วิธีการสอนของพระพุทธองค์ คือ “ขังคอก” กับ “บินไป”
.
…. “ลักษณะแห่งการบําเพ็ญประโยชน์ผู้อื่นของพระพุทธองค์นั้น อาจแบ่งได้เป็นสองสถาน กล่าวคือ สําหรับสัตว์ที่ยังอ่อน พระองค์ทรง“ขังคอก”เอาไว้ ส่วนสัตว์ที่แก่กล้าแล้วพระองค์ทรง“ชี้ทางให้บินไป”
…. ที่ว่า “ขังคอกไว้” ก็คือ ให้อยู่ใน“กรอบวงของศีลธรรม” อย่าให้พลัดออกไปนอกคอก จะเป็นเหยื่อของสัตว์ร้าย กล่าวคือ “อบาย”.
…. แต่แม้กระนั้น พระองค์ก็ทรงสอนให้กระทําไปด้วยความไม่ยึดถือหรือติดแน่นในศีลธรรมนั้นๆ ถึงกับตรัสเปรียบว่า ธรรมะนี้เหมือนเรือแพ จะอาศัยมันเพียงที่ยังต้องข้ามทะเลเท่านั้น เมื่อถึงฝั่งแล้วไม่จําต้องแบกเอาเรือหรือแพขึ้นบกไปด้วย กล่าวคือ “ความยึดติด” ซึ่งจะทําให้ขึ้นบกไม่ได้
…. ที่ว่า “ทรงชี้ทางให้บินไป” ก็คือ ทรงสอนให้ละวางโลกนี้ โดยมองเห็นในด้านในตามที่เป็นอย่างไร แล้วไม่ยึดถือ ไม่ติดอยู่ในโลก ไม่ติดอยู่ในธรรม สามารถข้ามขึ้นสู่“โลกุตตรสภาพ” ซึ่งทรงตัวอยู่ได้โดยปราศจากภพจากชาติ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยุ่งยากโดยประการทั้งปวง
…. ในขั้นที่สอนให้บุคคลหนัก“อยู่ในศีลธรรมนั้น มิใช่เพื่อให้ยึดถือ” เป็นเพียงให้เดินไปตามทางที่มีการอารักขาไปก่อน หรือให้อยู่ในคอกที่มั่นคง เพื่อใช้เวลาในขณะนั้นสร้างความสามารถให้แก่ตัวเองให้เข้มแข็ง กลายเป็นเป็ดไก่ที่ไม่ต้องอยู่คอกเล้าหรืออาศัยคนเลี้ยง เช่น ลูกเป็ด ไก่อ่อน แต่ให้เป็นเป็ดสวรรค์ ไก่สวรรค์ หรือ นกซึ่งโบกบินไปได้ในอากาศอย่างเป็นอิสระเสรี
…. เพราะฉะนั้น ผู้ใดถอนตนออกมาได้เพียงใดขอจงกรุณาเอ็นดูสงเคราะห์ช่วยเหลือให้เพื่อนสัตว์ถอนตัวออกมาเพียงนั้น เมตตาที่มีอยู่นั้นจักเป็นเครื่องช่วยกําลังสมาธิหรือช่วยกําลังจิตให้ผ่องแผ้วกล้าหาญยิ่งขึ้น
…. และข้อที่ว่า ส่งเสริมกําลังปัญญา ก็คือ ข้อที่ตนถูกซักไซ้ไต่ถาม ย่อมทําให้ต้องพินิจพิจารณาในอรรถธรรมนั้นมากขึ้น ละเอียดขึ้น นี้เป็นผลกระท้อน(reaction) ที่กลับมาได้แก่ตัวเอง และส่งเสริมตัวเองให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก
…. ในพระบาลี(พระบาลีไตรปิฎก) “วิมุตตายตนสูตร” มีข้อความที่กล่าวไว้ว่า บุคคลบางคนได้บรรลุมรรคผลในเบื้องสูงเด็ดขาดถึงที่สุดได้ ในขณะที่ตนกําลังพยายามตอบปัญหาเรื่องนั้นเองแก่ผู้อื่น ทั้งนี้ เนื่องจากว่า คนบางคนหรือบางประเภทมีความแปลกประหลาดบางอย่าง คือความคิดหรือปีติปราโมทย์ของเขาเกิดยากในเวลาอื่น แต่เกิดง่ายในเวลาจําเป็นจะต้องคิดเพื่อสอนผู้อื่น.
…. ในกรณีเช่นนั้น ความคิดของเขาจะเกิดขึ้นเอง รู้เองไปพลาง แล้วพูดออกมาพลาง อาบย้อมไปด้วยปีติปราโมทย์อยู่ตลอดเวลา, ซาบซึ้งในอรรถรสแห่งธรรมชั้นประณีตอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า การพยายามคิดเพื่อสอนผู้อื่น ในเมื่อถูกซักไซ้ไต่ถามนั้น นอกจากจะเป็นการช่วยยกสถานะทางวิญญาณของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้สูงขึ้นแล้ว ยังเป็นการช่วยให้ตนเองเข้าถึงพุทธธรรมได้ง่ายขึ้นอีก จึงเป็นสิ่งที่ควรพยายาม. และยังจะเห็นได้ชัดเจนสืบไปว่า วิถีแห่งการเข้าถึงพุทธธรรมนั้น มีการประพฤติปฏิบัติตามแนวที่กล่าวมาแล้วเป็นส่วนสําคัญ และมีการบําเพ็ญประโยชน์ผู้อื่นเป็นอุปกรณ์เครื่องส่งเสริม เป็นสองชั้นอยู่ดังนี้”
.
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ปาฐกถาธรรม เรื่อง “วิถีแห่งการเข้าถึงพุทธธรรม” ณ พุทธสมาคม กรุงเทพมหานคร (ในเวลานั้นยังใช้ชื่อว่า “พุทธธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย”อยู่ ) เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๔๘๓ จากหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ เล่มชื่อว่า “ชุมนุมปาฐกถาชุดพุทธธรรม” หน้า ๙๐ - ๙๒
Podcast ของตอนนี้
Podcast ทั้งหมด
.
วันนี้ในอดีต13กค2483
ท่านพุทธทาสบรรยายเรื่อง
#วิถีแห่งการเข้าถึงพุทธธรรม
ณ.พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย
แสดงเมื่อ 13 กรกฎาคม 2483
เชิญฟังเสียงอ่าน
Youtube
Podcast
อ่าน
https://drive.google.com/file/d/1RnUChBBL5j9OPfU0KrLd3TpwGIkKhbVf/view?usp=sharing
ขอขอบคุณ
ธรรมทานมูลนิธิ
สวนโมกข์กรุงเทพ
AMJ Studio
มา ณ.โอกาสนี้ครับ
.
#ชุมนุมปาฐกถาชุด_พุทธธรรม
โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ
แสดงที่ พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย
ระหว่างปี พ.ศ 2483 ถึง 2491
คณะธรรมทานจัดพิมพ์มี 4 เรื่อง คือ
1 วิถีแห่งการเข้าถึงพุทธธรรม
แสดงเมื่อ 13 กรกฎาคม 2483
2 ความสงบคือพุทธธรรม
แสดงเมื่อ 5 มิถุนายน 2485
3 ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม
แสดงเมื่อ 5 มิถุนายน 2491
4 ขยายความภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม (เรื่องผนวกของภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม,บันทึกเกี่ยวกับการตอบปัญหา ภูเขาพุทธธรรม ของ ศ.ศ ดูชุมนุมปาฐกถาชุด พุทธธรรม หน้า 402)
แสดงเมื่อ 21 มิถุนายน 2491
จาก คำปรารภ หนังสือ
ชุมนุมปาฐกถาชุด พุทธธรรม