หลุมฝังศพข้าพเจ้า *
* คือ คุณความดี มีประโยชน์
ที่ได้ ทำ ไว้ ในโลกนั่นเอง
* โลงศพ ของข้าพเจ้า :
ประโยชน์ ที่ ทำ ไว้ แก่ เพื่อนมนุษย์
ด้วยการ เผยแผ่ธรรม
* นี่ คำตอบ ที่ว่าทำไมจึงพยายามเผยแผ่ธรรม
๘ กรกฎาคม ๒๕๓๖
ท่านพุทธทาส มรณภาพ
ด้วยอาการสงบ เป็นไปโดยธรรมชาติ
เมื่อเวลา ๑๑.๒๐ น. ณ กุฏิที่พัก
สวนโมกขพลาราม รวมอายุได้ ๘๗ ปี
พรรษา ๖๗ การละสังขารของ
ท่านพุทธทาส เปรียบดั่ง “สื่อธรรม”
ชิ้นสุดท้ายที่มอบแก่โลก
.
ศาลาธรรมโฆษณ์ท่านพุทธทาส All in One - Lifetime
https://u.pcloud.link/publink/show?code=XZvEEf5ZQr2KDBqOBFSOotsL1eLBgkJ8eIlk
.
8 กรกฎาคม 2536 เวลา 11:20 น. พุทธทาสภิกขุ มรณภาพ ณ สวนโมกขพลาราม 87 ปี 67 พรรษา
เมื่อกล่าวถึงความตาย คนส่วนใหญ่มักนึกถึงอนุสรณ์สถานหรือสิ่งของที่จะทิ้งไว้เบื้องหลัง แต่สำหรับพุทธทาสภิกขุแล้ว เจตนารมณ์สุดท้ายของท่านกลับสวนทางกับค่านิยมเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง โดยปฏิเสธอนุสาวรีย์ทางวัตถุทุกรูปแบบ และร้องขอเพียงสิ่งเดียวที่จะเป็นเครื่องระลึกถึงท่านอย่างแท้จริง
"คนพวกนี้ก็สงสัยว่า อะไรจะเป็นอนุสาวรีย์ของอาตมาเมื่อล่วงลับไปแล้ว รูปหล่อนั้นนะเป็นอนุสาวรีย์ หรือว่าหนังสือทั้งหลายที่มีอยู่นี้เป็นอนุสาวรีย์ หรือว่าสวนโมกข์เป็นอนุสาวรีย์
ขอตอบว่า ไม่เอาสิ่งเหล่านั้นเป็นอนุสาวรีย์ ขอเอาประโยชน์ที่มหาชนกำลังได้รับอยู่จากคำสอนของอาตมาว่า นั่นแหละเป็นอนุสาวรีย์
ประโยชน์ใดๆ ที่ผู้ใดก็ตาม ได้รับจากคำสอนของอาตมาปรากฏอยู่แก่ใจ นั้นคืออนุสาวรีย์อันแท้จริงของอาตมา ไม่ใช่รูปปั้น ไม่ใช่รูปหล่อ ไม่ใช่หนังสือเหล่านี้ ไม่ใช่สวนโมกข์ ไม่ใช่ตึกหลังนั้น
ผมตายไม่ต้องสร้างเจดีย์ ไม่ต้องสร้างอนุสาวรีย์ ขอร้องว่าอย่าทำเลย ทำแล้วบ้า อนุสาวรีย์ทางวัตถุไม่พึงประสงค์ กับทางธรรมะที่ได้ใส่ไว้ในจิตใจของเพื่อนมนุษย์ทั่วๆ ไปทั้งโลกนี้ ขอเอาอันนี้เป็นอนุสาวรีย์"
ท้ายที่สุดแล้ว อนุสาวรีย์ของพุทธทาสภิกขุจึงไม่ใช่สิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตา แต่เป็นสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยใจ คือประโยชน์สุขอันเกิดจากความเข้าใจในธรรมะ ซึ่งจะคงอยู่และสืบทอดต่อไปในจิตใจของผู้คนอย่างไม่มีวันเสื่อมสลาย ตราบใดที่ยังมีผู้แสวงหาหนทางแห่งการดับทุกข์
พุทธทาสภิกขุ
.
จาก หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ
https://www.facebook.com/share/p/1EjYg9qRCF/