วันนี้ในอดีต วันที่ 13 พค 2566
พี่ประชาได้กลับคืนสู่ธรรมชาติ
ด้วยความเคารพ รัก พี่ประชา ,
ผมขอนำบางตอนในหนังสือ เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา มาเพื่อสดุดีคุณูปการที่พี่ประชาฝากให้สังคมไทยและโลกครับ
.
Download
https://u.pcloud.link/publink/show?code=kZT5ib5ZItULfLdRJzzLIjLeHr4jN4Bd31i7
อ่าน
https://u.pcloud.link/publink/show?code=XZJLib5ZKAjxXQdUMe0GCop7ljlzcYGNdbxk
แชรได้ ขอบคุณครับ
.
คำปรารภ
โดย พระประชา ปสนฺนธมฺโม
คําปรารภสําหรับเล่ม ๑ (บทที่ ๑-๒)
เมื่อข้าพเจ้าแรกไปอยู่ประจําที่สวนโมกข์เก่า-พุมเรียงนั้น อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ได้เตือนอยู่เสมอ ว่าให้ศึกษาชีวิตและการทํางานของท่านพุทธทาส
เพื่อที่จะได้ข้อคิดทั้งสําหรับข้าพเจ้าเองและคนร่วมสมัย ในวงกว้างออกไป เกี่ยวกับการดํารงชีวิตในสมณเพศ และการทํางานเพื่อพระศาสนาและสังคม จาก แบบอย่างอันเลิศของท่านที่หาได้ยากยิ่งในประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
เมื่อมีโอกาสเหมาะ ข้าพเจ้าจึงมักไปเรียนถามเรื่องราวต่าง ๆ แต่หนหลังของท่านเสมอ ในระยะแรก ท่านไม่สู้จะยอมเล่าอะไรมากนัก เพราะท่านเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่สู้จะเป็นประโยชน์ต่อใครนัก (ในทัศนะของท่าน)
ข้าพเจ้าอ้อนวอนท่านอยู่หลายครั้ง ถูกท่านขนาบแรง ๆ หลายหน แต่ก็พยายามเล่าให้ท่านฟังว่าคนรุ่นข้าพเจ้าที่เข้ามาบวชประสบปัญหากันอย่างไรบ้าง ถ้าได้มีโอกาสเรียนรู้ปฏิปทาของท่านบ้างก็ จะมีประโยชน์เพียงไร
ในที่สุดท่านจึงค่อย ๆ เล่าให้ฟัง ข้าพเจ้าเห็นว่าสิ่งที่ตนได้รับฟังนั้น มีคุณค่าต่อคนวงกว้างออกไปอีกมาก โดยเฉพาะคนรุ่นข้าพเจ้า และคนรุ่นถัดไปซึ่งเติบโตมานอกวัฒนธรรมพุทธศาสนาอย่างแต่ก่อน ซึ่งยากที่จะเข้าใจได้ว่าการดํารงชีวิต ในสมณเพศนั้นเป็นไปได้โดยมีอะไรเป็นเหตุปัจจัย
นอกจากนั้นสภาพทางสังคมและวงการพระศาสนาในสมัยก่อน ๆ ที่ท่านได้ประสบพบเห็นก็เป็นสิ่งที่น่าบันทึกไว้อย่างยิ่ง จึงกราบเรียนขอให้ท่านเขียน อัตชีวประวัติ แต่ท่านปฏิเสธเพราะเห็นว่าการเขียนเรื่องราวในชีวิตของตนเองนั้น ไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทําตามคติวัฒนธรรมของเราเอง
และย่อมหลีกไม่พ้นที่จะต้องโฆษณาตนเองไม่ในรูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง จําได้ว่า เรียนเสนอท่านอยู่หลายครั้งหลายหน ท่านก็ไม่เห็นพ้องด้วย ข้าพเจ้าจึงใช้วิธีจดบันทึกสิ่งที่ได้ฟังจากท่านเอาไว้ แต่เนื่องจากระบบโรงเรียนได้ทําลายฉันทะในการจําไปมากต่อมากแล้ว จึงทําให้เก็บสิ่งที่ท่านเล่าไว้ได้น้อยเต็มที
ในที่สุดขอท่านอัดเสียงไว้ โดยเรียนท่านว่า จะไม่นําออกเผยแพร่ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ นี่ก็ต้องอ้อนวอนท่านอยู่หลายครั้งท่านจึงยอมอนุญาตให้
ต่อมาเมื่อปี ๒๕๒๕ เพื่อนฝูงในกลุ่มพุทธ-ไทยปริทัศน์และคณะกรรมการศาสนาเพื่อการพัฒนา (ศ.พ.พ.) ได้ดําริจัดงานทางความคิดเกี่ยวกับพุทธศาสนา ร่วมฉลองในโอกาสที่สวนโมกข์อยู่ครบ ๕๐ ปี เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของท่านที่อัดไว้ จึงได้นํามาถอดเทปเป็นตัวอักษร เพื่อศึกษากันในหมู่ผู้จัดงาน
และได้เรียนถามเพิ่มเติมด้วย แต่งานคราวนั้นมุ่งศึกษาความคิดของท่านมากกว่าชีวิตของท่านโดยตรง ดังปรากฏออกมาเป็น พุทธทาสกับคนรุ่นใหม่ : เมื่อคนหนุ่มสาวถามหารากของความเป็นไทย ซึ่งมูลนิธิโกมลคีมทอง ได้ตีพิมพ์ออกมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๖ นั้นแล้ว
ต่อมาปลายปี ๒๕๒๗ มิตรสหายบางคนได้ปรารภขึ้นอีกว่าน่าจะทําประวัติท่านอาจารย์อย่างสมบูรณ์ และควรจะตีพิมพ์เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ด้วย เมื่อไปเรียนให้ท่านทราบถึงความคิดอันนี้ ท่านก็ถาม ว่าทําไปเพื่ออะไรอยู่หลายครั้ง กว่าจะยอมอนุญาตให้พวกเราดําเนินการได้
ข้าพเจ้าได้นําสิ่งที่เคย สัมภาษณ์ท่านมาพิจารณาใหม่และพบว่ายังบกพร่องอีกมาก เพราะถามท่านไว้ไม่เป็นระบบเลย จึงตั้งโครงเรื่องใหม่ และขอสัมภาษณ์ท่านอีกเพื่อให้ได้ความสมบูรณ์ที่สุด โดยตั้งใจไว้ว่าจะให้เสร็จสมบูรณ์ในปี ๒๕๒๘ นี้
เมื่อเริ่มลงมือทําก็ได้คิดกันหลายตลบว่าควรจะออกมาในรูปแบบใดจึงจะเหมาะ หลังจาก ปรึกษาหารือกันหลายครั้ง จึงขออนุญาตท่านทําออกมาในรูปคําถามคําตอบ โดยเรียบเรียงจากคํา สัมภาษณ์ของท่าน แล้วนําไปอ่านให้ท่านฟังเพื่อแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อทําไปได้ ๒ บท ก็ส่งมาให้มิตรสหายทางโกมลคีมทองซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีให้ข้าพเจ้าทํางานชิ้นนี้อย่างจริงจัง ให้ดู และเห็นพ้องกันว่าน่าจะทยอยพิมพ์เป็นตอน ๆ ที่หนึ่งก่อน
แล้วตอนแรกก็ปรากฏออกมา เป็นเล่มดังที่ท่านผู้อ่านเห็นอยู่นี้ โดยเริ่มเรื่องตั้งแต่ช่วงชีวิตในวัยเยาว์ของท่าน จนถึงช่วงที่ท่านเดินทางออกจากกรุงเทพฯ กลับไชยาเพื่อเริ่มก่อตั้งสวนโมกขพลาราม
ส่วนตอนสองซึ่งต่อจากเล่มนี้นั้น จะเป็นช่วงชีวิต ของท่านในงานต่อสู้บุกเบิกสวนโมกขพลารามระหว่าง ๒๐ ปีแรก
และตอนสามอันเป็นตอนสุดท้ายนั้น จะ เป็นช่วงชีวิตหลังจากนั้นจนกระทั่งปัจจุบัน อันรวมถึงข้อคิดและทัศนะของท่านฝากไว้สําหรับอนาคตด้วย
และหากเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่คาดไว้ ๒ ตอนนี้คงจะเสร็จสิ้นให้ได้อ่านกันภายในปีนี้
สําหรับภาพที่นํามาลงประกอบเนื้อหานั้น ส่วนหนึ่งเราสืบหาและหยิบยืมมาจากบุคคลต่าง ๆ รวมทั้ง วัดวาอีกหลายแห่ง เพื่อนํามาถ่ายอัดขยายใหม่ อีกส่วนหนึ่งมาจากการตระเวนถ่ายรูปตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับชีวิตของท่านตั้งแต่อดีตจนกระทั่งปัจจุบัน
หากท่านผู้อ่านได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว และเห็นว่ามีประเด็นใดน่าจะเรียนถามท่านอีก ทั้งในช่วงชีวิตที่อยู่ในเล่มนี้และช่วงต่อ ๆ ไปหลังจากเล่มนี้ ขอให้เสนอแนะมาได้ เพื่อจะได้ช่วยกันนําเสนอสิ่งที่มีคุณค่าต่อส่วนรวมนี้ให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แม้การตั้งคําถามในเล่มนี้เอง ข้าพเจ้าก็มิได้ทําตาม ลําพัง หากแต่งานชิ้นนี้สําเร็จได้ก็ด้วยความร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่ายหลายท่านตั้งแต่แรกมาแล้ว ทั้งใน แง่ร่วมกันคิดร่วมกันทําและคอยส่งเสริมกําลังใจกัน รวมทั้งชาวสวนโมกข์หลายท่านที่ให้ความสนับสนุน อย่างดี
คุณโยมธรรมทาส พานิช (น้องของท่านอาจารย์) ได้กรุณาอ่านทวนต้นฉบับบางตอนเพื่อความแม่นยําด้านข้อมูล และได้ให้ยืมภาพเก่า ๆ มาถ่ายรูปใหม่เพื่อใช้ประกอบในหนังสือเล่มนี้ด้วย
ฉะนั้นขอ ท่านผู้อ่านจงอนุโมทนาในส่วนกุศลของบุคคลต่าง ๆ ทั้งที่เอ่ยนามมาแล้วและไม่ได้เอ่ย โดยทั่วกันด้วย
พระประชา ปสนฺนธมฺโม
๑ พฤษภาคม ๒๕๒๘
..
ประวัติ พี่ประชา หุตานุวัตร
นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางสังคมคนสำคัญในกลุ่มยุวชนสยาม ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยและเข้าศึกษาต่อที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ไม่ทันจบก็ลาออกเพื่อดำเนินชีวิต “ขบถ? กับเพื่อนในกลุ่มอหิงสา ซึ่งเชื่อมั่นในทางที่ใช้สันติวิธีและไม่ยอมสยบยอมกับคำตอบสำเร็จรูปจากลัทธิที่สัญญาว่าจะให้ความหวังใหม่
เป็นนักคิดนักเขียนที่โดดเด่นคนหนึ่งของวงการองค์กรพัฒนาเอกชน นับว่าเป็นครูและผู้ทำงานด้านสังคมที่มีความพิเศษเฉพาะตัว เคยบวชเป็นพระภิกษุ มีนามว่า พระประชา ปสนฺนธมฺโม เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดของท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ เป็นผู้สัมภาษณ์และเขียนอัตชีวประวัติของท่านพุทธทาสภิกขุ เผยแพร่เป็นหนังสือเรื่อง เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา สนใจการนำพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในสังคมเพื่อแก้ปัญหาชนิดถึงรากถึงโคน ทั้งยังสนใจในการพัฒนาแนวคิดแบบใหม่ๆทางสังคม โดยไม่ละเลยการศึกษาและแลกเปลี่ยนกับแนวความคิดกระแสอื่น หรือหลงลืมทอดทิ้งการกลับคืนสู่รากเหง้าของวัฒนธรรมท้องถิ่นและภูมิปัญญาของไทยเราเอง ดังที่ได้รับเลือกเป็นปาฐกแสดงปาฐกถาประจำปีของมูลนิธิโกมลคีมทอง เมื่อปี พ.ศ.2524
ได้รับเชิญไปเรียนหลักสูตรสำหรับนักฝึกอบรมจนจบขั้นสูงสุดจาก A Movement for Society เมืองฟิลลาเดลเฟีย มลรัฐเพนซาวาเนีย สหรัฐอเมริกา ทำงานด้านการฝึกอบรมมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งกับคนไทย และคนจากประเทศเพื่อนบ้าน
เป็นวิทยากรและผู้แปลภาษาให้กับเสมสิกขาลัยหลายโครงการ อาทิ โครงการการเมืองสีเขียว โครงการฝึกอบรมผู้นำระดับรากหญ้าในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
จาก.https://semsikkha.org/2019/trainer-pracha/
ชมคลิป เสวนา "เล่าไว้..ฝากไปให้ประชา"
วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566
เวลา 14.30 - 16.00 น. ณ ห้องปฏิบัติธรรม สวนโมกข์กรุงเทพ
ร่วมเสวนาโดย
ศ.นพ.ประเวศ วะสี / ส.ศิวรักษ์ / พระไพศษล วิสาโล / สันติสุข โสภณสิริ / อรศรี งามวิทยาพงศ์ /บัญชา พงษ์พานิช ประสิทธิ์ วิทยสัมฤทธิ์ ดำเนินรายการ
เนื่องในวาระ 12 ปี สวนโมกข์กรุงเทพ และ 30 ปีพุทธทาสละสังขาร
ร่วมจัดโดย มูลนิธิเสฐียรโกเศศ นาคะประทีป เสมสิกขาลัย มูลนิธิสุขภาพไทย มูลนิธิหมอชาวบ้าน มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ มูลนิธิศักดิ์พรทรัพย์ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ อาศรมวงศ์สนิท สถาบันยุวโพธิชน มูลนิธิโกมลคีมทอง มูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา อาศรมศิลป์ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ
จาก
https://www.facebook.com/photo?fbid=642755254550031&set=pcb.642755304550026
.
ฟังเสียงอ่านหนังสือ
เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา อัตชีวประวัติของพุทธทาสภิกขุ
สัมภาษณ์โดย : พระประชา ปสนฺธมมฺโม
บรรณาธิการ : อรศรี งามวิทยาพงศ์
Youtube
https://www.youtube.com/playlist?list=PLPJ6Q5-1GxIG7C_gdLUHmWvrJyQj6JuIv
Soundcloud
ตอน เหตุผลของการศึกษา/เสียงจริง
https://youtube.com/playlist?list=PLmie17BZKID7Wwi5RMGnRnqehDeWn1Mo-&si=-cNOZbWhMqj2IQR0
อ่าน
https://drive.google.com/file/d/1FYtI-ZXk5nSZVwlXN4zc2xDhCXgzYmf6/view?usp=sharing