
- เป้าหมายเป็นจุด/บุคคล……………………………………๕๕๐ เมตร
- เป้าหมายเป็นพื้นที่…………………………………………๘๐๐ เมตร
๔. รายการการปรับปรุง เอ็ม.๑๖ เอ ๒ จาก เอ็ม.๑๖ เอ ๑
ก. เปลี่ยนปลอกลดแสง เพื่อลดแรงดันที่ทำให้ลำกล้องกระดอนขึ้นข้างบนในขณะทำการยิง
ข. ลำกล้องหนาขึ้น เพื่อเพิ่มความทนทานของลำกล้อง อัตราการบิดของเกลียวลำกล้องเพิ่ม ๑ ใน ๗ ส่วนเพิ่มการทรงตัวของหัวกระสุนที่หนักขึ้น
ค. เปลี่ยนฝาครอบลำกล้องซ้าย - ขวา รูปสามเหลี่ยมเป็นฝาครอบลำกล้อง บน - ล่าง รูปมนและมีเส้นกันลื่นบนฝาครอบลำกล้องทั้งสอง
ง. เหล็กรัดฝาครอบลำกล้องทำให้เรียว (ด้านล่างใหญ่กว่าด้านบน) เพื่อมีพื้นผิวจับได้ดีกว่าในการถอดประกอบ
จ. ศูนย์หลังสามารถปรับได้ทั้งทางสูงและทางทิศโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ
ฉ. โครงปืนอันบนมีเดือยสำหรับป้องกันปลอกกระสุนสำหรับพลยิงถนัดซ้าย
ช. แท่งศูนย์หน้าได้เปลี่ยนจากแท่งกลมเป็นแท่งสี่เหลี่ยม เพื่อให้การเล็งเป้าหมายคมชัดยิ่งขึ้น
ซ. ด้ามปืนเปลี่ยนเป็นซูเปอร์ไนลอนและมีร่องสำหรับนิ้ว
ฌ. คันบังคับการยิงสามารถใส่ได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของปืน ตำแหน่ง BURST แทนตำแหน่ง AUTO
ญ. พานท้ายเปลี่ยนเป็นซูเปอร์ไนลอนและยาวกว่า เอ็ม.๑๖ เอ ๑ ๕/๘ นิ้ว
๕. การตรวจความปลอดภัย เอ็ม.๑๖ เอ.๒ ข้อพิจารณาอันดับแรกของอาวุธทุกชนิดที่จับต้องนั้นต้องปลอดภัยการตรวจความปลอดภัย เอ็ม.๑๖ เอ.๒
ก. พยายามตั้งคันบังคับการยิงไว้ที่ตำแหน่งห้ามไก ถ้าปืนไม่ได้ขึ้นนก ปืนนั้นก็ไม่สามารถตั้งคันบังคับการยิงมาที่ตำแหน่งห้ามไกได้
ข. ปลดซองกระสุน
ค. ดึงคันรั้งให้ลูกเลื่อนมาข้างหลังและกดเหล็กหยุดลูกลื่นให้ลูกเลื่อนค้างอยู่ข้างหลัง
ง. ตรวจโครงปืนและรังเพลิง
จ. ตรวจคันบังคับการยิงให้แน่ใจว่าอยู่ในตำแหน่งห้ามไก
๖. การถอดประกอบ
ก. การถอดในสนาม
๑. แน่ใจว่าปืนนั้นปลอดภัย
๒. ปล่อยให้ลูกเลื่อนวิ่งไปข้างหน้าคันบังคับการยิงอยู่ที่ตำแหน่งห้ามไก
๓. กดสลักยึดโครงปืนจากด้านขวา ทั้งอันบนและอันล่างแล้วแยกโครงอันล่างและอันบนออกจากกัน
๔. ดึงคันรั้งออกและโครงลูกเลื่อนออกจากโครงปืน
๕. ถอดกลุ่มของโครงลูกปืน
๖. ถอดเครื่องรับแรงถอย
๗. ถอดฝาครอบลำกล้อง
ข. การถอดในรายละเอียด ไม่อนุญาตเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจหรือเจ้าหน้าที่สรรพวุธ
ค. การประกอบกระทำย้อนกลับกับการถอด
ง. การตรวจสอบการทำงาน การตรวจสอบการทำงานของ เอ็ม.๑๖ เอ ๒ ประกอบด้วยการทำงานของเอ็ม.๑๖ เอ ๒ ในตำแหน่งของคันบังคับการยิงในตำแหน่งห้ามไกยิงเดี่ยว - ยิงชุด (จังหวะ ๓ นัด)
๑. ตั้งคันบังคับการยิง "ห้ามไก" (ปืนต้องขึ้นนก) เมื่อเหนี่ยวไกแล้วนกปืนจะไม่ฟาดตัวไปข้างหน้า
๒. ตั้งคันบังคับการยิง ยิงเดี่ยว เมื่อเหนี่ยวไกแล้วนกปืนต้องฟาดไปข้างหน้า
๓. ตั้งคันบังคับการยิง ยิงชุด (จังหวะ ๓ นัด) ดึงนกปืนมาข้างหลัง (นกปืนในท่าขึ้นนก)เหนี่ยวไกและดึงค้างไว้ นกปืนจะฟาดไปข้างหน้า ดึงนกปืนมาข้างหลังและผลักส่วนบนของกระเดื่องไกนกปืนจะฟาดไปข้างหน้ากระทำอย่างเดียวกันอย่างนี้ ๔ ครั้ง การกระทำในครั้งที่ ๔ นกปืนจะไม่ฟาดไปข้างหน้าเมื่อปล่อยไกและเหี่ยวไกอีกครั้ง และผลักกระเดื่องไกนกปืนจะต้องฟาดไปข้างหน้า
๗. การปรับศูนย์
ก. ศูนย์หน้า เป็นแท่งสี่เหลี่ยมหมุนปรับขึ้นลงได้และมีสปริงบรรจุภายใน
๑. การตั้งศูนย์ ศูนย์สามารถปรับได้เมื่อทำการตั้งศูนย์ ๒๐๐ เมตร (ศูนย์หน้า) ในสนามยิงหรือเมื่อกำหนดการตั้งศูนย์ที่ระยะ ๓๐๐ เมตร หรือในสนามย่นระยะ ๒๕ เมตร เมื่อปรับศูนย์หน้าจนสามารถสอบศูนย์ได้ แล้วจะไม่ปรับศูนย์หน้าอีก
๒. การปรับศูนย์หน้า โดยการหมุนแท่งสี่เหลี่ยมของศูนย์หน้าโดยใช้เครื่องมือ (ตะปูหรือหัวกระสุน) กดลงบนสลักยึดศูนย์หน้าและหมุนแท่งศูนย์หน้า ถ้าต้องการให้ตำบลกระสุนสูงขึ้นให้หมุนแท่งศูนย์หน้าตามเข็มนาฬิกาถ้าต้องการให้ตำบลตกต่ำให้หมุนแท่งศูนย์หน้าทวนเข็มนาฬิกา เมื่อหมุนแท่งศูนย์หน้าขึ้นหรือลง ๑ คลิ๊ก จะทำให้ ตำบลกระสุนแตกต่าง คือ
ระยะ ตำบลกระสุนตกแตกต่าง
๒๕ เมตร………………………………๐.๙ ซม. ( ๓/๘ นิ้ว )
๑๐๐ เมตร…………………………….๓.๕ ซม. ( ๑ ๓/๘ นิ้ว )
๒๐๐ เมตร……………………………๗.๐ ซม. ( ๒ ๓/๔ นิ้ว )
ข. ศูนย์หลัง ศูนย์หลังประกอบด้วย ใบศูนย์หลัง ๒ ใบ ลูกบิดปรับทางทิศ ลูกบิดปรับทางสูงและขีดมาตรา
๑. ช่องเล็งระยะใกล้ (๐ - ๒) ช่องเล็งระยะใกล้ใช้ระยะ ๒๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า ช่องเล็ง๐ - ๒ เป็นช่องเล็งที่ใหญ่ที่สุด ช่องเล็ง ๐ - ๒ ใช้ทำการยิงเป้าหมายในสนามรบหรือทำการยิงเป้าหมายคลื่นที่ ช่องเล็ง ๐ - ๒ จะไม่ใช้ทำการยิงบันทึกผลทุกระยะ
๒. ช่องเล็งระยะไกล เป็นช่องที่เล็กกว่าช่องเล็ง ๐ - ๒ ใช้ทำการยิงเป้าหมายในสนามรบ ๒๐๐เมตร หรือไกลกว่า ช่องเล็งระยะไกล ใช้ทำการยิงเป้าหมายในทุกระยะในสนามยิงปืนเพื่อบันทึกผล
๓. การปรับทางทิศ การปรับศูนย์หลังทางทิศโดยหมุนลูกบิดทางทิศ ซึ่งอยู่ทางขวาของแท่นศูนย์หลังหมุนลูกบิดไปทางขวา - ซ้าย ๑ คลิ๊ก จะทำให้ตำบลกระสุนแตกต่าง
ระยะ ตำบลกระสุนแตกต่าง
๒๕ เมตร………………………..๐.๓ ซม. (๑/๘ นิ้ว)
๑๐๐ เมตร………………………๑.๒๕ ซม. (๑/๒ นิ้ว)
๒๐๐ เมตร………………………๒.๕๐ ซม.(๑ นิ้ว)
๓๐๐ เมตร………………………๓.๘ ซม. (๑ ๑/๒ นิ้ว)
๔๐๐ เมตร………………………๕.๐ ซม. (๒ นิ้ว)
๕๐๐ เมตร………………………๖.๓ ซม.( ๒ ๑/๒ นิ้ว)
๖๐๐ เมตร………………………๗.๖ ซม.(๓ นิ้ว)
๗๐๐ เมตร………………………๘.๘ ซม.(๓ ๑/๒ นิ้ว)
๘๐๐ เมตร………………………๑๐.๐ ซม.(๔ นิ้ว)
๔. การปรับมุมสูง การปรับมุมสูงโดยใช้ศูนย์หลังโดยหมุนลูกบิดศูนย์หลังทางระดับใต้แท่นศูนย์หลังอ่านมาตราระยะทางซ้ายของศูนย์หลังที่กำหนดระยะที่ตั้งบนลูกบิดศูนย์หลัง ตั้งระยะบนลูกบิดที่ศูนย์หลัง ๘/๓ คือระยะ ๓๐๐ หรือ ๘๐๐ ถ้ามีช่องว่างระหว่างฐานกับแท่นศูนย์หลัง ๑/๔ นิ้ว เมื่อตั้ง ๘/๓ บนมาตราระยะศูนย์หลังนั้นจะตั้งระยะ ๘๐๐ เมตร ถ้าช่องว่างระหว่างฐานกับแท่นศูนย์หลัง เล็กพอเห็นได้ ศูนย์หลังนั้นจะตั้งระยะ ๓๐๐ เมตร เมื่อหมุนแท่นศูนย์หลังขึ้นหรือลง ๑ คลิ๊ก จะทำให้ตำบลกระสุนเปลี่ยนไป
ระยะ ตำบลกระสุนแตกต่าง
๒๕ เมตร…………………………๐.๙ ซม.(๓/๔ นิ้ว)
๑๐๐ เมตร……………………….๓.๕ ซม.(๑ ๓/๘ นิ้ว)
๒๐๐ เมตร……………………….๗.๐ ซม.(๒ ๓/๔ นิ้ว)
ขั้นการปรับศูนย์รบ ๓๐๐ เมตร ในสนามย่นระยะ ๒๕ เมตร
๑) ไม่ต้องปรับแท่นศูนย์หน้าในเวลานี้ มันได้ตั้งจากโรงงานหรือโดยพลยิงคนก่อนอาจจะใกล้เคียงกับศูนย์ของท่าน
๒) ตั้งศูนย์หลังให้ได้กึ่งกลางโดยลูกบิดทางทิศไปทางซ้าย-ขวา คือ การตั้งศูนย์ทางช่าง รูปที่ ๑