คำว่า “ตัวกู-ของกู” ไม่ใช่ของใหม่
.
…. “บางคนจะหาว่าผมตั้งลัทธิขึ้นใหม่ เรื่องเกี่ยวกับ “ตัวกู ของกู” ที่จริงมันก็เป็นคำเดิมๆ ในพระบาลี(พระไตรปิฎก) คือคำว่า “อหังการ” “มมังการ” แต่มันคู่กับคำว่า “อัตตา” “อัตตนียา” อัตตา แปลว่า ตัวตน, อัตตนียา แปลว่า ของตน แต่พอที “อหังการ” “มมังการ” คำนี้มันแสดงความหมายรุนแรง จะมัว(ใช้คำว่า)“ตน” หรือ “ของตน”อยู่ไม่ไหว มันจึงเป็น “กู” หรือ “ของกู” ขึ้นมา
.... อหัง แปลว่า เรา, แต่ภาษาบาลีมันไม่มีคำใช้หลายคำ มันใช้คำเดียวเท่านั้น แต่ถ้าในกรณีที่โกรธขึ้นมามันก็คือ “กู”, อหัง ก็คือ “กู” ถ้าเวลาปกติ อหัง ก็แปลว่า เรา พูดกับพระพุทธเจ้า อหัง ก็คือ “ข้าพระพุทธเจ้า” ภาษาบาลีเป็นอย่างนี้ เหมือนกับภาษาอังกฤษ
…. “มมังการ” ก็เหมือนกัน #ความรู้สึกที่เดือดจัด มันถึงกับต้องแปลว่า “ของกู” เรื่อง “อหังการ” “มมังการ” ไม่ใช่ของใหม่ มีอยู่แล้วในบาลี(พระไตรปิฎก) แล้วก็ในพวกอื่นก็มีใช้ ในอินเดียใช้คำนี้อย่างแพร่หลาย เป็นเรื่องที่รู้กันดี คำว่า “อหังการ” “มมังการ” หมายความว่าอย่างไร ใช้ได้กับกิเลสประเภทละเอียด คือความเคยชินของกิเลสด้วย
.... ฉะนั้น คำว่า “ตัวกู” “ของกู” นี่ ไม่ใช่ของแปลกหรือตั้งเอาใหม่, มีอยู่แล้วในพระคัมภีร์ ในพระบาลี(พระไตรปิฎก) ในหลักพุทธศาสนาเขาเคยพูดกันแต่ว่า “เรา” “ของเรา” ที่เรามาแปลกันเป็น “กู” “ของกู” นี้ #เพื่อให้น้ำหนักมันเต็มที่_เต็มเปี่ยม ของคำว่า “อหังการ” “มมังการ” นี้มันเกี่ยวกับวิธีแปลด้วย
.... ที่จริงคำว่า “กู” นี้ ภาษาไทยเดิมไม่ใช่คำหยาบ “กู”คือคำธรรมดา เช่นในหลักศิลาจารึกสมัยสุโขทัย ใช้คำว่า “กู” ในความหมายปกติธรรมดา ไม่ใช่หยาบคาย...
.... แต่สำหรับของเรา ในกรณีของเรา คำว่า “กู” นี้ ให้หมายถึงว่า “ความยึดมั่นถือมั่นที่มันเต็มที่แล้ว” ฉะนั้น จึงใช้คำว่า “กู” ว่า “ของกู” ฉะนั้น คำว่า “กู” “ของกู” ในที่นี้เราหมายถึง “ความคิดที่ปรุงแต่งขึ้นมาในรูปของกิเลส” ไม่ใช่คำพูดธรรมดา ไม่ใช่คำแทนชื่อธรรมดา ถ้าไม่เกี่ยวกับความยึดมั่นถือมั่นของกิเลส ก็ไม่เรียกว่า “ตัวกู” หรือ “ของกู” ในที่นี้ คือในกรณีที่เรากำลังพูดกันอยู่.
.... ที่ผมพูดอยู่เป็นหลักนี้ ถ้าเมื่อไรพูดว่า “ตัวกู” “ของกู” ขอให้เข้าใจว่า มีความยึดมั่นเต็มที่ จนเป็นความโลภ หรือเป็นความโกรธ หรือเป็นความโง่ เดือดพล่านอยู่...
ทั้งหมดนี้ เป็นความยึดมั่นถือมั่นทั้งนั้น จึงได้โลภ จึงได้โกรธ จึงได้หลง ถ้าพูดว่า “ตัวกู” “ของกู” เพียงเท่านี้ ให้รู้เถอะว่า มันมีความยึดมั่นถือมั่นเป็นกิเลสเดือดจัด อย่างหนึ่งอย่างใดอยู่”
.
พุทธทาสภิกขุ
ธรรมบรรยาย “หลักพื้นฐานของ ตัวกู ของกู” ๓๐ เมษายน ๒๕๑๒
ที่มา : หนังสือ “ธรรมปาฏิโมกข์” เล่ม ๒ หน้า ๔๓๐-๔๓๑
.
Listen to 2512 04 30 หลักพื้นฐานเรื่องตัวกู ของกู by สืบสานงานท่านพุทธทาส on #SoundCloud
https://on.soundcloud.com/G5tBq
.
ธรรมปาฏิโมกข์ เล่ม 1 และ 2
https://soundcloud.com/user-327441149/sets/1-2a?si=857625d1f47f44c789c1d3e99bc2c812&utm_source=clipboard&utm_medium=text&utm_campaign=social_sharing