บทสวดปฏิจจสมุปบาท
ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นเห็นธรรม
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต
(๗. ปฏิจจสมุปบาท)
[(นำ) หันทะ มะยัง ปะฏิจจะสะมุปปาทัง ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดปฏิจจสมุปบาทเถิด.
กะตะโม จะ ภิกขะเว ปะฏิจจะสะมุปปาโท,
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ก็ปฏิจจสมุปบาท เป็นอย่างไรเล่า?,
อะวิชชาปัจจะยา ภิกขะเว สังขารา,
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงเกิดมีสังขาร,
สังขาระปัจจะยา วิญญาณัง,
เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงเกิดมีวิญญาณ,
วิญญาณะปัจจะยา นามะรูปัง,
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงเกิดมีนามรูป,
นามะรูปะปัจจะยา สะฬายะตะนัง,
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงเกิดมีสฬายตนะ,
สะฬายะตะนะปัจจะยา ผัสโส,
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีผัสสะ,
ผัสสะปัจจะยา เวทะนา,
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีเวทนา,
เวทะนาปัจจะยา ตัณหา,
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดมีตัณหา,
ตัณหาปัจจะยา อุปาทานัง,
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงเกิดมีอุปาทาน,
อุปาทานะปัจจะยา ภะโว,
เพราอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดมีภพ,
ภะวะปัจจะยา ชาติ,
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิดมีชาติ,
ชาติปัจจะยา ชะรามะระณัง,
เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดมีชราและมรณะ,
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา สัมภะวันติ,
โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส จึงเกิดมี,
เอวะเมตัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ สะมุทะโย โหติ,
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้, ย่อมเกิดมี ด้วยอาการอย่างนี้,
อะยัง วุจจะติ ภิกขะเว ปฏิจจะสะมุปปาโท,
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, อันนี้เราเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท,
อะวิชชายะ เต๎ววะ อะเสสะวิราคะนิโรธา สังขาระนิโรโธ,
ก็เพราะอวิชชานั่นแล จางคลายดับโดยไม่เหลือ, สังขารจึงดับ,
สังขาระนิโรธา วิญญาณะนิโรโธ,
เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ,
วิญญาณะนิโรธา นามะรูปะนิโรโธ,
เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ,
นามะรูปะนิโรธา สะฬายะตะนะนิโรโธ,
เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ,
สะฬายะตะนะนิโรธา ผัสสะนิโรโธ,
เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ,
ผัสสะนิโรธา เวทะนานิโรโธ,
เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ,
เวทะนานิโรธา ตัณหานิโรโธ,
เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ,
ตัณหานิโรธา อุปาทานะนิโรโธ,
เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ,
อุปาทานะนิโรธา ภะวะนิโรโธ,
เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ,
ภะวะนิโรธา ชาตินิโรโธ,
เพราะภพดับ ชาติจึงดับ,
ชาตินิโรธา ชะรามะระณัง,
เพราะชาติดับ ชราและมรณะจึงดับ,
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา นิรุชฌันติ,
โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสจึงดับ,
เอวะเมตัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ นิโรโธ โหติ.
ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้, ย่อมเกิดมี ด้วยอาการอย่างนี้แล.
.
หมายเหตุ
#อธิบายความหมาย
๑๐๒. ความหมายของแต่ละชื่อในปฏิจจสมุปบาท:
#ฟังภาษาคนภาษาธรรมจะช่วยให้เข้าใจขึ้น
https://soundcloud.com/user-327441149/sets/llf4mvcaussl
#การเห็นปฏิจจสมุปบาทเป็นการเลื่อนชั้น
https://on.soundcloud.com/2x9zb
#หลักปฏิบัติเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท 12มิย2514.
https://on.soundcloud.com/tsg1LJaAgmHqwWnm8
#แม้กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ในปากไม่ทันจะกลืนมีภพมีชาติได้ตั้งหลายหน จาก หลักปฏิบัติปฏิจจสมุปบาท
https://youtu.be/pXk-yRqrvnk?si=fiv4JT7eAUTR4VV5
.
เลือกสวดมนต์แปลบทอื่นๆ
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1hlMz5sFHVdXuWNE8DEPR1BsRszG9M_S7Hxpb2eDDXEU/edit?usp=sharing
.
หมายเหตุ.มรดกธรรมข้อที่ ๒๐
“บทสวดมนต์แปลแบบสวนโมกข์ คือ สวดมนต์แปล ที่ได้พยายามกระทำให้สวดกันได้ลื่นสละสลวย ได้เลือกมาเฉพาะเนื้อความที่เป็นหลักธรรมเข้มข้นและรัดกุม ใช้เป็นอารมณ์แห่งสมาธิและวิปัสสนา ไปได้ในตัว. ขอฝากไว้ให้ใช้สวดกันตลอดกาลนาน”
(สวดมนต์แปลสวนโมกข์ ท่านพุทธทาสเริ่มทำปี พ.ศ. 2497,ผู้รวบรวม)
(ผู้นำไปปฏิบัติจะได้รับประโยชน์ตามส่วนของการปฏิบัติ " ธรรม " นั้น จนในที่สุดก็พบความสงบเย็นในใจตนเอง)
จาก มรดกที่ขอฝากไว้
https://drive.google.com/open?id=1j37Jp8Ptu71dc63Fyll6uZg_5O3xBZDX&usp=drive_fs