คำสวดบท กรณียเมตตสูตร
(๘. กรณียเมตตสูตร)
[(นำ) หันทะ มะยัง กรณียะเมตตะสุตตะ ปาฐัง ภะณามะเส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดพระบาลีว่าด้วยกรณียเมตตสูตรเถิด.
กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ, ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ,
สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ, สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี,
บุคคลผู้ฉลาดในสิ่งที่มีประโยชน์, มุ่งหวังจะบรรลุทางสงบ คือ พระ
นิพพาน, พึงบำเพ็ญศีล สมาธิ และปัญญา, เป็นคนกล้า เป็นคนซื่อ,
เป็นคนตรง ว่าง่าย, อ่อนโยน ไม่เย่อหยิ่ง,
สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ, อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ,
สันตินท๎ริโย จะ นิปะโก จะ, อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ,
เป็นผู้สันโดษ เลี้ยงง่าย, มีภารกิจน้อย คล่องตัว, ระมัดระวังการแสดงออก
รู้ตัว, ไม่คะนอง ไม่คลุกคลีในตระกูลทั้งหลาย,
นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ, เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง,
สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ, สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา,
ไม่พึงประพฤติสิ่งที่วิญญูชนตำหนิติเตียน, ขอหมู่สัตว์ทั้งปวง,
จงมีความสุขกายสบายใจ, มีความเกษมสำราญเถิด,
เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ, ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา,
ทีฆา วา เย มะหันตา วา, มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา,
ขอสัตว์ทั้งหลายบรรดามี, จะเป็นสัตว์ตัวอ่อน หรือตัวแข็งก็ตาม, เป็นสัตว์
ลำตัวยาว หรือลำตัวใหญ่ก็ตาม, ลำตัวปานกลาง หรือตัวสั้นก็ตาม, ตัวเล็ก
หรือตัวโตก็ตาม,
ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา, เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร,
ภูตา วา สัมภะเวสี วา, สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา,
เป็นสัตว์มองเห็นได้ หรือมองไม่เห็นก็ตาม, ที่อยู่ไกล หรืออยู่ใกล้ก็ตาม,
ที่เกิดแล้ว หรือ กำลังหาที่เกิดอยู่ก็ตาม, ขอหมู่สัตว์ทั้งปวงนั้น, จงสุขกาย
สบายใจเถิด,
นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ, นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ,
พ๎ยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา, นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ,
บุคคลไม่พึงหลอกลวงผู้อื่น, ไม่ควรดูหมิ่นเหยียดหยามใคร ๆ,
ถึงจะมีความขุ่นเคืองโกรธแค้นกัน, ก็ไม่ควรมุ่งร้ายต่อกันและกัน,
มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง, อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข,
เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ, มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง,
พึงแผ่เมตตาจิตไม่มีประมาณ ในหมู่สัตว์ทั้งปวง, ดุจมารดาถนอม
และปกป้องบุตรสุดที่รักคนเดียว ด้วยชีวิต ฉะนั้นแล,
เมตตัญจะ สัพพะโลกัส๎มิง, มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง,
อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ, อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง,
พึงแผ่เมตตาจิตไม่มีประมาณ, ไม่มีขอบเขต ไม่คิดผูกเวร ไม่เป็นศัตรู,
ในหมู่สัตว์โลกทั้งปวง ทั่วทุกทิศ,
ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา, สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ,
เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ, พ๎รห๎มะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ,
ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น, ยืน เดิน นั่ง หรือนอน, ตลอดเวลาที่ตนยังตื่นอยู่,
พึงตั้งสติอันประกอบด้วยเมตตานี้ให้มั่นคง, ในธรรมวินัยนี้, บัณฑิตทั้งหลาย
กล่าวว่า, การอยู่ด้วยเมตตานี้ เป็นพรหมวิหาร (การอยู่อย่างประเสริฐ),
ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา, ทัสสะเนนะ สัมปันโน,
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง, นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตี-ติ.
บุคคลผู้เจริญเมตตาจิต, ละความเห็นผิดได้แล้ว, มีศีล ได้บรรลุโสดาปัตติมรรค,
กำจัดความกำหนัดใคร่ในกามได้สิ้นเชิง, ย่อมไม่กลับมาเกิดอีกเป็นแน่แท้แล.
.
เลือกสวดมนต์แปลบทอื่นๆ
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1hlMz5sFHVdXuWNE8DEPR1BsRszG9M_S7Hxpb2eDDXEU/edit?usp=sharing
.
Youtube สวดมนต์แปลสวนโมกข์
https://www.youtube.com/playlist?list=PLmie17BZKID7OsIMuTdcQ5IcY6-VAZ7Au
.
หมายเหตุ.มรดกธรรมข้อที่ ๒๐
“บทสวดมนต์แปลแบบสวนโมกข์ คือ สวดมนต์แปล ที่ได้พยายามกระทำให้สวดกันได้ลื่นสละสลวย ได้เลือกมาเฉพาะเนื้อความที่เป็นหลักธรรมเข้มข้นและรัดกุม ใช้เป็นอารมณ์แห่งสมาธิและวิปัสสนา ไปได้ในตัว. ขอฝากไว้ให้ใช้สวดกันตลอดกาลนาน”
(สวดมนต์แปลสวนโมกข์ ท่านพุทธทาสเริ่มทำปี พ.ศ. 2497,ผู้รวบรวม)
(ผู้นำไปปฏิบัติจะได้รับประโยชน์ตามส่วนของการปฏิบัติ " ธรรม " นั้น จนในที่สุดก็พบความสงบเย็นในใจตนเอง)
จาก มรดกที่ขอฝากไว้
https://drive.google.com/open?id=1j37Jp8Ptu71dc63Fyll6uZg_5O3xBZDX&usp=drive_fs