คำสวดบท อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปปาทปาฐะ
(๑๐. อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปปาทปาฐะ)
[(นำ) หันทะ มะยัง ปะฏิจจะสะมุปปาทะธัมเมสุ อิทัปปัจจะยะตาทิธัมมะปาฐัง ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงกล่าวพระสูตรอิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาทเถิด
กะตะโม จะ ภิกขะเว ปะฏิจจะสะมุปปาโท, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ก็ปฏิจจสมุปบาทเป็นอย่างไรเล่า?
(๑) ชาติปัจจะยา ภิกขะเว ชะรามะระณัง, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะย่อมมี. อุปปาทา วา ภิกขะเว ตะถาคะตานัง, อะนุปปาทา วา ตะถาคะตานัง, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย, จะบังเกิดขึ้น ก็ตาม, จะไม่บังเกิดขึ้น ก็ตาม, ฐิตาวะ สา ธาตุ, ธรรมธาตุนั้น ย่อมตั้งอยู่แล้ว นั่นเทียว, ธัมมัฏฐิตะตา, คือความตั้งอยู่แห่งธรรมดา, ธัมมะ นิยามะตา, คือความเป็นกฎตายตัวแห่งธรรมดา, อิทัปปัจจะยะตา, คือความที่เมื่อมีสิ่งนี้สิ่งนี้ เป็นปัจจัย, สิ่งนี้สิ่งนี้ จึงเกิดขึ้น.
ตัง ตะถาคะโต อะภิสัมพุชฌะติ อะภิสะเมติ, ตถาคตย่อมรู้พร้อมเฉพาะ ย่อมถึงพร้อมเฉพาะ, ซึ่งธรรมธาตุนั้น, อะภิสัมพุชฌิต๎วา อะภิสะเมต๎วา, ครั้นรู้พร้อมเฉพาะแล้ว ถึงพร้อมเฉพาะแล้ว, อาจิกขะติ เทเสติ, ย่อมบอก ย่อมแสดง, ปัญญะเปติ ปัฏฐะเปติ, ย่อมบัญญัติ ย่อมตั้งขึ้นไว้, วิวะระติ วิภะชะติ, ย่อมเปิดเผย ย่อมจำแนกแจกแจง, อุตตานีกะโรติ, ย่อมทำให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ, ปัสสะถาติ จาหะ, ชาติปัจจะยา ภิกขะเว ชะรามะระณัง, และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายจงมาดู, เพราะชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะย่อมมี.
อิติ โข ภิกขะเว, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะเหตุดังนี้แล, ยา ตัต๎ระ ตะถะตา, ธรรมธาตุใด ในกรณีนั้น, อันเป็น ตถตา, คือความเป็นอย่างนั้น, อะวิตะถะตา, เป็น อวิตถตา, คือความไม่ผิดไปจากความเป็นอย่างนั้น, อะนัญญะถะตา, เป็นอนัญญถตา, คือความไม่เป็นไปโดยประการอื่น, อิทัปปัจจะยะตา, เป็น อิทัปปัจจยตา, คือความที่เมื่อสิ่งนี้สิ่งนี้ เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้ จึงเกิดขึ้น.
อะยัง วุจจะติ ภิกขะเว ปะฏิจจะสะมุปปาโท, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ธรรมนี้ เราเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท, (คือธรรมอันเป็นธรรมชาติ อาศัยกันแล้ว เกิดขึ้น)
(๒) ภะวะปัจจะยา ภิกขะเว ชาติ, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะภพเป็นปัจจัย, ชาติย่อมมี. …ปัสสะถาติ จาหะ, ภะวะปัจจะยา ภิกขะเว ชาติ, และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายจงมาดู, เพราะภพเป็นปัจจัย, ชาติย่อมมี. …
(๓) อุปาทานะปัจจะยา ภิกขะเว ภะโว, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพย่อมมี. …ปัสสะถาติ จาหะ, อุปาทานะปัจจะยา ภิกขะเว ภะโว, และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายจงมาดู, เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย, ภพย่อมมี. …
(๔) ตัณหาปัจจะยา ภิกขะเว อุปาทานัง, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะตัณหาเป็นปัจจัย, อุปาทานย่อมมี. …ปัสสะถาติ จาหะ, ตัณหาปัจจะยา ภิกขะเว อุปาทานัง, และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายจงมาดู, เพราะตัณหาเป็นปัจจัย, อุปาทานย่อมมี. …
(๕) เวทะนาปัจจะยา ภิกขะเว ตัณหา, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะเวทนาเป็นปัจจัย, ตัณหาย่อมมี. …ปัสสะถาติ จาหะ, เวทะนาปัจจะยา ภิกขะเว ตัณหา, และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายจงมาดู, เพราะเวทนาเป็นปัจจัย, ตัณหาย่อมมี. …
(๖) ผัสสะปัจจะยา ภิกขะเว เวทะนา, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะผัสสะเป็นปัจจัย, เวทนาย่อมมี. …ปัสสะถาติ จาหะ, ผัสสะปัจจะยา ภิกขะเว เวทะนา, และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายจงมาดู, เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาย่อมมี. …
(๗) สะฬายะตะนะปัจจะยา ภิกขะเว ผัสโส, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย, ผัสสะย่อมมี. …ปัสสะถาติ จาหะ, สะฬายะตะนะปัจจะยา ภิกขะเว ผัสโส, และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายจงมาดู, เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย, ผัสสะย่อมมี. …
(๘) นามะรูปะปัจจะยา ภิกขะเว สะฬายะตะนัง, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะนามรูปเป็นปัจจัย, สฬายตนะย่อมมี. …ปัสสะถาติ จาหะ, นามะรูปะปัจจะยา ภิกขะเว สะฬายะตะนัง, และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายจงมาดู, เพราะนามรูปเป็นปัจจัย, สฬายตนะย่อมมี. …
(๙) วิญญาณะปัจจะยา ภิกขะเว นามะรูปัง, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย, นามรูปย่อมมี. …ปัสสะถาติ จาหะ, วิญญาณะปัจจะยา ภิกขะเว นามะรูปัง, และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายจงมาดู, เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย, นามรูปย่อมมี. …
(๑๐) สังขาระปัจจะยา ภิกขะเว วิญญาณัง, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะสังขารเป็นปัจจัย, วิญญาณย่อมมี. …ปัสสะถาติ จาหะ, สังขาระปัจจะยา ภิกขะเว วิญญาณัง, และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายจงมาดู, เพราะสังขารเป็นปัจจัย, วิญญาณย่อมมี. …
(๑๑) อะวิชชาปัจจะยา ภิกขะเว สังขารา, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย, สังขารทั้งหลายย่อมมี. อุปปาทา วา ภิกขะเว ตะถาคะตานัง, อะนุปปาทา วา ตะถาคะตานัง, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุที่พระตถาคตทั้งหลาย, จะบังเกิดขึ้น ก็ตาม, จะไม่บังเกิดขึ้น ก็ตาม, ฐิตาวะ สา ธาตุ, ธรรมธาตุนั้น ย่อมตั้งอยู่แล้วนั่นเทียว, ธัมมัฏฐิตะตา, คือความตั้งอยู่แห่งธรรมดา, ธัมมะนิยามะตา, คือความเป็นกฎตายตัวแห่งธรรมดา, อิทัปปัจจะยะตา, คือความที่เมื่อมีสิ่งนี้สิ่งนี้ เป็นปัจจัย, สิ่งนี้สิ่งนี้ จึงเกิดขึ้น.
ตัง ตะถาคะโต อะภิสัมพุชฌะติ อะภิสะเมติ, ตถาคตย่อมรู้พร้อมเฉพาะ ย่อมถึงพร้อมเฉพาะ, ซึ่งธรรมธาตุนั้น, อะภิสัมพุชฌิต๎วา อะภิสะเมต๎วา, ครั้นรู้พร้อมเฉพาะแล้ว ถึงพร้อมเฉพาะแล้ว, อาจิกขะติ เทเสติ, ย่อมบอก ย่อมแสดง, ปัญญะเปติ ปัฏฐะเปติ, ย่อมบัญญัติ ย่อมตั้งขึ้นไว้, วิวะระติ วิภะชะติ, ย่อมเปิดเผย ย่อมจำแนกแจกแจง, อุตตานีกะโรติ, ย่อมทำให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ, ปัสสะถาติ จาหะ, อะวิชชาปัจจะยา ภิกขะเว สังขารา, และได้กล่าวแล้วในบัดนี้ว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงมาดู เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย, สังขารทั้งหลายย่อมมี.
อิติ โข ภิกขะเว, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะเหตุดังนี้แล, ยา ตัต๎ระตะถะตา, ธรรมธาตุใด ในกรณีนั้น, อันเป็น ตถตา, คือความเป็นอย่างนั้น, อะวิตะถะตา, เป็น อวิตถตา, คือความไม่ผิดไปจากความเป็นอย่างนั้น, อะนัญญะถะตา, เป็นอนัญญถตา, คือความไม่เป็นไปโดยประการอื่น, อิทัปปัจจะยะตา, เป็น อิทัปปัจจยตา, คือความที่เมื่อมีสิ่งนี้สิ่งนี้ เป็นปัจจัย, สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น.
อะยัง วุจจะติ ภิกขะเว ปะฏิจจะสะมุปปาโท, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ธรรมนี้ เราเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท, (คือธรรมอันเป็นธรรมชาติ อาศัยกันแล้วเกิดขึ้น), อิติ. ดังนี้แล.
.
ฟัง youtube และ สวดตาม.
.
อธิบายความหมาย
๑๐๒. ความหมายของแต่ละชื่อในปฏิจจสมุปบาท:
.
ฟัง #หลักปฏิบัติเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท 12มิย2514.
อ่าน #ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์
https://drive.google.com/open?id=15mA26vNqdEOpxYPGJEtXqyTtDREu9X8W&usp=drive_fs
.
หมายเหตุ
มรดกธรรมข้อที่ ๒๐ ที่ท่านพุทธทาสภิกขุฝากไว้ให้พุทธศาสนิกชน คือ
“บทสวดมนต์แปลแบบสวนโมกข์ คือ สวดมนต์แปล ที่ได้ พยายามกระทำ ให้สวดกัน ได้ลื่นสละสลวย ได้เลือกมาเฉพาะเนื้อความที่เป็นหลักธรรมเข้มข้นและรัดกุม ใช้เป็นอารมณ์แห่งสมาธิและวิปัสสนาไปได้ในตัว ขอฝากไว้ให้ใช้สวดกัน ตลอดกาลนาน”
ที่มา - https://www.facebook.com/buddhadasaarchives/photos/a.310319065534/10153809748400535/?type=1&theater
.
เลือกสวดมนต์แปลบทอื่นๆ
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1hlMz5sFHVdXuWNE8DEPR1BsRszG9M_S7Hxpb2eDDXEU/edit?usp=sharing
.
Youtube สวดมนต์แปลสวนโมกข์
https://www.youtube.com/playlist?list=PLmie17BZKID7OsIMuTdcQ5IcY6-VAZ7Au
.
หมายเหตุ.มรดกธรรมข้อที่ ๒๐
“บทสวดมนต์แปลแบบสวนโมกข์ คือ สวดมนต์แปล ที่ได้พยายามกระทำให้สวดกันได้ลื่นสละสลวย ได้เลือกมาเฉพาะเนื้อความที่เป็นหลักธรรมเข้มข้นและรัดกุม ใช้เป็นอารมณ์แห่งสมาธิและวิปัสสนา ไปได้ในตัว. ขอฝากไว้ให้ใช้สวดกันตลอดกาลนาน”
(สวดมนต์แปลสวนโมกข์ ท่านพุทธทาสเริ่มทำปี พ.ศ. 2497,ผู้รวบรวม)
(ผู้นำไปปฏิบัติจะได้รับประโยชน์ตามส่วนของการปฏิบัติ " ธรรม " นั้น จนในที่สุดก็พบความสงบเย็นในใจตนเอง)
จาก มรดกที่ขอฝากไว้
https://drive.google.com/open?id=1j37Jp8Ptu71dc63Fyll6uZg_5O3xBZDX&usp=drive_fs