แม้กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ในปากไม่ทันจะกลืน มีภพ มีชาติได้ตั้งหลายหน จาก หลักปฏิบัติปฏิจจสมุปบาท
https://youtu.be/pXk-yRqrvnk?si=lsGxIEmw5X9IDA0s
.
หมายเหตุ
#ความหมายของแต่ละชื่อในปฏิจจสมุปบาท:
#หลักปฏิบัติเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท 12มิย2514.
#แม้กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ในปากไม่ทันจะกลืนมีภพมีชาติได้ตั้งหลายหน จาก หลักปฏิบัติปฏิจจสมุปบาท
https://youtu.be/pXk-yRqrvnk?si=fiv4JT7eAUTR4VV5
ถ้ารู้ #ภาษาคนภาษาธรรมด้วยจะเข้าใจขี้น
#แตะแล้วฟังเรื่องที่สนใจ
#แชร์ได้ขอบคุณค่ะ
อ่าน
#ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์
.
สวดมนต์แปลสวนโมกข์
#คำสวดบทปฏิจจสมุปบาท หน้า 105
https://drive.google.com/file/d/1r-AJvPYewAe1-T8thDSHnV1AwGycQDhD/view?usp=drivesdk
แม้กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ในปากไม่ทันจะกลืน มีภพ มีชาติได้ตั้งหลายหน จาก หลักปฏิบัติปฏิจจสมุปบาท
จาก https://youtu.be/pXk-yRqrvnk?si=ulsOH79iiS3UxDZe
...ที่นี้จะพูดเรื่องภพเรื่องชาติให้ชัดยิ่งเข้าไปอีก ว่าไม่ใช่ต้องต่อ(ตาย)เข้าโลงแล้วจึงไปเกิดใหม่ มันเกิดอยู่ในวันเดียวตั้งหลายภพหลายชาตินี้ เดี๋ยวนี้อยากจะพูดว่าแม้กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ในปาก ยังไม่ทันจะกลืน เคี้ยวอาหารคำนี้เคี้ยวไปเคี้ยวมาอยู่ในปากไม่ทันจะกลืน (แค่)ชั่วเวลาเพียงเท่านั้นแหละ มีภพมีชาติได้ตั้งหลายหน หลายครั้งหลายหน คือหลายรอบ เพราะเราเคี้ยวอาหารอยู่ในปากกว่าจะกลืนเข้าไป สมมติว่า ๒ นาที หรือนาทีเดียว นาทีหนึ่งตั้ง ๖๐ วินาที ใน ๖๐ วินาทีนี้ความคิดอาจจะน้อมไปน้อมมาเรื่องความอร่อย เรื่องความไม่อร่อย หรือว่าคิดอื่นเพลินไปเนื่องจากความอร่อยนี้เป็นต้นเหตุ มันอาจจะเกิดตัวกูของกูได้ เดี๋ยวอย่างนั้นเดี๋ยวอย่างนี้ กว่าจะได้กลืนลงคอลงไป แล้วเคี้ยวคำใหม่อีก กว่าจะอิ่ม กว่าจะกินอาหารอิ่ม เกิดภพ เกิดชาติได้นับไม่ถ้วน ถ้าคนมันคิดเก่งหรือรู้สึกเก่ง หรือไวต่อความรู้สึกหรือมันมีอะไรมาแวดล้อมมากเกินไป (แค่)ชั่วเคี้ยวอาหารกว่าจะอิ่มในหนึ่งมื้อนี้เกิดภพเกิดชาติได้นับไม่ถ้วน
พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้ในข้อนี้ สูตรที่ ๔ มหาวรรค อภิสมยสังยุตต์ เล่ม 16 หน้า 122 “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าราคะ นันทิ ตัณหา มีอยู่ในกวฬิงการาหารไซร้ วิญญาณก็เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่เฉพาะและเจริญงอกงามในกวฬีการาหารนั้น,ในที่ใดวิญญาณตั้งอยู่เฉพาะและเจริญงอกงาม การก้าวลงแห่งนามรูปย่อมมีในที่นั้น” ฟังถูกไหม? มันอาจจะลึกเกินไปจนฟังไม่ถูก
จะซ้ำใหม่ว่า ภิกษุทั้งหลาย ถ้าราคะ นันทิ ตัณหา ๓ อย่างนี้นะ มีอยู่ในคำข้าว กวฬีการาหารคือคำข้าวที่เคี้ยวอยู่ไซร้, วิญญาณก็เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่เฉพาะและเจริญงอกงามในกวฬีการาหารนั้น เมื่อเราเคี้ยวข้าวอยู่ในปากและรู้สึกอร่อย ราคะ นันทิ ตัณหาอยู่ เมื่อนั้นวิญญาณจะตั้งอยู่ในคำข้าวนั้นและเจริญงอกงามในคำข้าวนั้น นี่หมายความว่ามันละเอียดจนถึงว่าคำข้าวคำเดียวเคี้ยวกว่าจะแหลกจะกลืนเข้าไปนี้ มันมีหลายระยะที่จะให้วิญญาณเกิดขึ้นได้เป็นวิญญาณๆๆๆ หลายๆๆๆ วิญญาณ อร่อยทีหนึ่ง อร่อยแวบหนึ่ง อร่อยอย่างหนึ่ง เปลี่ยนไปอร่อยอย่างหนึ่งนี่วิญญาณจะเกิดขึ้นทุกที
ถ้าวิญญาณเกิดขึ้นแล้วก็หมายความว่าสร้างนามรูปใหม่ทุกทีไป นามรูปจะถูกสร้างขึ้น,เดี๋ยวอย่างนั้นเดี๋ยวอย่างนี้ไปตามอำนาจของวิญญาณ คือกายกับใจที่เปลี่ยนไป เรียกว่ามันทำหน้าที่ ก่อนนี้มันไม่ทำหน้าที่ ทีนี้มันเกิดทำหน้าที่ไปตามกำลังของวิญญาณ วิญญาณเกิดหลายหน นามรูปก็เกิดหลากหลายหนในขณะที่เคี้ยวข้าวอยู่เพียงคำเดียว
ดังนั้นพระพุทธองค์จึงตรัสว่า ในที่ใด หมายความว่าในคำข้าวใด วิญญาณตั้งอยู่เฉพาะและเจริญงอกงาม การก้าวลงแห่งนามรูปย่อมมีในที่นั้น คือในคำข้าวนั้น หมายความว่านามรูปที่ถูกสร้างขึ้นโดยอวิชชาสังขารนี้ มันจะเกิดขึ้นเป็นแบบหนึ่งๆๆ เนื่องกับคำข้าวที่กำลังเคี้ยวอยู่นั้น เพราะว่าเคี้ยวอีกทีมันก็ไม่ใช่เหมือนกันทุกที มันมีความรู้สึกที่เปลี่ยนไปๆๆ มันสร้างนามรูปได้หลายรูปแบบกว่าจะกินข้าวเสร็จคำหนึ่ง กลืนลงไปในคอ
ต่อไปว่าการก้าวลงแห่งนามรูปมีในที่ใด คือในคำข้าวใด ความเจริญแห่งสังขารย่อมมีในที่นั้น มันจะย้อนไปทำให้อำนาจปรุงแต่งคือสังขารนั้น เกิดขึ้นอีกๆๆ หรือมากขึ้นหรือแรงขึ้น นี้กลายเป็นกรรม ทางมโนกรรมอย่างแรงขึ้นมาแล้ว ทีนี้กล่าวไว้ว่า “ความเจริญแห่งสังขารย่อมมีในที่ใด อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ คือการเกิดขึ้นเฉพาะในภพใหม่ต่อไปย่อมมีในที่นั้น” เมื่อนั่งกินข้าวเคี้ยวข้าวอยู่ มีความเจริญแห่งสังขารในที่นั้น จะมีการเกิดขึ้นแห่งภพใหม่สืบต่อไปในที่นั้น ไม่ทันลุกจากการกินข้าวก็มีภพใหม่เกิดขึ้นเฉพาะต่อไปในที่นั้น ทีนี้ว่าการเกิดขึ้นเฉพาะภพใหม่ต่อไปมีในที่ใด , ชาติ ชรา มรณะต่อไปก็ย่อมมีในที่นั้น.
ถ้าอธิบายอย่างภาษาคน ที่เขาอธิบายกัน มันเป็นเรื่องของชาติหน้า ชาติต่อไป ชาติต่อไปหมด แต่ตัวหนังสือไม่ยอมให้เป็นไปได้ เขาพูดถึงเรื่องเกิด นันทิ ราคะ ตัณหา เมื่อกำลังเคี้ยวข้าวอยู่ในปากนั้น ไม่ได้พูดอะไรใหญ่โตมากมาย เรื่องกวฬีการาหาร อาหารคำข้าวที่เคี้ยวในปากก็เป็นอย่างนี้
ทีนี้ผัสสาหาร มโนสัญเจตนาหาร วิญญาณาหาร อีก ๓ อย่าง ก็เป็นอย่างนี้ คือมีหลักเดียวกัน ทีนี้ทำให้เห็นได้ว่าฝ่ายรูปธรรมคือคำข้าวแท้ๆมันยังเป็นไปอย่างนี้ ทีนี้อาหารฝ่ายนามธรรมคือ ผัสสาหาร มโนสัญเจตนาหาร วิญญาณาหาร มันก็ยิ่งรวดเร็วกว่านี้ อาหารทางฝ่ายนามธรรมที่กระทำกับจิตใจโดยเฉพาะ มันก็เกิดภพใหม่ชาติใหม่มากมายรวดเร็วยิ่งกว่านี้
เนี่ยข้อเท็จจริงที่จะต้องมองดูให้เห็น เกี่ยวกับพระสูตรนี้หลักเกณฑ์นี้มีว่า ราคะหรือนันทิ คือ ความกำหนัด ความพอใจในความอร่อยนั้น มันเกิดมีอยู่ได้แต่ในขณะที่กำลังลิ้มรสอยู่เท่านั้น พอมันไม่มีการเคี้ยวการกินการลิ้ม(รส)อะไรมันเกิดไม่ได้
ฉะนั้นสิ่งทั้งหลายจะเกิดได้ในขณะที่มันมีรู้สึกว่าอร่อยอยู่ที่ลิ้น ราคะ นันทิ มันมีอยู่เฉพาะเมื่อรู้สึกอร่อยอยู่ที่ลิ้นในขณะเคี้ยวอาหารนั้น ทีนี้ชิวหาวิญญาณที่อาศัยรสกับลิ้นนั้น มันก็เข้าไปตั้งมั่นในอาหารนั้นและเจริญงอกงามมากออกไป ยิ่งนานเท่าไรมันก็ยิ่งมีวิญญาณเกิดงอกงามมากออกไปเท่านั้น นี่เป็นวิญญาณตามความหมายในปฏิจจสมุปบาท ที่ว่าสังขารทำให้เกิดวิญญาณ ไม่ใช่ปฏิสนธิวิญญาณ , แล้วก็ถูกตู่เอาเป็นปฏิสนธิวิญญาณหมด โดยพวกที่ถือหรือรู้แต่ภาษาคน พูดเป็นแต่ภาษาคน มีตัวมีตนข้ามภพข้ามชาติไปเรื่อย
ให้รู้ว่าวิญญาณอย่างนี้ที่เจริญงอกงามมาจากราคะและนันทิเมื่อกำลังเคี้ยวอาหารนั้นเป็นวิญญาณธรรมดา ไม่ใช่ปฏิสนธิวิญญาณ แต่วิญญาณธรรมดาในแบบของปฏิจจสมุปบาทจะสร้างภพสร้างชาติที่นี่เดี๋ยวนี้มากมายก่ายกอง
ที่แท้คำว่านามรูปหยั่งลง มันก็เพิ่งหยั่งลงเมื่อรู้สึกอร่อยในอาหารที่กำลังเคี้ยวอยู่ในปาก นามรูปเพิ่งทำหน้าที่ของนามรูปเต็มที่ตอนนี้ ไม่ใช่ว่านามรูปทางกายและใจที่เกิดเหมือนอย่างที่เขาเรียกว่าตายเข้าโลงแล้วไปเกิด , ความเจริญแห่งสังขาร ก็สังขารในปฏิจจสมุปบาทคือสิ่งที่จะปรุงแต่งกายวาจาใจให้ทำหน้าที่นี้ มันรุนแรงมากขึ้น เรียกว่ามันแก่กล้า กว้างขวางมากขึ้น ในพระบาลีเรียกว่า ความเจริญแห่งสังขารเป็นไปรวดเร็วในขณะนั้น ในขณะที่เคี้ยวอาหารอร่อยอยู่ เพราะฉะนั้นมันจึงสามารถที่จะสร้างภพใหม่ ชาติใหม่ คือตัวกูใหม่ๆๆๆ ตัวกูๆๆ ใหม่ๆๆๆ ทยอยขึ้นมาเรื่อยอย่างมากมาย อย่างกว้างขวาง นี่เขาเรียกว่าความเจริญแห่งสังขาร
ดังนั้นปัญหาของตัวกูที่เกี่ยวกับเกิดแก่เจ็บตายอะไรก็ตาม มันก็มีมาก และเป็นทุกข์มาก , แล้วก็มีตรัสต่อไปอันสุดท้ายว่า “ภิกษุทั้งหลาย อายติง ชาติ ชรา มรณัง ย่อมมีในที่ใด เรากล่าวสิ่งนั้นว่า .........อุปายาสัง" ปัญหาเรื่องชาติ เรื่องชรา เรื่องมรณะ คือเหตุปัญหายุ่งยากกวนใจ ยึดมั่นถือมั่นเอาเป็นของตัว เกี่ยวกับ ชาติ ชรา มรณะนี้มันมีอยู่ที่ใดหรือเกิดในสิ่งใด เราเรียกสิ่งนั้นว่ามีความโศก มีธุลี เต็มไปสักด้วยอุปายาส” ก็หมายความว่าภพใหม่ เต็มไปด้วยความโกรธ เต็มไปด้วยกิเลส เต็มไปด้วยความคับแค้น
ทีนี้รวมความว่าภพใหม่หรือชาติใหม่นี้มีได้มากมายแทบจะนับไม่ไหวในขณะที่ปากเคี้ยวอาหารกินอร่อยอยู่ยังไม่ทันจะสิ้นคำ ขณะนั้นก็มีราคะ มีตัณหา มีนันทิเกิดอยู่ด้วย ทำให้เกิดสังขารด้วย เป็นเรื่องที่สมบูรณ์สำหรับที่จะเป็นปฏิจจสมุปบาท...
ฟังคลิปเต็ม หลักปฏิบัติเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท 12มิย2514.